ถ้าพูดถึงตลาดรถยนต์ ที่มีโอกาสเติบโต และคาดว่าจะมียอดขายสูงที่สุด นั่นคือรถในกลุ่ม B-Car และ ประจวบเหมาะกับ Trend ของรถในกลุ่ม SUV ที่กำลังมาแรงนั่น จึงเป็นโจทย์ ที่ Ford คิดค้นจะเริ่มลุยตลาดในกลุ่มนี้ Ford ได้คิดสมการ (SUV + B Car) + Ford Team + SUV Exp = Ford EcoSport ที่เราจกำลังจะพูดถึงคันนี้ All New Ford EcoSport ได้เริ่มแนะนำให้คนไทยรู้จักแบบจริงๆจังๆ จากการเปิดแคมเปญ Urban Discoveries ตั้งแต่เดือน พย. 2013 ซึ่งถือเป็นการ Pre-Launch รถ Urban SUV คันใหม่ ก่อนที่จะแนะนำพร้อมเปิดราคาอย่างเป็นทางการใน งาน Motor Expo 2013
จากโจทย์ที่ได้บอกไปในข้างต้น Ford ได้วางกลุ่ม ลูกค้า ของ Ford EcoSport เป็นคนอายุช่วง 30 ต้น โดยเป็นคนเมืองทำงาน ในวันทำงาน ที่มีความคล่องตัวในการจราจรในเมือง และวันหยุดสุดสัปดาห์ โดยรถคันนี้จะต้องสามารถพาเดินทางไปไหนด้วยกันได้
และสำหรับการทดสอบแบบ Group Test ในครั้งนี้ ทาง Ford ไว้วางเส้นทางการขับ ในช่วงชะอำ-หัวหิน-ปราณบุรี และวิ่งกลับมายังชะอำ อีกครั้ง โดยมี Ford EcoSport Titanium ทั้งหมด 14 คัน ซึ่งมีครบสีทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีส้ม (Mars Red) สีขาว (Frozen White) สีเงิน (Ingot Silver) สีเทาดำ (Midnight Sky) สีน้ำตาล (Lunar Sky) และสีดำ (Panther Black)
ราคา Ford EcoSport มีดังนี้ Ambient MT 6.69 แสนบาท Ambient AT 7.09 แสนบาท Trend AT 7.59 แสนบาท Titanium AT 8.29 แสนบาท
เริ่มจากการดีไซน์ภายนอก Ford Ecosport เป็นรถเน้นการใช้งานในตัวเมือง มีดีไซน์ โฉบเฉี่ยว จากไฟหน้าทรงเหลี่ยมที่ดูเล็กเรียว ส่วนไฟท้ายได้ถ่ายทอดรูปแบบมาจาก Ford Focus Sedan ด้านข้างลำตัวมีเส้นสายคาดผ่าน เรียก water line เพื่อให้รถดูมีความคมดูมีมิติมากขึ้น มี cd (สัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน) 0.371 ประตูท้ายเปิดออกแบบ ประตูตู้เย็น และมีที่เก็บยางอะไหล่ ติดตั้งอยู่ที่ประตูหลัง ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระ และช่วยสะท้อนภาพในรถ SUV แบบคลาสสิค และในรุ่น Titanium ตัวท๊อปคันนี้ มี Sunroof ติดตั้งมาให้ ซึ่งถือเป็นรถยนต์ ที่มี Sunroof ราคาถูกที่สุดในบ้านเรา
Ford ได้เคลมว่า EcoSport สามารถลุยน้ำได้สูง 550mm ซึ่งถือเป็นที่สุดของ B-SUV ด้วยกัน และการยกระดับรถให้สูงโดยมีพื้นที่ใต้ท้องรถ Ground Clearance 200mm จึงช่วยให้ขับลงเนิน ทางชัน หรือแม้กระทั่งการขับลงฟุตบาทผ่านไปได้อย่างสบาย
ด้านการออกแบบภายใน รถ Ford EcoSport มองผ่านๆ ดูจะเหมือนกับการยกแผงคอนโซลหน้ามาจาก Fiesta ทั้งหมด แต่ที่จริงแล้ว ไม่ใช่ มีจุดที่แตกต่างกันอยู่บ้างเล็กน้อย อย่างเช่นช่องแอร์ตรงกลาง และรูปแบบของแผงคอนโซลตรงช่วงคันเกียร์
มีเนื้อที่ภายใน ที่ดูกว้างขวาง เมื่อพับเบาะแถวหลังลง สามารถขยายความจุสัมภาระได้มากถึง 705 ลิตร สามารถยกเครื่องซักผ้าขนาดเล็กเข้าไปวางได้ และยังมีจุดขายอื่นๆ อาทิ เบาะหลังที่สามารถปรับเอนได้
และยังเคลมในเรื่องของเสียงรบกวน โดยถือว่าเป็นรถที่เงียบที่สุดในระดับเดียวกัน และเบาะด้านคนขับมี Arm Rest และ Lumba Support (ซึ่งดูจะหมุนปรับลำบากไปหน่อย) และยังมีในเรื่องของระบบปรับอากาศ ที่ใช้คอมเพรสเซอร์ใหม่ ทำให้อุณหภูมิจาก ระดับ ที่มากกว่า 50 องศา สามารถลดลงมาต่ำกว่า 30 องศา ได้ในเวลาไม่ถึง 10 นาที นอกจากนั้นทางทีมวิศวกร ยังพูดติดตลกว่า สามารถวางกระป๋องน้ำอัดลม 6 กระป๋องลงในลิ้นชักหน้าโดยสามารถเก็บความเย็นไว้ได้นาน
รายละเอียดปลีกย่อยทั้งหลายที่ดู เป็นลูกเล่น เรียกลูกค้ามากมาย แต่กลับแปลกตรงที่ภายในรถ ไม่มีมือจับบริเวณขอบประตูด้านบนเอาไว้โหนยึดเหนี่ยว แม้แต่ประตูเดียว!
ขุมพลังเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์ Duratec ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ พร้อมระบบวาล์วแปรผัน Ti-VCT จาก Ford Fiesta 1.5 ได้ยกมาวางใส่ในรถ EcoSport คันนี้ ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้เครื่องยนต์ EcoBoost เนื่องจาก ทางทีมวิศวะยังมองไม่เห็นความจำเป็นในการที่จะต้องเพิ่มต้นทุน ทำให้ราคารถคันนี้ ขยับและอีกอย่าง ที่ต่างประเทศวางเครื่องยนต์ EcoBoost นี้ ก็จะจับคู่กับเกียร์ธรรมดา เท่านั้น ซึ่งคนไทยไม่นิยม
กลับมาที่ขุมพลังเครื่องยนต์ตัวนี้ มีกำลัง 110 แรงม้า@6300rpm และแรงบิด 142Nm@4400rpm สำหรับ Fiesta 1.5 มี 109แรงม้า@ 6300rpm และแรงบิด 140Nm@4300rpm ใช้ระบบเกียร์ Power Shift 6 Speed ที่ยกมาจาก Fiesta 1.5 เช่นเดียวกัน ในการส่งผ่านกำลังไปยังล้อคู่หน้า แต่ได้เปลี่ยนอัตราทดเฟืองท้าย เพื่อให้เหมาะกับรถที่มีน้ำหนักตัวมากขึ้น
ด้านการขับขี่ ก็ให้ความรู้สึกเหมือนๆ กันกับ Ford Fiesta 1.5 เพราะเครื่องและเกียร์ ยกมาด้วยกันคาแรคเตอร์ที่ การขับขี่ในโหมด D (ไม่สามารถ กดปุ่ม Shift Gear เองได้) พบว่า การตอบสนองของคันเร่งดูจะยังไม่ดีเท่าที่ควร คันเร่งดูจะหนืดๆ หน่วงๆ ไปหน่อย โดยเฉพาะในจังหวะกระแทกคันเร่ง หรือ Kickdown จะพบว่า รอบเครื่องสวิงขึ้นมาก่อน (เหมือนอาการคันเร่งวืดไปเสี้ยววินาที) แต่ความเร็วยังไม่ขึ้น จนต้องรอเวลาชั่วอึดใจ เหมือนรอจังหวะที่เกียร์เริ่มคิดได้ และตอบสนอง ถึงจะมีแรงดึง ขึ้นพร้อมที่จะทะยานเร่งแซง ไปข้างหน้า ก่อนที่จะค่อยๆ ไล่ความเร็วไปได้ถึงระดับ 150 กม./ชม. ในการวิ่งแบบคาราวานนี้ ซึ่งต้องยอมรับเรื่องห้องโดยสารที่เก็บเสียงลมได้เงียบจริง 150 กม./ชม. ยังคุยกันได้แบบสบาย ไม่มีเสียงลมอื้ออึงคอยกวนใจ แต่อาจมีเสียงเครื่องที่ดัง และเสียงยางเข้าบ้างมาบ้าง
สำหรับในโหมด S ซึ่งที่จริงควรเรียกโหมด แบบ Manual มากกว่า Sport เนื่องจาก จะต้องกดปุ่ม + - ที่หัวเกียร์ด้วยตัวเอง และไม่ได้มีการปรับอัตราทดในส่วนของระบบส่งกำลังให้ต่างจากโหมด D เลย แต่คันเร่งอาจตอบสนองได้ดีกว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แถมใช้เวลานานในการตอบสนองช้ามาก บางจังหวะนานเป็นวินาที จนทำให้คิดว่า ถ้าต้องการเร่งแซงอาจใช้การ Kickdown แทนก็ไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องลากคันเกียร์มาที่ตำแหน่ง S และต้องกดปุ่ม + เกียร์เอง โหมดนี้ น่าจะเหมาะแก่การใช้ขับขึ้นทางชัน หรือ ลงทางชัน รวมถึงการวนขึ้นที่จอดรถเสียมากกว่า และการใช้ E-Brake (ลดเกียร์) ช่วยก่อนที่จะเข้าโค้ง แต่ยังดีที่มีการปรับเซ็ตกล่องเกียร์ให้ มีการถนอมเกียร์ ไม่ให้ลากรอบสูงเกินความจำเป็น ด้วยการตัดขึ้นเกียร์ใหม่เมื่อลาก จนชน Redline และป้องกัน การลดเกียร์ลงมากเกินจนทำรอบสูงเกินไป
สำหรับอัตราทดเฟืองท้าย ที่ปรับเซ็ตใหม่ให้รองรับกับน้ำหนัก EcoSport ที่มากขึ้นนี้ ถ้าคิดตามจริงรอบเครื่องที่ความเร็วต่างๆ ที่เท่ากัน ควรที่จะใช้รอบเครื่องที่สูงขึ้น แต่เราลองดูตัวเลขความเร็ว 3 ค่า ได้ดังนี้
80 กม./ชม.=2,000rpm 100 กม./ชม.= 2,500rpm 120 กม./ชม.= 3,000rpm
ซึ่งพบว่ามันเท่าเดิม! กับ Fiesta 1.5 ที่ทางผู้ทดสอบได้เคยบันทึกไว้
ด้านระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า EPAS with Pull Drift Compensation Technology (ระบบช่วยชดเชยน้ำหนักการดึงพวงมาลัย) มันช่วยผ่อนแรงให้ความคล่องตัวขณะจอด ดูมีน้ำหนักเบาสบายสาวได้คล่องมือ และให้ความแม่นยำในการเลี้ยวการควบคุมในทิศทางต่างๆ (ที่ความเร็วต่ำต้องควบคุมให้ดีเพราะไวมากๆ) และหนักแน่นมากขึ้น ที่ความเร็วสูงขึ้นที่ระดับความเร็วสูง 90 กม./ชม.ขึ้นไป ดูแน่นตึ๊บ แถมมีรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.4 เมตร ให้ความคล่องตัวหากต้องกลับรถ มาพร้อมระบบควบคุมการแกว่งของล้อ (Active Nibble Control – ANC) ช่วยลดการสั่นสะเทือนของพวงมาลัย ซึ่งทำให้ควบคุมรถได้ดี ให้ความมั่นใจได้มากกว่าพวงมาลัยไฟฟ้าจากค่ายอื่น ระบบช่วยชดเชยน้ำหนักพวงมาลัย สามารถชดเชยได้อย่างดีเยี่ยม ขณะขับผ่านทางขรุขระ พวงมาลัยยังคง Center ได้ดีแม่นยำ ไม่มีดิ้นเป๋ไปตามพื้นขรุขระเหล่านั้น
ผู้ที่เคยขับรถ Ford ทั้งหลาย ยังสามารถไว้ใจ พวงมาลัยไฟฟ้าที่คงความแม่นยำใน Ford EcoSport ได้เช่นดิม
ระบบห้ามล้อ นี่ก็เหมือนกัน กับ Fiesta เช่นเดียวกัน กับเบรกแบบ หน้าดิสก์ หลังดรัม แต่ทว่า มันกลับทำหน้าที่ได้ดีกว่า Ford Fiesta ทั้ง 1.5 และ EcoBoost จากที่ได้เคยกล่าวไปว่า การตอบสนองเบรกของ Fiesta นั้นดูจะลึกและตอบสนองได้ช้า ไม่ทันท่วงที แต่ใน EcoSport มันผิดกัน มันเซ็ตเบรกออกมาตื้นขึ้น และดูหน้าจิกเกาะกว่าเดิม เบรกแล้วหัวทิ่มใช้ได้ ในจังหวะที่ลดความเร็วก่อนถึงโค้ง ซึ่งผู้ขับลงน้ำหนักเบรกที่ใกล้เคียงกันกับ ที่เคยทดสอบใน Fiesta พบว่า มันหน่วงความเร็วลงไปได้เยอะกว่าที่คิด ดูติดเท้ามากกว่า ซึ่งได้สอบถามกับทางทีมวิศวกร ได้ให้ข้อมูลว่าการที่ EcoSport นั้นดูตอบสนองดีกว่า เนื่องมาจาก EBD ทำงาน ช่วยถ่ายเทน้ำหนักระหว่างล้อหลังไปยังล้อหน้า ซึ่ง EcoSport นั้นมี CG (จุดศูนย์ถ่วง) ที่สูงกว่า ทำให้น้ำหนักรถถูกถ่ายเทไปด้านหน้ามากกว่า ตามหลัก Momentum จึงอาจทำให้รถดูหน้าจิกเกาะเบรกแล้วถ่ายเทน้ำหนักไปด้านหน้ามากขึ้น
ระบบกันสะเทือน ยกชุดมาเช่นเดียวกัน แต่มีการ ปรับในส่วนของความยาวกระบอกโช้คที่ยาวขึ้น และ มีค่าความแข็งของสปริงที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งใช้ระบบ Damper with hydrolock ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ Ford EcoSport ใหม่ มีความนุ่มนวลเมื่อขับผ่านทางลูกระนาด มันสามารถช่วยซับลดแรงกระแทกได้ดีกว่า 2-3 เท่า
จากการทดสอบพบว่า หากผ่านพื้นผิวที่ไม่เรียบอย่างเป็นรอนคลื่น มันผ่านไปได้อย่างนุ่มนิ่ม ไม่มีการสะเทือนให้เห็น หรือยวบแต่อย่างใด แต่ถ้าหากผ่านพื้นผิวกึ่งลูกรังขรุขระ ก็สามารถขับผ่านไปได้อย่างสบายๆ ไม่มีอาการดีดดิ้นสั่นสะเทือนจากช่วงล่างมากนัก ซึ่งมีผลจากล้อที่สวมยางขนาด 205/60/16 อีกด้วย แต่ถ้าหากผ่านทางที่เป็นหลุมบ่อ ก็อาจมีกระแทกตึงตังบ้าง แต่ว่ามันก็ยังทำได้ดีกว่าที่คิด ไม่ถึงกับต้องเกร็งท้องน้อยเพื่อรับแรงกระแทก เพราะดูแน่นเฟิร์ม แต่ไม่แข็งกระด้าง ด้านสมรรถนะการยึดเกาะ ต้องบอกว่า ยังทำได้ดีเหมือนกับ Fiesta แต่การเข้าโค้งหนักๆ อาจพบอาการโยนตัวเล็กน้อย จากตัวรถที่ดูสูงขึ้น แต่ไม่ถึงกับหวาดเสียว แต่อย่างใด
นอกจากนั้นยังมีเทคโนโลยีความปลอดภัยมากมาย ทั้ง ระบบ Hill Launch Assist ช่วยเบรกไว้ 3 วินาที และ ESP และ TCS สัญญาณเตือนจอดรถ, ไฟส่องสว่างหลังดับเครื่อง 30 วินาที (Follow Me Home) เป็นต้น
สรุป All New Ford EcoSport รถยนต์ในกลุ่ม Sub-Compact SUV ที่ Ford เรียกว่า Urban SUV คันแรกของไทย เป็นรถที่เหมาะกับการใช้งาน เน้นความอเนกประสงค์ในเมืองเป็นหลัก และอยากท่องเที่ยวเดินทาง หรือแม้กระทั่งบรรจุสัมภาระที่มีความจุมาก นอกจากนั้นยังมีจุดขายที่รายละเอียดลูกเล่นภายใน และรายละเอียดปลีกย่อยอีก ซึ่งสามารถบอกได้ว่า Ford EcoSport คันนี้ให้มากกว่าสมรรถนะของเครื่องยนต์ แต่ความเป็นแบรนด์ Ford ในเรื่องของระบบควบคุม และเทคโนโลยี ยังคงได้รับการถ่ายทอดที่ยอดเยี่ยม มาเช่นเดิม จึงทำให้รถ Ford EcoSport ยังคงเป็นหนึ่งในรถอเนกประสงค์สำหรับคนเมืองที่ให้ความมั่นใจ และไว้วางใจได้ในด้านของการขับขี่ ซึ่งมากับราคาเริ่มต้นในระดับที่ ไม่แพงจนเกินไป จนผู้เขียนขอให้นิยามว่า Fiesta ยกสูง แต่ติดเรื่องเดียวไม่มีมือจับประตูแม้แต่ประตูเดียว และหากอนาคต สามารถนำเครื่องยนต์ EcoBoost มาวางลงได้ ใสนราคาที่อัพเพิ่มไม่มาก น่าจะทำให้ Ford EcoSport อาจมีโอกาสกลับมาแก้เกม สู้กับคู่แข่งได้ดีกว่านี้
ขอขอบคุณ Ford Sales & Service ประเทศไทย สำหรับการเข้าร่วมทดสอบ Ford EcoSport ใหม่ในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก
Ford EcoSport
ใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Ti-VCT ให้กำลัง 110 แรงม้า และแรงบิด 142Nm
ระบเกียร์แบบ Dual-Clutch Power Shift 6 Speed พร้อมปุ่มปรับ + - เกียร์
ช่วงล่างหน้าใช้แบบอิสระแม็คเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง และช่วงล่างด้านหลังใช้แบบคานแข็ง ทอร์ชั่น บีม
พวงมาลัยแบบพาวเวอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า
ระบบเบรก ด้านหน้าดิสก์ และหลังดรัม
มีครบสีทั้งหมด 6 สี ได้แก่ สีส้ม (Mars Red) สีขาว (Frozen White) สีเงิน (Ingot Silver) สีเทาดำ (Midnight Sky) สีน้ำตาล (Lunar Sky) และสีดำ (Panther Black)
ราคา Ford EcoSport มีดังนี้ Ambient MT 6.69 แสนบาท Ambient AT 7.09 แสนบาท Trend AT 7.59 แสนบาท Titanium AT 8.29 แสนบาท
พบรถ Ford มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com
ความคิดเห็น