หลังจากที่ฮอนด้า ประเทศไทย ได้ประกาศเปิดตัวรถยนต์ฮอนด้า ซิตี้ เวอร์ชั่นปี 2014 ของประเทศไทยไปเมื่อช่วงกลางเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุดก็ได้จัดการทดสอบเป็นครั้งแรกบนเส้นทางขึ้นเขาลงเขาของจ.เชียงใหม่ ซึ่งผลการทดสอบออกมาถือว่าน่าสนใจไม่น้อยสำหรับรถเล็กรุ่นนี้
รถรุ่นนี้ถือเป็นหนึ่งในรถธงในการทำยอดจำหน่ายทั่วโลกของฮอนด้า โดยใน 3 เจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา มียอดจำหน่ายใน 55 ประเทศทั่วโลก และมียอดขายสะสมไปแล้วกว่า 2.2 ล้านคัน พร้อมด้วยรางวัลยืนยันความยอดนิยมอย่างมหาศาล
ฮอนด้า ซิตี้ เจนเนอเรชั่นที่ 4 นั้นมาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ที่สามารถรองรับเชื้อเพลิง อี85 ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่ใช้ในการทดสอบครั้งนี้ ระบบเกียร์ซีวีทีที่ใช้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมในการคิดค้น เทคโนโลยีช่วงล่างใหม่หมดจด ในสนนราคารุ่นท๊อปอย่างเอสวีพลัสที่ขัยวันนี้ที่ 7.49 แสนบาท
เครื่องยนต์ไอ-วีเทค ขนาด 1.5 ลิตรที่ได้รับการพัฒนาปรับแต่งให้รองรับเชื้อเพลิงที่หลากหลายนั้น ฮอนด้าเคลมว่าตัวเลขทางด้านสมรรถนะไม่แตกต่างมากนัก ทั้งในเรื่องของแรงม้าและแรงบิด แต่ที่จะแตกต่างกันก็คืออัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ตามสเปกระบุไว้ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตรนั้นเป็นการทดสอบด้วยน้ำมันเบนซิน
นั่นก็หมายความว่าหากทำการทดลองวิ่งด้วยน้ำมันที่แตกต่างกันออกไปก็จะได้อัตราสิ้นเปลืองที่ต่างกัน เช่น หากใช้เชื้อเพลิง อี20 อัตราสิ้นเปลืองจะดีขึ้นประมาณ 3% เนื่องจากค่าออกเทนที่สูงกว่า แต่หากใช้เชื้อเพลิง อี85 จะสิ้นเปลืองเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ซึ่งก็ต้องนับถือฮอนด้าที่จัดทดสอบกันด้วยเชื้อเพลิงอี85 เลยทีเดียว
ระบบช่วงล่างใหม่ปรับมาใช้เทคโนโลยีในเรื่องของการลดแรงต้านทานที่ยาง คาลิเปอร์เบรกและระบบช่วงล่างอื่น ๆ เพื่อที่จะให้รถวิ่งออกไปได้อย่างนุ่มนวลต่อเนื่องที่สุด โดยทุกรุ่นตั้งแต่รุ่นล่างสุดได้รับการติดตั้งระบบควบคุมการทรงตัว (VSA) พร้อมแทร็กชั่นคอนโทรล และระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA) เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทั้งหมด
รูปร่างหน้าตาแล้วแต่คนมองว่าสวยหรือไม่สวย แต่ผมเองมองว่าหน้าตามันดูประหลาด ๆ อาจจะต้องใช้เวลาสักพักในการทำความคุ้นชิน แต่หากมองในรายละเอียดของการออกแบบแล้ว ซิตี้น่าจะเป็นรถรุ่นแรก ๆ ของฮอนด้าในประเทศไทยที่มาพร้อมแนวคิดในการออกแบบใหม่ที่เรียกว่า Exciting H Design
รูปทรงของตัวรถออกแบบมาให้ดูทันสมัยเต็มพิกัด และเพิ่มความลู่ลมของตัวรถตั้งแต่กันชมหน้าแอร์โรวไดนามิก เส้นสายด้านข้างแบบ 3 มิติที่มีส่วนลึกของพื้นผิวทำให้รถดูโดดเด่น มีพลัง และส่งเส้นสายออกไปถึงด้านหลังของรถที่มีไฟท้ายหน้าตาสวยสดหมดจดรอรับอยู่
การออกแบบรถเน้นไปที่การเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารและผู้ขับขี่บนพื้นฐานของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก ทำให้มิติตัวถังภายนอกดูไม่ได้กว้างออกมาเท่าไร แต่ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้น 50 มม. ช่วยให้พื้นที่ในห้องโดยสารกว้างขึ้นอย่างมาก เช่น ระยะไหล่กว้างขึ้น 40 มม. พื้นที่ห้องโดยสารด้านบนเพิ่ม 10 มม. ระยะวางเข่าที่เบาะหลังเพิ่ม 70 มม. และพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังกว้างขึ้นอีก 60 มม.
เครื่องยนต์ ไอ-วีเทคที่ได้รับการปรับให้ใช้เชื้อเพลิงใหม่นั้น มีพละกำลังที่ 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุดที่ 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที ตามสเปกนั้นระบุว่ามีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ 17.7 กิโลเมตรต่อลิตรและปล่อยไอเสียที่ 133 กรัมต่อกิโลเมตร
การออกแบบภายในนอกจากเน้นการขยายพื้นที่ห้องโดยสารให้ดูกว้างขวางและโอ่อ่ามากขึ้น ซึ่งสัมผัสได้ในทันทีที่มองเห็นด้วยสายตาแล้ว หากไม่นับเบาะผ้าแบบธรรมดา ต้องบอกว่าเป็นห้องโดยสารของรถยนต์ขนาดเล็กที่ดูดีที่สุดรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว
เบาะที่นั่งด้านหน้าออกแบบมารับน้ำหนักการนั่งดี แต่ติดที่เบาะที่นั่งดูสั้นไปเล็กน้อยไม่รองรับกับขาทั้งหมด ทำให้นั่งไปนาน ๆ ก็อาจจะเมื่อยได้ ขณะที่ขนาดของเบาะที่นั่งตอนหลังออกแบบมาได้ลงตัวและดูท่าทางจะนั่งสบายกว่า
คอนโซลหน้าที่ออกแบบมาอย่างทันสมัย ตรงกลางเป็นระบบอินโฟร์เทนเมนต์พร้อมหน้าจอที่มาพร้อมระบบสัมผัสไปจนถึงแผงควบคุมระบบปรับอากาศ พวงมาลัยพาวเวอร์วงใหญ๋ ที่ซ่อนมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบและจอดิจิตอลบอกข้อมูลการขับขี่เอาไว้อย่างสวยงามลงตัว ดูหรูหรากว่าที่จะเห็นในรถเล็กทั่ว ๆ ไป
ในรุ่นที่แล้วฮอนด้าได้ทำการถอดเครื่องเล่นซีดีออกไป แล้วใส่แต่ระบบยูเอสบีมาในรถโดยบอกว่าเป็นการนำเทรนด์และสร้างความทันสมัยเป็นรายแรก แต่ดูเหมือนว่าจากการทำสำรวจความเห็นผู้บริโภคจะยังมีคนต้องการเครื่องเล่นซีดีอยู่ รุ่นนี้ก็เลยนำกลับมาติดตั้งให้เหมือนเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ
นอกจากนี้ยังได้เอาใจบรรดานักขับรถยุคใหม่ที่มีอุปกรณ์พกพาอย่างมากมาย และอาจจะต้องการสถานที่ชาร์จไฟมากเป็นพิเศษ รวมไปถึงผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งซิตี้ใหม่ให้ช่องยูเอสยีมา 2 ช่อง พร้อมด้วยช่องชาร์จไฟมากถึง 3 ตำแหน่ง โดยติดตั้งที่ด้านหลังคอนโซลกลาง 2 ตำแหน่งสำหรับผู้โดยสารตอนหลังโดยเฉพาะ
ในการทำการทดสอบจริง ถ้าจะให้สรุปแบบสั้น ๆ ง่าย ๆ ก็คือถ้าอยากได้ก็ซื้อได้เลย คุ้มค่า ขับดี มีของเล่นเพียบ เรียกว่าได้ใจมากสำหรับการทำการทดสอบรถคันนี้ เพราะหลังจากทดสอบแล้วมานั่งคุยกัน ดูเหมือนเรื่องของสมรรถนะไม่ใช่ประเด็นที่ถูกหยิบยกมาวิพากษ์วิจารณ์แต่อย่างใด
การออกตัวของรถดูเหมือนจะตอบสนองช้าลงไปสักเล็กน้อย ซึ่งต้องขอยกให้เป็นเรื่องของอี85 ล่ะครับ เพราะโดยส่วนตัวเชื่อว่าถ้ามาด้วยน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 น่าจะปรู๊ดปร๊าดมากกว่านี้ 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นอยู่ที่ประมาณ 11 วินาทีนิดนิด มากกว่าสเปกที่บอกไว้ 10.2 วินาที ส่วนหนึ่งเพราะเส้นที่ทดสอบเป็นทางขึ้นลงเขาด้วยครับ
เครื่องยนต์และเกียร์รุ่นใหม่ทำงานสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง เรียกพลังและแรงบิดมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ หรือหากต้องการควบคุมด้วยตัวเองก็สามารถใช้แป้นแพดเดิลชิฟท์เล็ก ๆ ที่ติดตั้งติดคอพวงมาลัยได้ ซึ่งแม้จะเป็นเกียร์ซีวีที แต่พาวเวอร์ชิฟท์เซตเอาไว้ที่ 7 เกียร์ให้เล่นได้พอสนุกสนาน
การทรงตัวของรถดีแบบไม่มีที่ติ แม้จะรำคาญเสียงเอี๊ยดอ๊าดของยางที่ดูเหมือนจะครวญครางง่ายเกินไป น่าจะเป็นเรื่องของการเลือกเนื้อยางเพื่อลดแรงเสียดทานนั่นล่ะครับ แต่ระบบกันสะเทือนและช่วงล่างก็ทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยมที่ความเร็วกลางถึงสูงระดับ 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไปแล้วก็ตาม ก็แค่มีสมาธิกับการขับขี่มากขึ้นอีกเล็กน้อย
ตำแหน่งการวางของระบบควบคุมต่าง ๆ อยู่ในระยะที่พอดีมือมาก และมีความชัดเจนพอที่จะทำให้ผู้ขับขี่ละสายตาเพียงนิดเดียวก็ควบคุมได้ทั้งหมด แต่ระบบฮอนด้า ลิงค์ยังเน้นการใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นบนมือถือนะครับ ไม่ได้เป็นระบบที่ติดตั้งมาในรถ อย่างเช่น ระบบนำทางก็ต้องใช้ไอโฟนลิงค์กันมา
พวงมาลัยของรถเซตออกมาแนวเบาหวิวเอาใจสุภาพสตรีและไม่มีระบบหน่วงที่ความเร็วสูงมาให้ ก็ต้องระมัดระวังกันสักเล็กน้อย ปัญหาใหญ่จริง ๆ ของซิตี้ใหม่ในความรู้สึกของผมก็คงจะเป็นเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังกระหึ่มเข้ามาในห้องโดยสารถึงขั้นที่กลบเสียงเพลงที่เปิดเอาไว้ปานกลางได้ ทั้งที่ระบบของรถมีการเก็บเสียงจากลมปะทะและเสียงยางที่ดีมากอยู่แล้ว
ผมถามเรื่องนี้กับทีมงานวิศวกรรมของฮอนด้า ได้รับคำอธิบายมาว่าฮอนด้าได้ทำการพัฒนาในเรื่องของการเก็บเสียงมาแล้ว และมั่นใจว่าเสียงเครื่องยนต์ของฮอนด้า ซิตี้นั้น ดีที่สุดในกลุ่มคู่แข่งขันทั้งหมด แต่ก็ยอมรับว่าการขับขี่ที่รอบสูง ๆ นั้น อาจจะมีเสียงรบกวนจากเครื่องยนต์เกิดขึ้นได้ ซึ่งทางทีมงานจะเก็บเป็นข้อมูลไปแก้ไขต่อไป
ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันในการทดสอบที่วิ่งกันไปเกือบ 200 กิโลเมตรในวันนี้บนเส้นทางขึ้น-ลงเขา ความเร็วเฉลี่ยส่วนใหญ่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และย้ำวว่าใช้เชื้อเพลิง อี85 รถคันที่ผมทดสอบใช้น้ำมันไปเฉลี่ย 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร คำนวนจากราคาอี85 แล้ว ถูกมากนะครับ ถ้าคำนวนจากข้อมูลของฮอนด้า หากใช้เบนซินธรรมดา อัตราสิ้นเปลืองก็น่าจะอยู่ที่ระดับ 14-15 กิโลเมตรต่อลิตรขึ้นไป
สรุปกันอีกรอบแบบรวบรัดตัดความ ถ้ามองหารถยนต์ไว้ใช้งานในเมืองเป็นหลัก ออกนอกเมืองบ้างในยามสันทนาการ ปั้มน้ำมันแถวบ้านมีให้เลือกเติมได้อย่างหลากหลาย อยากได้รถขับดี ช่วงล่างเป๊ะ ประหยัดน้ำมันพอตัว เอาไปซิ่งได้บ้างบางเวลา ฮอนด้า ซิตี้คือคำตอบที่ใช่เลยในเวลานี้
ลองไปขับดูก่อนก็ได้นะครับ รถคันละ 7 แสนกว่าถ้าไม่ได้ลองก่อนซื้อก็เสียดายแย่!!!
รายละเอียดทางเทคนิค ฮอนด้า ซิตี้ เอสวีพลัส
ราคาจำหน่าย 7.49 แสนบาท
เครื่องยนต์ ไอ-วีเทค ขนาด 1.5 ลิตร
กำลังสูงสุด 117 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 146 นิวตันเมตรที่ 4,700 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 10.2 วินาที (ทำการทดสอบด้วยน้ำมันเบนซิน)
อัตราสิ้นเปลือง 17.7 กิโลเมตรต่อลิตร (ทำการทดสอบด้วยน้ำมันเบนซิน)
ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) สำหรับทริปทดสอบในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com หรือเฟซบุ๊ค Autospinn.Fan
ชมภาพเพิ่มเติมได้ที่ http://photos.autospinn.com/2014_all-new_Honda_City_SVplus_ChiangRai/
พบฮอนด้ามือสองและฮอนด้า ซิตี้มือสองคุณภาพเยี่ยมได้ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น