Chevrolet Colorado ปี 2012 (ตัวถังปัจจุบัน) ถูกเผยโฉมต่อหน้าสาธารณะชนเป็นแห่งแรกในโลกที่ประเทศไทย เมื่อ ประมาณ 2 ปีก่อน และเมื่อปลายปีที่แล้ว Chevrolet ได้เปิดตัวเครื่องยนต์ Duramax เจนเนอเรชั่น 2 ใหม่ ซึ่งได้ถูกนำมาวางลงในรถ Chevrolet Colorado และ Trailblazer โฉมปี 2014 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นการปรับปรุงแบบ Minor Changed มีจุดเด่นหลักๆ อยู่ที่ขุมพลัง Duramax ใหม่นี้ และระบบ Infotainment My Link (รุ่นท๊อป LTZ)
สำหรับคันนี้ ที่เราได้ยืมมาทำการทดสอบ เป็น รุ่น X-Cab (ตอนครึ่ง) 2.8 LTZ Z71 4X4 เกียร์ธรรมดา 6 Speed (โฉมปี 2012 เกียร์ธรรมดาจะเป็น 5 Speed) ถือเป็นรุ่น ท๊อปสุดของเกียร์ธรรมดา ซึ่งมาพร้อมกับสีใหม่ส้ม Orange Rock ใหม่ จึงทำให้มีสีตัวถังมากถึง 8 สี สนนราคา 8.71 แสนบาท
การออกแบบภายนอก สำหรับใน Colorado โฉมใหม่ปี 2014 นี้ มองกันเผินๆ ถ้าไม่ได้ดูที่สีตัวถังใหม่ อย่างสีส้ม Orange Rock คันนี้ แทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย นอกจาก แปะโลโก้ Duramax ที่บริเวณประตูคู่หน้า โดยมีรายละเอียดออปชั่นที่โดดเด่นขึ้นมา อย่างรุ่น LTZ คันนี้ ก็คือ ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์ ที่สามารถปรับสูง-ต่ำ ได้จากภายใน ไฟหลังเป็นแบบ LED กระจกมองข้างครอบโครเมียมพร้อมไฟเลี้ยว LED และ ไฟตัดหมอกกรอบโครเมียม มือจับฝาท้ายโครเมียม มือจับประตูโครเมียม และกันชนหลังโครเมียม สำหรับล้อเป็นขอบ 17” รัดด้วยยาง 255/65/17 จาก Bridgestone Dueler
ห้องโดยสารภายใน Chevrolet Colorado ในรุ่นปี 2014 นี้มี featured ลูกเล่นหลัก ที่ต่างจากตัวเก่า นั่นก็ คือระบบ Infotainment My Link (ในรุ่น LTZ) ที่มากับหน้าจอ Touch Screen 7” ซึ่ง มี่ทั้งระบบนำทาง ชมภาพยนตร์ DVD เครื่องเล่นเพลง ภาพ และเสียง มาพร้อมลำโพง 6 ตัว เพิ่มอรรถรส ในการรับฟัง นอกจากนั้นระบบเชื่อมต่อ MyLink ยังเชื่อมกับสมาร์ทโฟน เพื่อฟังเพลงดูภาพ ดูหนัง สนนทนาโทรศัพท์ และยังฟังวิทยุออนไลน์ได้กว่า 70,000 สถานีทั่วโลกจาก แอพพลิเคชั่น Stitcher และ TuneIn
ด้านวัสดุหุ้มเบาะภายในเป็นผ้าลาย Truss และรุ่น LTZ จะให้เครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ นอกจากนั้นสำหรับรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ มีปุ่มหมุนปรับ ระบบขับเคลื่อน 2WD, 4 Hi, 4Lo มีปุ่มปิด TC และ HDC มาให้ซึ่งอยู่บริเวณตำแหน่งคันเกียร์
ด้านระบบส่งกำลังและเครื่องยนต์ Duramax Diesel Commonrail เจนใหม่นี้ ซึ่งคันนี้เป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร มีพละกำลังเพิ่มขึ้น 11% มี200 แรงม้า @3600rpm ซึ่งส่งผลให้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อทียบพิกัดแล้วแรงที่สุดในบ้านเรา มีแรงบิด 440Nm@2000rpm (เกียร์ธรรมดา) และ 500Nm (เกียร์อัตโนมัติ) ซึ่งทาง Chevrolet ได้เคลมว่า แรงขึ้น แถมประหยัดน้ำมันกว่าเดิม 4.3% โดยรุ่น 2.8 ลิตร จะได้รับการติดตั้งชิ้นส่วนใหม่ อย่างระบบหล่อเย็นเทอร์โบแปรผัน, รางระบบเชื้อเพลิงคอมมอนเรล แรงดันสูงชุดใหม่, ระบบวาล์วหมุนเวียนไอเสียควบคุมด้วยไฟฟ้า (Exhaust Gas Recirculation – EGR) ใหม่, ท่อร่วมไอดีใหม่, ฝาสูบใหม่, เสื้อสูบใหม่ รวมถึงการติดตั้งเพลาถ่วงสมดุลและกล่องสมองกลควบคุม (Engine Control Module – ECM) ใหม่ทั้งหมด
และ สำหรับรถเกียร์ธรรมดา อย่างคันนี้ ซึ่งในโฉมเก่าจะเป็น 5 speed ปรับมาใช้ 6 speed ปรับแต่งอัตราทดใหม่ ซึ่งช่วยให้ประหยัดยิ่งขึ้น
โดยมีความเร็ว สัมพันธ์ต่อรอบเครื่องยนต์ ดังนี้ 80 กม./ชม.=1,250rpm 100 กม./ชม. =1,500rpm 120 กม./ชม.=1,800rpm
ลองขับขี่ดู เหยียบคลัช โยกคันเกียร์ที่ดูยืดยาวในสไตล์รถขับกระบะ เข้าที่เกียร์ 1 ออกตัว พบว่าช่วงออกตัว นั้น ตีนต้นยังดูไม่จัดจ้านอย่างที่คิดนัก ต้องลากรอบไปมากกว่า 2500rpm รถถึงเริ่มมีกระโจนให้เห็น เดินความเร็วต่อเนื่องไปจนถึงความเร็วกลาง กำลังก็ ยังมาแบบเรื่อยๆ ในทุกๆ ย่าน ซึ่ง เพียงพอ ที่จะแซงรถบ้าน รวมถึงกระบะ ทั่วๆไปได้ แต่ไม่ชัดถึงขนาด ฉีกขาด แต่เท่าที่รู้สึกคือ ช่วงความเร็วกลางลากไปถึงปลาย ดูจะได้เปรียบ รถคันอื่น จากขุมพลังที่ความจุเยอะกว่า และรู้สึกว่า เครื่องยนต์บล๊อกนี้กลับมาเด่นที่ช่วงความเร็วปลาย ที่ไหลขึ้นเรื่อยๆ แบบไม่เหนื่อยให้เห็น ถึงประมาณ 180 กม./ชม. และมีแนวโน้มไปต่อได้อีก
นั่นคือ ฟีลลิ่งที่จะบอกกับเครื่องยนต์ Duramax ใหม่ตัวนี้ ยังไม่อาจเรียกได้ว่าแรงดุดัน แบบที่คาดคิดไว้กับตัวเลข 200 แรงม้า การสับเกียร์แล้ว เด้งกระชาก จะไม่พบถ้าไม่ลากรอบ ไปสูงถึงช่วงราว Max Power และที่สำคัญ การสับเกียร์แล้วกระโจน จะมีให้เห็นช่วง 2 เกียร์แรกเท่านั้น นั่น คือสิ่งที่ Chevrolet ต้องการให้มันเป็นรถที่ ไม่ใช่แนวกระบะบ้าพลังนัก เน้นใช้งานบรรทุก หรือในรูปแบบ ทั่วๆไปมากกว่า แถมเสียงเครื่องยนต์ Duramax เจน 2 นี้ ผมสัมผัสได้ว่า มันดู ติ๋ม (เงียบกว่า) กว่า Trailblazer 2.8 ที่ใช้เครื่องยนต์ เจนแรก ที่ผมเคยได้ขับ เล็กน้อย
มาลองวัดตัวเลขสมรรถนะจาก OBD กันดู ซึ่งคันนี้ เป็นรถเกียร์ธรรมดา และผมได้ลองปรึกษา กับรุ่นพี่ผู้เชี่ยวชาญในการโมดิฟายด์ รถกระบะ และมีประสบการณ์ในการแข่ง Drag Race เพื่อ ศึกษารอบในการออกตัว และการสับเกียร์ ซึ่งรุ่นพี่ผมได้ แนะนำให้ ทำการ ออกตัวเกียร์ 1 ที่ ประมาณ 2,000rpm และสับเกียร์ที่ Max Power 3,600rpm โดยให้ทำทดสอบทั้ง โหมด 2WD และ 4WD Hi เปิดระบบ TCS ไว้เพื่อป้องกันไม่ให้ล้อฟรีขณะออกตัว
ในรอบแรก 2WD ได้ค่า 0-100 กม./ชม. 12.21 วินาที ¼ ไมล์ 18.66 วินาที ที่ความเร็ว 131 กม./ชม. (ในโหมด 2WD ยังมีอาการล้อฟรี ขณะออกตัว และ ช่วงสับเข้าเกียร์ 2 )
ในรอบสอง วัดที่ 4WD Hi ได้ค่า 0-100 กม./ชม. 11.83 วินาที ¼ ไมล์ 18.47 วินาที ที่ความเร็ว 130 กม./ชม.
ด้านอัตราสิ้นเปลืองจากมาตรวัด ในการเดินทางไกลได้ 12.7 กม./ลิตร ใช้ความเร็วราว 120 กม./ชม. มีเร่งแซงทำความเร็วสูงบ้าง และในตัวเมืองที่ 11.5 กม./ลิตร
ระบบบังคับเลี้ยว ใช้พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียม พาวเวอร์ไฮโดรลิค น้ำหนักช่วงสาวออกตัวหนักพอประมาณ แต่ยังไม่เกินความสามารถ ในระดับที่ คุณผู้หญิงตัวบางๆ จะยังสาวกันไหว แต่การขับที่ความเร็วปกติ หรือใช้งานในตัวเมือง จะขาดความคล่องตัวในสไตล์แฮนด์ลิ่งรถกระบะทั่วไป และที่ความเร็วสูงกว่า 120 กม./ชม. พวงมาลัยกลับดูเบาไร้น้ำหนัก รวมถึงการเข้าโค้ง ก็ดูพวงมาลัยจะไร้ชีวิตชีวาเช่นกัน ยังคงให้ความรู้สึกของระบบบังคับเลี้ยว ในแบบรถกระบะเน้นบรรทุก ซึ่งยังดูไม่แม่นยำมากนัก
ระบบเบรก ใช้แบบดิสก์ 2 ล้อหน้าพร้อมครีบระบายอากาศ ขนาด 300มม. และ ดรัมเบรกหลัง 295 มม. มาพร้อมระบบช่วยเหลือในการเบรกจัดเต็มทั้ง ABS, EBD, PBA, CBC
ด้านการเบรก ฟีลลิ่งจะดูเหมือนพวกรถกระบะอยู่ นั่นคือ ให้ความรู้สึกแบบด้านๆ ทื่อๆ แต่กับการตอบสนองแล้ว จริงๆมันทำได้ค่อนข้างดีทีเดียว สามารถหยุดกำลังเครื่องยนต์ในระดับ 200 แรงม้า ได้ดี ค่อนข้างเบรกได้อยู่เท้า แม้ว่าจะขับมาด้วยความเร็ว สำหรับความนุ่มเท้านั้น ขึ้นกับน้ำหนักตามเท้าเบรก
แต่เมื่อเบรก ในโค้ง อาจต้องระวังเพราะตัวรถอาจมีอาการส่าย จากลำตัวรถที่ไม่ได้อยู่ในแนวตรง แถมตัวรถสูง จึงดูส่ายมากกว่าปกติ ดังนั้น อาจต้องระวังการเบรก ในโค้ง ควรชะลอ หรือเบรกก่อนถึงโค้งทุกครั้ง
ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง ด้านหน้าเป็นแบบอิสระปีกนก ด้านหลังแบบ 5-Link ซึ่งมากับช่วงล่างในสไตล์กระบะมะกัน ที่คงดูแน่น และหนึบพอตัว เมื่อเทียบกับรถกระบะยกสูง แต่ถ้าเข้าโค้งหนักๆ รถก็มีอาการออกให้เห็นชัดเหมือนกัน แต่ระบบความปลอดภัยต่างๆ ยังพยายามดึงรักษาตัวรถให้กลับมาอยู่ในลำตัวที่ตรงที่สุด ในคันนี้มากับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีทั้ง 4Hi, 4Lo ให้เลือกบิดหมุนปรับกันได้จากปุ่ม โดยปรับโหมดเป็น 4 Lo ซึ่งรถจะต้องจอดนิ่ง หรือขับที่ความเร็วต่ำกว่า 5 กม./ชม. ถึงจะปรับได้
การขับด้วยระบบขับเคลื่อน 2WD นั้น ถือว่ามีอาการ Slip ออกค่อนข้างบ่อย หากกดกระแทกคันเร่งลึก ลองหักหลบสิ่งกีดขวาง และกระแทกคันเร่งมิดในเกียร์ 2 รถดูโยนออกด้านข้างมาก พร้อมสัมผัสได้ถึงการทำงายจากระบบ ESP เข้าช่วย
ให้รถพยายามไม่โยนออกมากจนเกินไป ลองหันมาปรับที่โหมด 4Hi พบได้ว่ารถดูมี Grip การยึดเกาะที่ดีมากขึ้น ลดอาการซี้ซั้ว จากการ Slip ล้อหมุนฟรี ที่พบในการขับเคลื่อน 2WD ไปมาก รวมถึงการเข้าโค้งได้ด้วยความเร็วที่มากขึ้นช่วยเพิ่มความมั่นใจได้ดีขึ้นอีกนิด
นอกจากนั้นยังมีโอกาสลองขับ Off-Road แบบเบาๆ ลุยพื้นหินบริเวณแถบภูเขา ด้วยโหมด 4Lo รวมถึงการลองนำรถไปไต่ขึ้นทางชัน ยังทำได้ดีทั้งจากการปรับระบบส่งกำลังใหม่ ให้เหมาะสม
เพิ่มเติมกับระบบ HDC (ช่วยควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน) การลงทางชันในหลายครั้ง ลองเปิดระบบนี้ จะช่วยควบคุม ความเร็วของรถให้ไหลไปเรื่อยๆ แบบช้าๆ โดยไม่ต้องแตะเบรก และหากกลับมาแตะเบรก หรือ คันเร่งระบบจะหยุดการทำงาน ขณะที่ทำงานสัญลักษณ์ไฟจะกระพริบ
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย ยังอัดเต็ม ทั้ง ระบบกุญแจ Immobilizer ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ระบบช่วยการเบรกทั้ง ABS, EBD, ระบบช่วยเบรกกระทันหัน PBA (Panic Brake Assist), ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรก HBA (Hydraulic Brake Assist) เฟืองท้าย Limited Slip และพิเศษเฉพาะรุ่น LTZ จะมีระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control), ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางชัน HSA (Hill Start Assist), ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System), ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP (Electronic Stability Program), ระบบช่วยเบรกขณะเข้าโค้ง CBC (Cornering Brake Control)
สรุป Chevrolet Colorado 2.8 LTZ Z71 4x4 รถกระบะมะกัน สายพันธุ์แกร่ง จาก เชฟวี่ สามารถนำไปใช้งานได้อย่างครอบคลุม ทั้งเดินทาง บรรทุก, ลากจูง สมรรถนะ 200 แรงม้า แต่การขับจริงอาจดูยังไม่จัดจ้านนัก แต่กำลังเพียงพอต่อการใช้งาน ทั้งเดินทางด้วยความเร็วสูง ความเร็วยังไต่ขึ้นได้แบบเรื่อยๆ นอกจากนั้น ยังพร้อมแก่การลุยในเส้นทาง Off-Road ได้อีกด้วย จากระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่มีให้เลือกใช้ทั้ง 4 Hi และ 4 Lo
และที่สำคัญ ถือเป็นอีกหนึ่ง กระบะ Hi-So เพราะในรุ่น LTZ นี้อัดแน่นเทคโนโลยีความปลอดภัยให้อย่างครบครัน
ขอขอบคุณ Chevrolet Sales ประเทศไทย ที่เอื้อเฟื้อรถทดสอบ Chevrolet Colorado 2.8 LTZ Z71 4x4 สีส้ม Orange Rock คันนี้ ราคา 8.71 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ชมภาพเพิ่มคลิ๊ก
พบรถ Chevrolet และ Chevrolet Colorado มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com
ความคิดเห็น