เครื่องยนต์เบนซินสันดาปภายในขนาด 4 สูบมีอายุครบ 130 ปีเต็มในปีนี้ นับตั้งแต่ถูกคิดค้นขึ้นครั้งแรกโดยวิศวกรชาวอังกฤษนามว่า Edward Butler เมื่อปี 1884
เครื่องยนต์ 4 สูบบล็อกแรกมีความจุ 600 ซีซี พละกำลังราว 5 – 8 แรงม้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ขุมพลังเบนซินสันดาปภายในก็มีวิวัฒนาการอย่างก้าวกระโดดมาจนถึงปัจจุบัน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเครื่องยนต์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดทุกวันนี้ยังคงเป็นบล็อก 4 สูบ ซึ่งมีทั้งรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์และรถกระบะที่ใช้กันทั่วโลก อย่างไรก็ตาม โฉมหน้าของอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย โดยเครื่องยนต์ขนาด 3 สูบกำลังมาแรงแซงโค้งแบบน่าจับตามองอย่างมาก
เครื่องยนต์ 3 สูบเป็นขุมพลังที่เคยถูกวิศวกรและนักการตลาดประเมินว่าเป็นสิ่งประหลาด โดยเฉพาะจุดด้อยด้านพละกำลังและมูลค่าในมุมมองของผู้บริโภค แต่ปัจจุบันสถานการณ์ทั้งในด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม มลพิษและปัจจัยอื่นๆอีกมากมายกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ให้เปลี่ยนไป เช่นเดียวกับหลายค่ายรถที่ต้องปรับตัวตามไปด้วย
เหตุผลหลักที่เครื่องยนต์ 3 สูบได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเนื่องจากความจุที่น้อยกว่าและการจัดวางลูกสูบสามลูกเรียงต่อกันทำให้มีแรงบิดที่ดีในช่วงรอบต่ำถึงรอบกลาง ซึ่งบางครั้งดีกว่าเครื่อง 4 สูบด้วยซ้ำไป นอกจากนี้เครื่อง 3 สูบยังมีขนาดเล็กกว่าและเบากว่าด้วย ประโยชน์สูงสุดที่ได้รับคือความประหยัดเชื้อเพลิง
เมื่อบวกกับเทรนด์การซื้อรถในปัจจุบันที่ลูกค้ามองหารถประหยัดน้ำมันมากขึ้นและปล่อยไอเสียน้อยลง เครื่องยนต์ 3 สูบจึงได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่จากหลายค่ายรถยักษ์ใหญ่
เครื่องยนต์ Ford Ecoboost ความจุ 1.0 ลิตร คือตัวอย่างสำคัญที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำสมัย อย่างหัวฉีดตรงไดเรคอินเจคชั่น วัสดุภายในเครื่องที่ดีขึ้นและเทคนิคการประกอบที่ก้าวหน้า
มีอีกหลายองค์ประกอบที่ทำให้เครื่องยนต์ 3 สูบมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว คือระบบเทอร์โบชาร์จและระบบวาล์วแปรผัน ขุมพลังบล็อกเล็กนี้จึงไม่เพียงถูกใช้งานอยู่ในรถโปรดักชั่นเท่านั้น แต่ยังถูกติดตั้งเป็นหัวใจขับเคลื่อนของรถแข่งอีกด้วย
Nissan ซึ่งเป็นค่ายรถแถวหน้าในการพัฒนาเครื่องยนต์ ได้เปิดตัว DIG-T R ขุมพลัง 3 สูบที่สามารถรีดพละกำลังได้มากถึง 400 แรงม้า แรงบิด 380 นิวตันเมตรที่ 7,500 รอบ/นาที เครื่องบล็อกนี้ติดตั้งอยู่ในรถแข่ง ZEOD RC ซึ่งจะพิสูจน์ความแรงในการแข่งขัน Le Mans 24 Hours เดือนมิถุนายนนี้
ยังไม่นับรวมถึงการแข่งขันซีรีส์ Formula Ford ซึ่งรถทุกคันใช้เครื่องยนต์แบบเดียวกับที่วางอยู่ใน Ford Focus โดยถูกปรับแต่งเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อย
คนที่ติดตามข่าวสารคงคุ้นหูกันดีกับ Focus และ Fiesta ที่ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ แต่นอกจากฝาแฝดพี่น้องสัญชาติอเมริกันแล้ว BMW i8 รถสปอร์ตปลั๊กอินไฮบริดยังใช้เครื่องยนต์ 3 สูบ 1.5 ลิตรเช่นกัน ให้พละกำลัง 231 แรงม้า แรงบิด 320 นิวตันเมตร ซึ่งทำงานประกบคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า
นอกเหนือจาก Ford และ BMW หลายค่ายรถทั้งยุโรปและอเมริกันอย่าง Renault, Volkswagen, PSA Peugeot Citroen และ GM ต่างกำลังซุ่มพัฒนาเครื่องยนต์ 3 สูบอย่างขะมักเขม้นในเวลานี้
กล่าวกันว่าการเปลี่ยนแปลงถือเป็นนิรันดร์ ไม่เว้นแม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องยนต์ 4 สูบอาจถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบกลายเป็นขุมพลังกระแสหลักในอนาคต ถึงแม้เส้นทางยังอีกยาวไกล แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเกินรอ
ขอขอบคุณเวบไซต์ Livelifedrive เอื้อเฟื้อภาพและข้อมูล
ความคิดเห็น