เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ในงาน MegaBangna Superbike 2014 ที่จัดขึ้นที่ศูนย์การเค้า MegaBangna Admin ได้ไปเก็บภาพบรรยากาศงานเล็กๆ น้อยๆ มาฝากกันไปแล้ว
และบังเอิญ เห็นเต็นท์ Test Riding ของ Suzuki ตั้งอยู่บริเวณที่จอดรถ Bigbike หน้าศูนย์การค้าพอดี และนั่นจึงเป็นโอกาสที่ดี กับการลองขี่ครั้งแรก และเขียนเป็น รีวิว 1st Impression Suzui Gladius คันนี้
ที่จริงแล้ว Suzuki Gladius ไม่ใช่รถที่ใหม่เอี่ยม ซะทีเดียว เนื่องจากมันบุกตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 และ และเมื่อ ช่วงเดือน กันยายน 2013 ที่ผ่านมา Suzuki จัดหนักเปิดตัวรถ Bigbike 6 Model พร้อม รถ Raider 150 และ Van Van 125 ซึ่ง 1 ใน 6 นั้น มี Suzuki Gladius ได้ถูกนำมาโชว์เปิดตัวในงานกันด้วย แต่ยังไม่บอกราคา ณ เวลานั้น
จนมาถึงช่วงปลายปีที่งาน Motor Expo 2013 ทาง Thai Suzuki (จักรยานยนต์) ไม่ได้พื้นที่ในการจัดแสดง แต่ได้อาศัยพื้นที่ของ Suzuki Motors Thailand ในการนำรถจักรยานยนต์ ไปวางโชว์ 4 คัน โดยในงานนั้น มีการเปิดราคา Suzuki Gladius และ V-Strom แบบเงียบๆ ภายในงาน โดยการตั้งป้ายราคา 3.19 แสนบาท สำหรับ Gladius 650 ซึ่งเป็นรถนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน
ถือได้ว่า ไม่แพงจนเกินไป เนื่องจากถ้ามาในราคา 3 แสนปลาย นั่นทำให้ลูกค้า อาจจะมองข้าม ไปที่รถในพิกัด 800cc อย่าง Kawasaki Z800 หรือ Ducati Monster795 ได้
เอาล่ะเกริ่นกันพอสมควรแล้ว ขออนุญาตเข้าเนื้อเรื่องการรีวิว แบบลองขี่ เบาๆ เบื้องต้นกันก่อนเลย
Suzuki Gladius ถือเป็นรถสไตล์ Naked Bike ในพิกัด 650cc เครื่องยนต์ 2 สูบ หากมองจากด้านหน้าของตัวรถ อาจทำให้คอนักเลงมอไซค์อย่างเราๆ นึกถึงรถ Naked Bike ค่ายสุดหรู จากอิตาลี อย่าง MV Agusta Brutale ทั้งจากบริเวณหัวรถ ไฟหน้าวงรีเดี่ยว รวมถึงส่วนหัวรถจากมาตรวัดด้านบน อีกทั้งแชสซีส์รถ ที่เป็นแบบโครงถักด้วยกัน แต่ด้วยดีไซน์แบบนี้ หลายคนอาจมองว่า มันดูออกจะเรียบๆ ไปหน่อยดูไม่โฉบเฉี่ยวดุดัน นักจากตัวรถที่ไม่ค่อยมีเส้นสายที่ดูคมนัก หากเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง Kawasaki ER6n
หลังจากที่ได้ลองคร่อม ดูน่้ำหนักรถ กับส่วนสูงของผม ที่มีขนาด 174cm สามารถเหยียบพื้นได้อย่างเต็มเท้าและมั่นคงดี จากความสูงเบาะเพียง 785mm เท่านั้น ลองโยกรถดู พบว่าน้ำหนักไม่หนักมาก รู้สึกได้ว่าเตี้ยกว่า และเบากว่า ER6n โดย Gladuius มี นน. 202 กก. แถมช่วง hand ที่ดูแคบกว่า อย่างเห็นได้ชัด ส่งผลให้การหักเลี้ยววงเลี้ยวนั้นทำได้แคบ และดูคล่องตัว หากมุดรถติด คาดว่าสามารถโยกหลบ ได้พริ้วแน่นอน (อาจจะติดกระจกมองข้างหน่อย)
เมื่อบิดกุญแจสตาร์ทรถ พบว่ามาตรวัดให้ฟีล แบบรถ Triumph คงความคลาสสิคผสมปนโมเดิร์น จากช่องวัดความเร็วเป็นตัวเลขดิจิตัลทางด้านขวา และวัดรอบเครื่องแบบเข็มตรงกลางขนาดใหญ่ แถมมีตัวเลขบอกเกียร์อีกด้วย นี่ล่ะที่ต้องการเลย!
มาถึงการขับขี่ ด้วยเครื่องยนต์ของ Gladius เป็นแบบ V-Twin จึงทำให้รถนั้นดูจะออกแนวดิบกว่า สูบเรียงอย่าง ER6n นิดหน่อย การบิดเปิดคันเร่งรู้สึกว่า Torque นั้นมาหนักพอๆกันตั้งแต่รอบต้นที่ออกตัว แต่แอบรู้สึกว่าตั้งแต่ช่วงกลางขึ้นไป Gladius จะให้อารมณ์ดุดันกว่าเล็กน้อยทั้งจากเสียง และฟีลลิ่งจากเครื่อง V โดบเรามีโอกาสลองได้ขับเส้นหลังยาวๆ ลากความเร็วไปถึงราว 85 กม./ชม. และต้องชะลอเบรกเมื่อเจอลูกระนาด ซึ่งต้องใช้ E-Brake เข้าช่วย พบว่า Engine ดึงหน่วงหนักใช้ได้เลย สำหรับตัวนี้ที่ได้ Test ซึ่งเป็นตัวเก่าไม่มี ABS การเบรกดูจะให้ลงได้หนักแน่่น ดีกับเบรกของ Tokico ทวินดิสก์ 260mm และ แบบดิสก์เดี่ยว 240mm
สรุปเบื้องต้น Suzuki Gladius แรงในระดับเครื่องยนต์ 2 สูบ 650cc ที่ควรจะเป็น เสียงดิบดุกว่าสูบเรียง เล็กน้อย อัตราเร่ง ความแรง ดูจะไม่แตกต่างกันเท่าใดนัก ที่ต่างจะเป็นเรื่องของท่านั่ง ที่ Gladius นั้นดูเอื้ออำนวย ต่อรูปร่างของคนตัวเล็กมากกว่า และช่วง hand สั้น ซึ่งให้ความคล่องตัว และน้ำหนักรถไม่หนักมาก
เทียบกับราคา 3.19 แสนบาท พร้อม โปรโมชั่น ทะเบียน/พรบ./ประกันชั้น 1 ดูจะให้ความน่าสนใจดีไม่น้อย และราคาไม่แพงอย่างที่คิดจากการโดนภาษีนำเข้ารถจากญี่ปุ่นราว 20% (หากลองไม่คิดภาษีราว 20% นี้ราคามันดูจะออกมาต่ำกว่าคู่แข่งเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ราคาต่างประเทศ Gladius จะแพงกว่า) แต่ทว่า เมื่อเทียบกับคู่แข่งในพิกัดเดียวกัน มันยังคงแพงที่สุด จากการเป็นรถนำเข้าทั้งคัน แต่สมรรถนะ ทำได้ใกล้เคียงกัน ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของเครื่องยนต์ที่ดุดันกว่าแบบ V-Twin รักค่ายไหน ชอบดีไซน์คันไหน งบมากเพียงใด ผู้ที่คิดจะซื้อรถ Naked Bike ในระดับกลาง นี้คงต้องลองขี่ด้วยตัวเองกันให้ครบทุกรุ่นก่อนตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง
แต่หากเรามองข้ามช๊อต อนาคตปี 1 เม.ย. 2560 ภาษีนำเข้าจากญี่ปุ่น จะเหลือ 0% จากปัจจุบันที่โดนอยู่ราว 20% อาจทำให้ การแข่งขัน Bigbike ในอนาคตเพิ่มความดุเดือดยิ่งขึ้น และนั่นอาจทำให้หลายค่ายอาจนำ Bigbike ขนาดกลาง middle weight ขึ้นไป มาประชันต่อสู้กันมากขึ้น ซึ่งนั่นคงจะเป็นผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเราๆ ไม่น้อยเลยทีเดียว
ความคิดเห็น