รีวิว รถสปอร์ตสายพันธุ์ใหม่ ประตูแบบ 2+1 Hyundai Veloster สวมหล่อด้วยชุดแต่ง Mobis รอบคัน Share this
รีวิวรถยนต์
โหมดการอ่าน

รีวิว รถสปอร์ตสายพันธุ์ใหม่ ประตูแบบ 2+1 Hyundai Veloster สวมหล่อด้วยชุดแต่ง Mobis รอบคัน

Pon Piantanongkit
โดย Pon Piantanongkit
โพสต์เมื่อ 17 March 2557

ย้อนกลับไป วันที่ 18 มีค. 2013  ประมาณ 1 ปีที่แล้ว   ทาง Hyundai Motors ไทยแลนด์  ได้เปิดตัวรถสปอร์ตในรูปแบบที่ไม่เหมือนใคร  กับประตู 2+1   Hyundai Veloster   ที่ลานบิน Best Ocean Air Park   สมุทรสาคร      โดยจับเจ้า Veloster ทั้งรุ่น Turbo และ NA   มาวิ่งกันบนรันเวย์   พร้อมให้นักข่าวได้ สัมผัส สมรรถนะของรถทั้ง 2 รุ่นนี้   เพียงคันละ  1 รอบ รันเวย์ สั้นๆ  เท่านั้น   จนวันนี้ได้มีโอกาส  มาจับพวงมาลัยของสปอร์ตจากแดนกิมจิ  ดีไซน์ประตูอันเป็นเอกลักษณ์คันนี้อีกครั้ง  ซึ่ง ในวันนี้  Veloster  คันที่ได้รับมาทดสอบนี้  ไม่ธรรมดา  เพราะสวมใส่ชุดแต่งจาก Mobis มาแบบจัดเต็ม

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_003

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_007

ขอท้าวความกลับไปถึงการดีไซน์  Hyundai Veloster  กันอีกครั้ง  คำว่า Veloster  มาจาก Veloscity + Roadster  ได้รับแรงบรรดาลใจการออกแบบ มาจากรถ Superbike  เพื่อให้มีหน้าตาที่ดุดดัน  ร่วมกับปรัชญาการออกแบบใหม่ของ Hyundai  “Fluidic Sculpture Design”  ที่เน้นความลื่นไหลของเส้นสายตัวถัง    ร่วมกับดีไซน์การออกแบบประตูแบบ 2+1  ซึ่ง กลายเป็นจุดขายของ Veloster คันนี้    หากมองจากด้านซ้ายตัวรถจะพบว่า เป็นรถ Hatchback 5 ประตู  โดยมีมือเปิดประตูหลังที่ซ่อนอยู่แบบ Integrated   แต่เมื่อมองจากทางด้านขวา  จะพบว่า มันจะดูเป็นรถ Coupe Hatchback  เพราะมีประตูเดียวทางด้านขวา      สำหรับรายละเอียดอื่นๆ  ได้แก่ ฝากระโปรงหน้าที่เป็นรูปแบบ 2 plane เจาะรู  บนฝากระโปรงเพื่อให้เพิ่มความดุดันยิ่งขึ้น     สปอยเลอร์หลังแบบ Turbulence ซึ่งช่วยส่งผลให้ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน cd= 0.32  พร้อมไฟท้าย LED ในตัว   ปลายท่อไอเสียคู่ออกกลางทรงเหลี่ยมเพิ่มความสปอร์ต      นอกจากนั้นสีตัวถัง มีให้เลือกมากถึง  7 สี สำหรับ  Veloster  ได้แก่  เหลือง  Sunflower, เขียว green apple, เงิน sonic silver, แดง veloster red, ส้ม vitamin c, น้ำเงิน blue ocean, ขาว white crystal        และ 5 สี สำหรับ ตัว Turbo    ได้แก่ แดง veloster red, ส้ม vitamin c, น้ำเงิน blue ocean, ขาว white crystal,  เทาดำ petrol grey

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_031

สำหรับคันนี้พิเศษกว่าคันอื่นตรงที่ใส่ชุดแต่ง จากสำนัก Mobis   ซึ่งประกอบไปด้วย   กันชนหน้า, หลัง  สเกิร์ตข้าง,  ไฟหน้าโปรเจ็คเตอร์,  ไฟท้าย LED   รวมไปถึง  สติกเกอร์ตกแต่งลายจุด pixel รอบคัน     และสติกเกอร์ครอบกระจกมองข้างลายเคฟล่า     โช้คอัพ,  คอยล์สปริงใหม่

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_067

และปิดท้ายที่ล้ออัลลอย  ขนาด (18”x7.5” ET49)    และยาง Hankook Ventus  V12 Evo  225/40/18 Made in Korea

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_113

เปิดประตูเข้ามาภายใน  Veloster  ด้วยระบบกุญแจอัจฉริยะ  มาพร้อมปุ่ม Push Start    จะพบว่าห้องโดยสารภายในเป็นแบบ 4 ที่นั่ง  ใช้โทนสี Silver Accents และ Glossy Black   ในคันนี้ใช้วัสดุหุ้มเบาะเป็นผ้า tricot   บนเบาะปักคำว่า Veloster เอาไว้บนเบาะนั่ง 2 ฝั่ง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกพื้นฐานที่มีมาให้  ได้แก่  พวงมาลัยหุ้มหนัง  พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง และเชื่อมต่อโทรศัพท์     ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ     หน้าจอเครื่องเสียงขนาด 7”  แบบ LCD  รองรับ USB, Aux และ CD   และมี Eco Game เอาไว้ให้เล่น เพื่อฝึกการขับขี่แบบประหยัดอีกด้วย     นอกจากนั้นทางฝั่งขวามือ   จะมีปุ่มเปิด-ปิด เซ็นเซอร์ถอยจอด

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_050

เมื่อนั่งลงที่ตำแหน่งคนขับ  พบว่าเบาะมีขนาดไม่ใหญ่มาก  มีปีกที่โอบลำตัวในรูปแบบ Sport Seat  แต่ด้วยความที่เบาะดูจะขนาดไม่ใหญ่นัก  ซึ่งจะพอโอบกระชับกับผู้ขับที่ขนาดตัวไม่ใหญ่มาก     แต่ถ้าผู้โดยสารตัวใหญ่มานั่งอาจพบว่าเบาะอาจดูเล็กอึดอัดไปสักนิด       เมื่อหันไปดึงที่คาด Belt  ฝั่งคนขับ  พบว่ามันสามารถปรับระยะได้  ซึ่งช่วยให้ไม่ต้องเอื้อมแขนไปข้างหลังจนตึงเมื่อย  เหมือนพวกรถสปอร์ตคูเป้ ในหลายรุ่น      และพื้นที่เบาะตอนหลังพับได้แบบ 60:40   จึงช่วยขยายพื้นที่เก็บสัมภาระมากขึ้นไปถึง 440 ลิตร   ถือว่ามากกว่ารุ่น Turbo ที่มีเพียง 320 ลิตร     สำหรับพื้นที่โดยสารตอนหลังไม่ถึงกับแคบตามแบบรถ Coupe  หลายๆคัน  แต่ถ้าเทียบกับรถในระดับ Sub-Compact  5 ประตู ก็ถือว่ามีพื้นที่ใกล้เคียงกัน หรือจะมากกว่าเล็กน้อย  ในส่วนของพื้นที่ Leg Room  แต่สำหรับ Head Room นั้น  อาจดูเตี้ยไปหน่อยจากรูปทรงของรถ   ซึ่งคนที่ตัวสูงมานั่งอาจจะอึดอัด  ติดศรีษะ  ตรงกระจกบานหลัง     แต่ก็ยังนั่งได้แบบไม่อึดอัด เพราะเบาะ  ไม่ได้ชันตั้งตรงเกินไปนัก   แต่ด้วยตำแหน่งเบาะที่ดูต่ำ  คนตัวสูงยาว  เข่าอาจจะชันขึ้นมากหน่อย

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_015

ในส่วนของทัศนะวิสัย นั้น ในด้านท้าย อาจจะต้องทำใจกันหน่อย กับรถในสไตล์ สปอร์ต  ท้ายลาด เช่นนี้  เพราะช่วงเสา C นั้นมีขนาดหนา เมื่อเชื่อมต่อกับฝากระโปรงหลัง  ด้วยแล้ว ทำให้ การเลี้ยวออกจากซอย  ต้องระวัง รถที่แล่นมาให้ดี   รวมถึงการมองกระจกบานหลังด้วยเช่นกัน  เนื่องจากระจกที่ถูกแบ่งออกเป็น 2 ชั้น

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_082

สมรรถนะของระบบส่งกำลัง  เครื่องยนต์  1.6  ลิตร MPI   DOHC  พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย  D-CVVT    มอบพละกำลัง 130 แรงม้า@6,300rpm  และแรงบิด 157Nm@4,850rpm    ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบ Torque Converter 6 Speed   ลงสู่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า

การตอบสนองของเครื่องยนต์นั้น    ในช่วงที่ขับแบบรถติดในตัวเมือง  หรือที่ความเร็วไม่สูงเกินไป  ดูๆ  แล้วจะไม่ต่างจากรถในกลุ่มรถเล็ก B-Car  นัก    (เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร)   ความรู้สึกออกมาใกล้เคียงกัน  ทำในจังหวะออกตัว และเร่งแซง   อยู่ในเกณฑ์พอใช้   แต่เมื่อมีโอกาสวิ่งเดินทางไกล  ที่เริ่มจะใช้ความเร็วได้บ้าง   กลับรู้สึกว่า  ช่วงความเร็ว ระดับ 120 กม./ชม. ขึ้นไปมันไม่มาเลย   ดูเอื่อยเฉื่อย อย่างเห็นได้ชัด   เส้นทางที่เราได้ทดลอง บนถนนมิตรภาพ ที่มีความยาว  แต่ความเร็วนั้นไต่ขึ้น แบบเฉื่อยกว่าที่เราคิดไว้มาก   จนผมไม่มีโอกาสทำความเร็วได้เกินกว่า 160 กม./ชม.ไปได้

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_021

ซึ่งหากเทียบกับความเป็นรถสปอร์ตด้วยกันแล้ว   ชัดเจนว่ามันอืดไปเลย   ลองขับกระแทกคันเร่ง ลากในโหมด S เพื่อหวังให้การตอบสนองดีขึ้นสักเล็กน้อย  เมื่อลากรอบถึงราว  6,500rpm  เกียร์จะตัดขึ้นใหม่ให้เอง    แต่ถ้าต้องการจะ Shift เกียร์ขึ้นเอง  ที่รอบเครื่องยังต่ำ  เมื่อเน้นการประหยัด  จะพบว่า  ไม่สามารถขึ้นเกียร์ที่รอบต่ำกว่า   2000rpm ลงไปได้     ซึ่งถ้าพูดถึงการขับในโหมด S นี้  อาจจะไม่ได้ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเท่าที่ควร   ทั้งจะขับในแบบซิ่ง  หรือจะเน้นประหยัด   แต่อาจช่วยได้ในกรณี  อยู่บนทางชัน  หรือ ช่วงแซงต่อเนื่องบางจังหวะ ที่ต้อง hold รอบเครื่องเอาไว้

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon

ลองวัดตัวเลขสมรรถนะ ด้วย OBD ได้ค่าดังนี้

0-100 กม./ชม. = 13.27 วินาที    ¼ ไมล์  = 19.15 วินาที

หมายเหตุ   ในการทดสอบด้านสมรรถนะของเครื่องยนต์คันนี้  ตัวเลขที่ได้อาจไม่สู้ดีนัก  จากการใช้ล้อขอบ 18”  ซึ่งดูจะกินกำลังเครื่องพอสมควร กับเครื่องยนต์ 1.6  ซึ่งเดิมๆ  ที่ใส่ล้อ ขนาด  17”x7” มาให้

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_046

สำหรับการขับขี่ด้วยเกียร์ 6 Speed  ลูกนี้  ถือว่าเป็นเกียร์ Torque Converter ที่ทำการเปลี่ยนเกียร์  ให้เกิดช่วงรอยต่อที่ดูสมูท  ไม่กระโชกโฮกฮากนัก     และการตอบสนองในจังหวะ Shift เกียร์ด้วยตัวเอง  ก็พบว่า ไม่ถึงกับช้าจนเกินไป  แต่ก็ไม่ได้เร็วมากนัก

ถัดมาดูความสัมพันธ์ความเร็วต่อรอบเครื่องยนต์ 3 ค่าได้ดังนี้

80 กม./ชม.=1,750rpm    100 กม./ชม.=2,250rpm     120 กม./ชม.=2,750rpm

ในด้านอัตราสิ้นอัตราสิ้นเปลืองจากมาตรวัด ในการเดินทางไกล  ได้เฉลี่ย 14 กม./ลิตร  โดยใช้ความเร็วราว 100-110 กม./ชม.       และการวิ่งในตัวเมือง ที่มีรถติดร่วมด้วย  ได้อัตราสิ้นเปลือง ราว 12 กม./ลิตร

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_062

โดยรวมแล้วสมรรถนะเครื่องยนต์ อยู่ในระดับ รถเล็กพิกัด 1.5 ลิตร  ทั่วๆไป   ดูไม่หวือหวา อะไร หากมองว่ามันอยู่ในครายรถสปอร์ต   กับอัตราสิ้นเปลืองที่สมกับขุมพลังเครื่องยนต์     ถ้าหากชอบความแรง ให้สมกับคำว่ารถสปอร์ต ขอแนะนำเพิ่มเงินไปอีก 4 แสนกว่าบาท  คว้าเครื่อง GDi-Turbo เลยจะดีกว่า

 

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_089

ระบบบังคับเลี้ยว  Handling  พวงมาลัยแบบมอเตอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า  MDPS   ของ Veloster นี้   ทันทีที่ได้สัมผัส  ก็รู้สึกได้ถึงความว่องไวของพวงมาลัย  และนั่นเป็นฟีลพวงมาลัยแบบผ่อนแรงไฟฟ้า  ของรถสปอร์ตโดยแท้     ในช่วงออกตัวน้ำหนักเบา  คล่องมือแก่การสาวจอด   หรือ  ขับเคลื่อนที่ต้องการความคล่องแคล่วในตัวเมือง   มันก็ตอบสนองได้ดีทันใจ    แต่เมื่อเคลื่อนตัวออกไปมีอาการแน่นตึ้บ  มีความหนืดมากขึ้น    โดยมีระยะฟรีพอควรให้พร้อมที่จะควบคุมได้อย่างทันท่วงที     การประคองความเร็วในโค้ง ซึ่งต้องยอมรับเลยว่ามันดูหนักทีเดียว  แถม พวงมาลัย มีอาการดึงกลับไปยัง Center  ซึ่งถือว่า  มันดูมีความแม่นยำดี  และ มีความไวสูง  เมื่อผ่านพ้นช่วงระยะฟรีของพวงมาลัยไป

แต่สำหรับในคันทดสอบนี้   เราพบว่า มันมีอาการกินซ้ายของพวงมาลัยให้เห็น

ระบบช่วงล่าง  ด้านหน้าเป็นแบบ Macpherson Struts   ตามพิมพ์นิมยม  ด้านหลังเป็น  Coupled Torsion Beam Axle (คานบิด)    อาการของช่วงล่างนั้น  มาในแบบสปอร์ตชัดเจน  คือออกแนวแข็ง  เนื่องจากคันนี้ถูกปรับเปลี่ยนช่วงล่างทั้งโช้คอัพ และสปริงใหม่จาก Mobis  และล้อที่ใส่ใหญ่ถึง 18”   สัมผัสได้ถึงช่วงล่างแบบรถสปอร์ตที่มีอาการตึงตึง ให้เห็นพอสมควร  และจะพบการยุบตัว และ rebound กลับของโช้คอัพที่ค่อนข้างน้อย   และนั่นอาจส่งผลให้การปรับเปลี่ยนเลนด้วยความรวดเร็ว  รถจะโยนมาแบบทั้งลำ  ซึ่งก็ถือว่ามันดูเกาะหนึบติดพื้นถนนดี  แต่อาจทำเอาเวียนหัวได้อยู่เหมือนกัน

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_034

นอกจากนั้น  การยึดเกาะบนถนนที่ความเร็วในระดับ 140 กม. ถึง  160 กม./ชม.  มันยังทำได้อย่างดี  ไม่มีอาการหวาดเสียวให้เห็นซึ่งก็มีผลจากบอดี้ตัวถังที่ค่อนข้างเตี้ยช่วยด้วย     สำหรับการยึดเกาะในโค้งนั้น   อาจพบว่า Under Steer (หน้าดื้อ) ให้เห็นกันอยู่บ้าง   เมื่อโยนเข้าที่ความเร็วสูงๆ   ทั้งจากน้ำหนักของพวงมาลัยที่ค่อนข้างหนักแน่น  และช่วงล่างที่อาจจะดูยืดหยุ่นน้อยไปนิด    แต่ถ้าขับในโค้งที่กว้างแบบวาดกันได้ยาวๆ  ก็ถือว่าควบคุมได้ของข้างมั่นคงในทางโค้งดีทีเดียว

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_075

ระบบห้ามล้อ    ดิสก์เบรก 4 ล้อ  พร้อมครีบระบายความร้อนบนจานคู่หน้าขนาด 280mm  และ จานดิส์คู่หลังขนาด 262mm   มาพร้อมระบบ ABS, BA, EBD มาให้เป็นมาตรฐาน    การตอบสนองเบรก  อยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างดี   เบรกดูติดเท้าใช้ได้      แต่หากเร่งมาด้วยความเร็ว  หากต้องเหยียบลงแบบทิ้งน้ำหนัก  เพื่อหยุดรถ   อาจมีอาการหน้าจิก  หน้าทิ่มพอสมควร      แต่ขณะที่ขับขี่แบบทั่วๆ ไป แป้นเบรกไม่ถือว่าตอบสนองไวจนเกินไป    ยังสามารถเหยียบเ แบบคงความนุ่มได้อยู่    เนื่องจากตำแหน่งของแป้นเบรกนั้น  อยู่ค่อนข้างลึก  ในสไตล์แบบรถบ้าน       ว่าง่ายๆ   การเซ็ตเบรก  อาจดูไม่เหมือนรถสปอร์ต เต็มตัวนัก  ที่มักเซ็ตแป้นเบรกตื้นๆ  แตะนิดเดียวจิก จนหัวทิ่ม    สำหรับ Veloster คันนี้ ออกแนวรถบ้านทั่วๆไป   แป้นไม่ตื้น  ต้องเหยียดเท้าลงไปลึกหน่อย   แต่โดยรวมมันตอบสนองได้ดี เบรกอยู่  ในการขับขี่ที่ความเร็วค่อนข้างสูง

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_027

สรุป   Hyundai Veloster รถสปอร์ตสายพันธุ์ใหม่  Import จากเกาหลีใต้   มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นเจ้าแรกในโลกกับประตูแบบ 2+1

ถ้าขับแบบเอาหล่อเฉยๆ  พอให้ได้ฟีลรถสปอร์ต จากช่วงล่าง และพวงมาลัย  รวมถึงตำแหน่งการนั่ง  นอกจากนั้นออปชั่นที่ควรจะมีมาให้เพื่ออำนวยความสะดวก  ก็จัดมาแบบไม่น้อยหน้ารถสปอร์ตคันอื่นๆ  รวมทั้งคุณภาพงานที่นำเข้ามาทั้งคัน ซึ่งถือว่าดูดีทีเดียว   แต่เมื่อคาดหวังกับสมรรถนะของเครื่องยนต์   ที่ขึ้นชื่อว่ารถสปอร์ตแล้ว   อาจจะผิดหวัง   เพราะว่าในตัว NA นี้   มันไม่ได้เน้นแรง   แต่มันช่วย save cost  ค่าใช้จ่ายของคุณไปได้เยอะ   ทั้งค่าตัวรถที่ถูกกว่า Turbo ถึงราว 4 แสนกว่าบาท   และค่าน้ำมันที่ต้องจ่ายในยุคข้าวของราคาแพงเช่นนี้

แต่ถ้าหาก คุณคือคอสปอร์ต  ตัวจริง  รักในความแรง  แล้วล่ะ ก็  ขอแนะนำกำเงินเพิ่มอีก 4 แสนกว่าบาท   คว้ารหัสแรง  GDi-Turbo  มาขับให้สนุกเต็มสมรรถนะ  พร้อมทั้งออปชั่นที่มีมาให้แบบครบครัน  ด้วยจะดีกว่า

สำหรับผู้ที่สนใจชุดแต่ง Mobis สามารถติดต่อได้ทาง Hyundai Motors

ขอขอบคุณ  Hyundai Motors สำหรับรถทดสอบ Veloster  คันสีเหลือง  สุดสวยคันนี้   1.299 ล้านบาท (ไม่รวมชุดแต่ง Mobis)

ภณ เพียรทนงกิจ  Test Driver

ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_057

รายละเอียดทางเทคนิค Hyundai Veloster

เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร MPI DOHC พร้อมระบบวาล์วแปรผันทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย D-CVVT 130 แรงม้า@6,300rpm และแรงบิด 157Nm@4,850rpm

ระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 Speed แบบ Torque Converter

ระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยแบบมอเตอร์ผ่อนแรงไฟฟ้า MDPS

ระบบช่วงล่าง ด้านหน้าแบบ Macpherson Struts ด้านหลังแบบ Coupled Torsion Beam Axle

ระบบเบรก ดิสก์ 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อนคู่หน้า

2013-Hyundai-Veloster-TestDrive-Pon_037

พบรถ Hyundai มือ 2 ได้ที่ Thaicar.com


ความคิดเห็น


เรียกดูข่าวตามประเภทยานพาหนะ

ค้นหาข่าวโดยยี่ห้อ