วอลโว่ ประเทศไทย ค่อย ๆ ปล่อยอาวุธหนักออกมาเรื่อย ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์นั่งหรูหราขนาดเล็กที่มาพร้อมระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาท เรียกว่าได้ใจกันไปเต็ม ๆ เพราะแม้แต่รุ่นท๊อปของครอบครัวอย่างวอลโว่ วี40 ครอสคันทรีก็ราคาต่ำกว่านั้น
แถมเมื่อเปรียบเทียบกับสมรรถนะและของเล่นที่ให้มาแบบเต็มพิกัดไม่แตกต่างจากรุ่นพี่ ระบบความปลอดภัยรอบคัน เครื่องยนต์สมรรถนะสูง ระบบควบคุมต่าง ๆ ที่ในรถระดับเดียวกันไม่สามารถให้มาได้ ยิ่งทำให้เจ้าของค่าตัว 1.92 ล้านบาทคันนี้มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก
วี40 ครอสคันทรี หรือที่วอลโว่เรียกย่อ ๆ ว่า วี40ซีซี นั้น เปิดตัวในประเทศไทยในช่วงปลายปี 2556 ที่ผ่านมา และยังไม่ได้เปิดให้ทดสอบกันเสียที จนกระทั่งเมื่อได้ทราบข่าวว่าวอลโว่พร้อมที่จะปล่อยรถทดสอบแล้ว เราก็เดินหน้าขอคิวทดสอบกันในทันที
หากพูดโดยสรุป รถคันนี้มีดีมากพอที่จะทำให้ผู้ที่ชอบขับขี่รถหลงรักมันได้อย่างไม่ยากเย็น แม้จะมีคำถามว่าจะต้องยอมจ่ายเพิ่มอีกสักเล็กน้อยเพื่อเพิ่มขึ้นมาจากวี40 รุ่นธรรมดาหรือไม่ แต่หากกวาดตาไปที่บรรดารถยุโรปแบรนด์อื่น ๆ แล้วยังหาคู่แข่งมาประกบได้ยากอยู่
รูปร่างหน้าตามาในแนวแข็งแกร่ง บึกบึน เน้นความโดดเด่นและแตกต่างด้วยกาบกันชนหน้า กาบข้างและกาบกันชนหลังสีดำตัดกับตัวรถ กระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว และแถบสีเงินเขียนตัวหนังสือคำว่า CROSS COUNTRY แปะอยู่ใต้กาบกันชนหลังอีกที
จริง ๆ แล้วในเรื่องของการออกแบบนั้น กาบสีดำเหล่านี้มีหน้าที่อย่างชัดเจนในเรื่องของการป้องกันรอยจากการที่ก้อนหินหรือก้อนกรวดดีดกระเด็นขึ้นมา ในยามที่นำรถออกไปใช้งานแบบกึ่งสมบุกสมบันตามชานเมืองต่าง ๆ
ข้อแตกต่างที่เห็นได้ชัด ๆ อีกอย่างจากวี40 รุ่นพื้นฐานก็คือแร็คหลังคาที่ติดตั้งมาอย่างสวยงามลงตัว และหากดูลงไปในรายละเอียดที่ตาเปล่ามองไม่เห็นก็จะพบว่ารถคันนี้ถูกเซตให้มีความสูงมากกว่ารุ่นธรรมดา 40 มม. ซึ่งทำให้ตำแหน่งการนั่งขับสูงขึ้นตามไปด้วย
กระจกหน้าและช่องดักลมแบบรังผึ้งทำให้ตัวรถดูมีมิติมากขึ้น และดูล้ำสมัยด้วยการตัดลายโครเมียมในตำแหน่งต่าง ๆ เส้นลายและมัดกล้ามที่ลากยาวจากฝากระโปรงและกันชนหน้าผ่านด้านข้างของตัวรถไปจรดด้านท้าย ทำให้รถดูลื่นไหลและเพรียวลมมากขึ้น
แม้จะมาพร้อมคำว่าครอสคันทรี แต่รถยนต์คันนี้มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้าเหมือนวี40 ธรรมดา ไม่ได้มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแต่อย่างใด ความแตกต่างจึงออกมาในเรื่องของรูปร่างหน้าตาเป็นหลักเสียมากกว่าในเรื่องของระบบการขับขี่จริง ๆ
เครื่องยนต์ที5 ของวอลโว่ที่นำมาติดตั้งเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 213 แรงม้าที่ 6000 รอบต่อนาที และให้แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 2,700-5,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังผ่านเกียร์ออโตเมติก 6 สปีด โดยตามสเปกสามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กม./ช.ม. ได้ใน 6.9 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 210 กม./ช.ม. สามารถรองรับน้ำมันได้ถึงเบนซิน อี20 ได้ และให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ 13.3 กิโลเมตรต่อลิตร
การตกแต่งห้องโดยสารภายในให้บรรยากาศแบบเรียบหรูดูดีในแบบวอลโว่ยุคหลัง ๆ จะเรียกได้ว่าบรรยากาศของรถเมื่อเข้าไปนั่งแล้วไม่ได้ให้อารมณ์ที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อยก็คงไม่ผิดอะไร แต่เมื่อกวาดสายตามองไปข้างหน้าก็พบอะไรใหม่ ๆ ที่ซ่อนอยู่
หน้าจอแสดงผลแบบดิจิตอลที่ทำงานร่วมกับระบบควบคุมการทำงานของฟังชั่นต่าง ๆ ผ่านปุ่มต่าง ๆ ที่เรียกว่าวอลโว่ เซนซัส (VOLVO SENSUS) ที่นอกจากจะช่วยให้เรียกระบบการทำงานต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วด้วยปลายนิ้วแล้ว ยังให้ความสวยงามและชาญฉลาดอย่างเหนือชั้น
นอกเหนือจากการปรับการแสดงผลของหน้าจอได้ถึง 3 รูปแบบแล้ว ยังสามารถเลือกการใช้งานของการแสดงผลบนหน้าจอได้หลากหลายฟังชั่น ไม่ว่าจะเป็นการบอกความเร็ว รอบเครื่องยนต์ สมรรถนะและพลังงานที่ใช้ รวมไปถึงระยะทางที่น้ำมันในถังยังสามารถวิ่งได้อยู่ และอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
แป้นควบคุมด้านซ้ายมือสำหรับระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะที่ด้านขวาใช้สำหรับการควบคุมระบบเครื่องเสียงและการตั้งค่าต่าง ๆ ภายในรถ ซึ่งใช้เวลาเรียนรู้ไม่ยาก จะติดก็การที่มักจะเผลอกดหน้าจอเพราะนึกว่าเป็นระบบสัมผัสเท่านั้น
เบาะที่นั่งสวยและให้บรรยากาศที่ดูอบอุ่น บนเบาะที่มีผิวสัมผัสและการรองรับน้ำหนักที่ดีที่สุดคันหนึ่งของรถในกลุ่มนี้ เมื่อมองรวม ๆ แล้ว ห้องโดยสารค่อนข้างให้บรรยากาศผ่อนคลายและเน้นการขับขี่แบบรถครอบครัว ซึ่งเป็นลูกค้ากลุ่มใหญ่ของวอลโว่อยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่ใช่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ แม้จะมีบรรยากาศที่ชวนให้ขับไปเรื่อย ๆ เพียงใด แต่ก็อย่าได้ประมาทเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จ 2 ลิตรรุ่นนี้เป็นอันขาด เพราะเมื่อประกอบร่างกับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดแล้วต้องถือว่าเป็นรถยนต์ที่ให้การตอบสนองได้อย่างดุดันไม่น้อย
ถ้าออกตัวจากจุดหยุดนิ่งด้วยการกดคันเร่งลงไปอย่างรุนแรง จะรู้สึกถึงอาการล้อหมุนฟรีเล็กน้อยก่อนที่แรงบิดมหาศาลจะส่งรถทั้งคันเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว เหลือสายตาจากถนนลงไปมองที่มาตรวัดความเร็ว ก็จะเห็นไมล์ความเร็วปรับความเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในเวลาประมาณ 7 วินาทีนิด ๆ
การเร่งแซงบนท้องถนนเป็นเรื่องง่ายดายสำหรับรถคันนี้ เพราะเพียงแค่กดคันเร่งเบา ๆ รถก็พร้อมจะวิ่งปรู๊ดปร๊าดเข้าไปในช่องว่างบนท้องถนนอย่างไม่ยาก แถมด้วยระบบความปลอดภัยเต็มคันของวอลโว่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถไว้วางใจว่ารถยนต์คันนี้จะทำอะไรที่ยาก ๆ ได้อย่างง่ายดาย
วอลโว่เคลมว่ารถคันนี้ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแม้จะไม่ได้วิ่งไปถึงขนาดนั้นแต่ก็มั่นใจว่าวอลโว่ไม่ได้โอเวอร์เคลมในเรื่องนี้แต่อย่างใด แถมการวิ่งทำความเร็วไปถึงระดับนั้นก็ไม่ได้ยากเย็นหรือเหนื่อยยากที่จะลากรถไปที่ระดับความเร็วสูงมาก
ระบบต่าง ๆ ที่ติดตั้งมาท่วมคันถือเป็นระบบที่ใช้งานได้จริงบนถนนเมืองไทยได้ทั้งสิ้น ถ้าไม่รู้สึกรำคาญกับการเตือนจนต้องปิดไปเกือบทุกระบบแบบผม ไล่ไปตั้งแต่ระบบสตาร์ท/สต๊อป ที่ช่วยเรื่องการประหยัดน้ำมัน แม้จะทำงานได้ไว้แต่ก็กระตุกแรงเกินไปจนรู้สึกได้ในยามที่เครื่องยนต์กลับมาติดอีกครั้ง
ระบบเตือนรถยนต์เปลี่ยนเลน ระบบป้องกันการชนที่ความเร็วต่ำ ระบบเตือนเมื่อมีรถยนต์วิ่งในจุดอับ ระบบเปิดปิดไฟสูงอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนเมื่อมีรถวิ่งมาจากด้านข้างขณะถอยรถ ระบบแจ้งเตือนป้ายจราจร และระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ ทั้งหมดที่ว่ามาคือสิ่งที่คุณจะได้ไปเมื่อตัดสินใจเป็นเจ้าของรถคันนี้ พ่วงไปด้วยถุงลมนิรภัยปกป้องเข่า ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของวอลโว่
จุดที่ดูน่าจะรำคาญไปสักเล็กน้อยในการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันก็คือเรื่องของเสียงยางบดถนนที่ดูเหมือนจะเข้ามาในห้องโดยสารมากไปหน่อย ซึ่งแม้ยางที่ติดรถมาจะเป็นยางยี่ห้อที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มเงียบ แต่ก็แก้ไขไม่ยากครับ เปลี่ยนยางใหม่ที่เก็บเสียงดีกว่านี้ก็น่าจะหมดปัญหา
ในเรื่องของความนุ่มนวลในการขับขี่ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของวอลโว่ที่สร้างเอาไว้ค่อนข้างสูง ระบบเครื่องเสียงที่ให้มาเพียงพอสำหรับมนุษย์ธรรมดาที่จะฟังเพลงได้หลากแนวหลายรูปแบบ ถ้าเป็นพวกหูเทพก็อาจจะต้องหาวิธีปรับจูนเครื่องเสียงกันอีกสักเล็กน้อย
อัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยแบบขับใช้งานจริงไม่ได้ระมัดระวังอะไรมาก คิดจะแซงก็แซง คิดจะชิลล์ก็ชิลล์ ตัวคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดระบุว่าใช้น้ำมันเฉลี่ยที่ 10-11 กิโลเมตรต่อลิตร เติมน้ำมัน 1 ถัง วิ่ง 550-600 กิโลเมตรได้สบาย ๆ
โดยสรุปแล้วก็ตามหัวเรื่องครับ วอลโว่รุ่นนี้ถือว่าสวยเลยล่ะในสายตาของผม สีดำที่ตัดกับสีขาวของรถทดสอบดูลงตัวในทุกมิติ เท่าที่ดูบนตัวถังสีอื่นอาจจะไม่เด่นขนาดนี้ เครื่องยนต์จัดได้ว่าแรงและรีดสมรรถนะมาใช้ได้อย่างเต็มที่ ไม่แพงเพราะราคา 1.92 ล้านเรียกว่ามองหาคู่แข่งในตลาดที่ให้ของมาเยอะขนาดนี้ก็ยากอยู่ และล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ใส่กันมาเต็มพิกัด
ขาดแต่เรื่องของอิมเมจที่ดูจะเป็นรองกว่าคู่แข่ง แถมยังสลัดภาพลักษณ์ของความเป็นรถของผู้ใหญ่ออกไปไม่พ้นตัวเสียที ใครมีเงิน 2 ล้าน แล้วคิดจะซื้อบีเอ็มดับเบิลยู เอ็กซ์1 มินิ คันทรีแมน คูเปอร์ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส ในกลุ่มเครื่องยนต์เบนซินที่ราคาต่ำกว่า 2 ล้านด้วยคัน ควรสละเวลาไปลองคันนี้เสียก่อน
แถมถ้าคิดว่าแพงไปสักเล็กน้อย มีวี40 เวอร์ชั่นธรรมดา ที่ราคาเริ่มต้นที่ 1.68 ล้านบาทให้เลือกต่างหาก แต่อย่าถามว่าเป็นอย่างไร เพราะยังไม่ได้ลองเหมมือนกันครับ!!!
รายละเอียดทางเทคนิค วอลโว่ วี40 ครอสคันทรี ที5
ราคาจำหน่าย 1.92 ล้านบาท
เครื่องยนต์ เบนซิน เทอร์โบชาร์จ 2 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง อี20
กำลังสูงสุด 213 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตรที่ 2,700-5,000 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.9 วินาที
ความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราสิ้นเปลือง เฉลี่ย 13.3 กิโลเมตรต่อลิตร
ขอขอบคุณ บริษัท วอลโว่ คาร์ส (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถยนต์ทดสอบในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com หรือเฟซบุ๊ค Autospinn.Fan
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/2013_Volvo_V40CC/
พบวอลโว่มือสองและวอลโว่ วี40 มือสองคุณภาพเยี่ยม ได้ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น