สมพงษ์ เผอิญโชค : ปั้นแบรนด์ใหม่รอบ 3 ปี ดันทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ชิงแชร์พีพีวี Share this

สมพงษ์ เผอิญโชค : ปั้นแบรนด์ใหม่รอบ 3 ปี ดันทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ชิงแชร์พีพีวี

Golf Autospinn
โดย Golf Autospinn
โพสต์เมื่อ 04 March 2557

หลังจากยุติการทำตลาดรถยนต์ยี่ห้อไทยรุ่งไปนานกว่า 3 ปี ล่าสุด ผู้บริหารของไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ได้ออกมาประกาศความพร้อมในการกลับสู่ตลาดอีกครั้ง ด้วยการผลักดัน ทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ เข้าแข่งขันในตลาดรถยนต์ตรวจการณ์ดัดแปลง หรือ พีพีวี อย่างเต็มรูปแบบ

สมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าหลังจากทดลองทำตลาดรถยนต์ดัดแปลงบบนพื้นฐานของโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ ที่มีชื่อเรียกว่าทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ในรอบปีที่ผ่านมา พบว่ามียอดตอบรับพอสมควร โดยทำยอดจำหน่ายไปแล้วกว่า 80 คัน ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักมาจากเศรษฐีภูธรที่ต้องการรถยนต์ที่โดดเด่นในระดับราคาที่ไม่แพงเกินไป

ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ปรับแผนงานใหม่สำหรับรถรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มไลน์สินค้าในรุ่นเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 2 ล้อราคาจำหน่าย 1.395 ล้านบาท ซึ่งจะเปิดตัวในระยะอันใกล้นี้ ขณะเดียวกันก็มีแผนที่จะขยายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการในเขตพื้นที่ต่างจังหวัด 10 แห่งในปีนี้ พร้อมเปิดศูนย์ทีอาร์ เซนเตอร์ของบริษัทฯ อีก 2 แห่งที่วิภาวดี-รังสิตและเพชรเกษม 77 ในปีนี้

รวมไปถึงการปรับเป้าหมายของกลุ่มลูกค้า จากเดิมที่มีความต้องการที่จะพัฒนาเพื่อรองรับกลุ่มราชการหรือทหาร ก็จะหันมาเน้นการพัฒนารถออกมาเป็นรถบ้านมากขึ้น เพื่อเอาใจลูกค้ากลุ่มเศรษฐีภูธรและกลุ่มอบต. อบจ. ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณสำหรับการซื้อรถยนต์พวกนี้ง่ายกว่าในราชการ

Thairung-Annual-Press-Conf_02

"เราประเมินว่ากลุ่มลูกค้าที่เป็นบุคคลและอบต. อบจ. จะเป็นลูกค้าหลักของทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ ที่คาดว่าจะเป็นสัดส่วนมากถึง 80% ของเรา ขณะที่อีก 20% ก็ยังเน้นกลุ่มราชการและทหารอยู่ ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายทีอาร์ ทรานสฟอร์เมอร์ที่ 300 คัน และเชื่อว่ามีศักยภาพที่จะเพิ่มเป็นไม่น้อยกว่า 1,000 คันในอนาคต ซึ่งถือว่าไม่มากนักหากดูจากตลาดของรถยนต์กลุ่มนี้ที่มีปริมาณปีละกว่า 6 หมื่นคัน"

นอกจากนี้ ธุรกิจนี้ยังสามารถต่อยอดไปสำหรับการส่งออกไปในตลาดอาเซียนหลังการเปิดเออีซี โดยมีการเจรจากับตัวแทนจำหน่ายถึงความเป็นไปได้ในการส่งออกไปพม่าและลาว แต่ติดเรื่องการผลิตรถยนต์พวงมาลัยซ้าย ที่อาจจะต้องนำรถเข้ามาดัดแปลง หรืออาจจะเป็นในรูปแบบการส่งออกชิ้นส่วนไปประกอบที่โรงงาน ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการในพม่าและเวียดนาม ซึ่งจะเป็นรูปแบบเดียวกับที่เคยทำในอิหร่านและแอฟริกาใต้มาก่อน

สมพงษ์กล่าวว่าการผลักดันธุรกิจดัดแปลงและจำหน่ายรถยนต์ของบริษัทฯ จะทำให้มีรายได้เข้ามาทดแทนธุรกิจรับจ้างประกอบและพ่นสีตัวถังที่หดตัวลงไป โดยปัจจุบันบริษัทฯ รับจ้างประกอบตัวถังและพ่นสีให้กับนิสสันและอีซูซุ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการที่อุตสาหกรรมยานยนต์หดตัว โดยคาดว่าในปีนี้ สัดส่วนของธุรกิจดัดแปลงและจำหน่ายรถจะมีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 15% จาก 11% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจรับจ้างประกอบ สัดส่วนจะลดลงจาก 29% เหลือ 25% เท่านั้น

ขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตชิ้นส่วน แม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึดนั้น คาดว่าจะเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยน่าจะรักษาสัดส่วนรายได้ที่ 60% เอาไว้ได้ โดยในปีนี้ ไทยรุ่งฯ คาดว่าตลาดรถยนต์จะหดตัวตามที่มีการคาดการณ์ที่ 7-8% หรือมียอดขาย 1.1 ล้านคัน โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายรักษาระดับรายได้ที่ 3.3-3.4 พันล้านเอาไว้ให้ได้อย่างต่อเนื่อง

Thairung-Annual-Press-Conf_11

สำหรับแผนการลทุนโครงการใหม่ ๆ ในปีนี้ สมพงษ์ระบุว่าไทยรุ่งฯ ได้เตรียมงบลงทุน 500 ล้านบาทในปีนี้ ใน 3 โครงการหลัก ประกอบไปด้วยการเพิ่มเครื่องจักรเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตในโรงงานที่ระยอง ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา การร่วมทุนกับเคียววา ซังโก ประเทศญี่ปุ่น เพื่อผลิตห้องโดยสารสำหรับรถยนต์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมเพื่อรองรับการขยายธุรกิจนี้ในประเทศไทย

"ในช่วงที่ผ่านมา ไทยรุ่งฯ ได้ทำการพัฒนาสินค้ากลุ่มนี้อยู่แล้ว และมีการส่งสินค้าไปให้โคมัจสุ, ยันม่าร์และโคเบลโก้อยู่แล้ว โดยล่าสุด มีรายงานข่าวว่าแคตเทอร์พิลล่า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ก็เลือกประเทศไทยเป็นฐานผลิตเพื่อส่งออก การจับมือเป็นพันธมิตรกับเคียววาในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่เหมาะสม ซึ่งในเบื้องต้น จะใช้วิธีการจ้างโรงงานของไทยรุ่งฯ ผลิต และมีแผนที่จะเปิดโรงงานแห่งใหม่ในอนาคต"

นอกจากนี้ โครงการตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อผลิตชิ้นส่วนตัวถังรถรถโดยสารและรถที่้ใช้ในงานอุตสาหกรรมที่เริ่มคุยมาตั้งแต่ปี 2556 และเดิมคาดว่าจะจบในเดือนก.พ.นี้ก็ต้องเลื่อนออกไปจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงต้นไตรมาส 2 โดยโครงการนี้จะต้องใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาท โดยจะเป็นการลงทุนของไทยรุ่งฯ ไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท

"ผมไม่คิดว่าสถานการณ์ทางการเมืองจะส่งผลกระทบมาก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ประกอบการเดิม ๆ ที่อยู่เมืองไทยมานาน คงไม่คิดที่จะย้ายออกไปไหน หรือแม้แต่คนไทยเองก็เริ่มเฉย ๆ แล้ว แต่กลับผู้ที่จะเข้ามาใหม่ แน่นอนว่าเขาไม่เคยมีประสบการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าเขาก็คงต้องลังเล เพราะฉะนั้นก็อยากให้ทุกอย่างจบอย่างรวดเร็วที่สุด"


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ