บริดจสโตนรับต้องปรับตัวหลังตลาดยางรถยนต์เดือนแรกหดตัว 20% เดินหน้ารักษาระดับการขายในประเทศ เร่งกระจายการผลิตในเครือข่ายโรงงาน แย้มการเมืองไม่กระทบแผนลงทุนที่ตัดสินใจไปแล้ว แต่โครงการใหม่ต้องพิจารณาหลังเหตุการณ์สงบ
ชินอิจิ ซาโตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริดจสโตนเซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดยางรถยนต์ที่หดตัวในเดือน ม.ค. กว่า 20% ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องปรับตัวเพื่อรับมือ เนื่องจากจริง ๆ แล้ว ตลาดยางรถยนต์ในปีนี้ควรจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% เป็นผลจากการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วง 3 ปีก่อนหน้านี้
"ต้องยอมรับว่าอุตสาหกรรมยางรถยนต์ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและปัจจัยทางการเมืองต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในส่วนของตลาดยางทดแทน (อาร์อีเอ็ม) ในเขตกรุงเทพมหานคร ขณะเดียวกัน ตลาดยางรถยรนต์สำหรับโรงงานผลิต (โออีเอ็ม) ก็หดตัวจากความต้องการของโรงงานที่ลดลง"
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะเดินหน้าอย่างเต็มที่เพื่อรักษาเป้าหมายการจำหน่ายที่วางเอาไว้ในปีนี้ให้ได้ ขณะเดียกัน ก็จะพูดคุยในเรื่องของการจัดสรรการผลิตกับฐานการผลิตของบริดจสโตนทั่วโลก ที่มีอยู่กว่า 50 แห่ง เพื่อที่จะกระจายการผลิตยางรถยนต์ออกไปให้เหมาะสมกับแต่ละโรงงาน
อย่างไรก็ตาม ภาวะที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อโครงการที่บริษัทฯ ตัดสินใจลงทุนไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นโครงการการตั้งศูนย์เทคนิคอล เซนเตอร์และศูนย์วิจัยและพัฒนาในประเทศไทยด้วยงบประมาณ 3.7 พันล้านเยน (ประมาณ 1.1 พันล้านบาท) หรือการลงทุนพัฒนาสายพานลำเลียงที่โรงงานระยองมูลค่า 3 พันล้านเยน (ประมาณ 950 ล้านบาท) ก็จะดำเนินต่อไป
"เรามีการวางแผนด้านการลงทุนล่วงหน้าอยู่แล้ว อะไรที่ตัดสินใจไปแล้วก็พร้อมที่จะเดินหน้าต่อไป หากแต่โครงการใหม่ ๆ ที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจนั้น ก็จำเป็นที่จะต้องรอให้เหตุการณ์ต่าง ๆ สงบลงไปเสียก่อนที่จะมีการตัดสินใจอะไรใหม่ ๆ ออกมาในอนาคต"
ทั้งนี้ นายซาโตะระบุว่าบริดจสโตนยังยืนยันเป้าหมายในการผลักดันให้โรงงานในประเทศไทยเป็นโรงงานที่สำคัญของบริดจสโตน รวมถึงคาดหวังว่าการลงทุนใหม่ ๆ จะช่วยให้ประเทศไทยมีศักยภาพในการคิดค้นและออกแบบยางรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของบริษัทฯ เพื่อทำตลาดในท้ายที่สุด
สำหรับบริดจสโตนในประเทศไทย ล่าสุดได้ทำการเปิดตัวยางรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุด ทูรันซ่า จีอาร์-100 เพื่อทำตลาดยางรถยนต์ทดแทนโดยเฉพาะ โดยมีให้เลือกทั้งหมด 29 ขนาด ตั้งแต่ของ 15-19 นิ้ว โดยจะเริ่มทำตลาดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนมีนาคมนี้ ด้วยราคาจำหน่ายประมาณ 3,000 - 1 หมื่นบาท
ความคิดเห็น