เอช. นาคางาวะ : ปีนี้เป็นครั้งแรกที่อีซูซุปรับให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น

มีโอกาสได้นั่งคุยกับทีมผู้บริหารของตรีเพชรอีซูซุเกี่ยวกับสถานการณ์บ้านเมืองและการปรับตัวเพื่อรองรับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งแม้ว่าผู้บริหารของผู้ผลิตและจำหน่ายปิกอัพรายใหญ่ของประเทศไทยจะบอกว่ายอดจำหน่ายยังใกล้เคียงกับที่ประเมินไว้ แต่ก็ยอมรับว่าจะต้องจับตาสถานกาณ์ที่เกิดขึ้นและจะมีการปรับตัวอย่างมากในปีนี้

เอช. นาคางาวะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตรีเพชรอีซูซุเซลส์ จำกัด บอกว่าผลกระทบจากภาวะการเมืองและเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อย่างการส่งออกที่ลดลง และราคาพืชผลทางการเกษตรนั้น ไม่ได้แตกต่างจากที่บริษัทฯ คาดการณ์นัก ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแน่นอนว่าทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในภาพรวมหดตัวลงไปอย่างที่เห็น

นอกจากนี้ จากการที่เกษตรกรในพื้นที่ต่างจังหวัดได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ยกตัวอย่างเช่น โครงการจำนำข้าวที่ทำให้ชาวนาต้องเลื่อนระยะเวลาในการรับรถออกไป ทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค แม้พื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศจะยังแข็งแกร่ง แต่ก็มีลูกค้าบางส่วนที่ไม่แน่ใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ชะลอการตัดสินใจซื้อรถไปก่อน

"เมื่อผู้บริโภคไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ของตัวเองในอนาคต แน่นอนว่าต้องชะลอการซื้อสินค้าลงอยู่แล้ว ประกอบกับการที่โครงการของภาครัฐชะลอการเบิกจ่ายในช่วงนี้ ทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวอย่างที่เห็น ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่สามารถรู้ได้ว่าเหตุการณ์ต่าง ๆ จะชะลอตัวอย่างไรและจะจบเมื่อใด ซึ่งจะเห็นชัดเจนคงต้องรอให้ผ่านครึ่งปีแรกไปก่อน"

สำหรับอีซูซุนั้น แม้จะยังไม่ได้คาดการณ์ว่าจะต้องปรับเป้าหมายการจำหน่ายหรือไม่ในปีนี้ แต่ก็มีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว โดยเฉพาะในเรื่องของแคมเปญทางด้านการเงินที่ในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการบริหารเพื่อให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของรถอีซูซุได้ง่ายขึ้น แม้ว่าผู้ให้บริการทางด้านการเงินจะเข้มงวดกับการปล่อยสินเชื่อในช่วงนี้ก็ตาม

รูปแบบของการปรับแผนดังกล่าวจะเน้นไปที่การเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าในการเป็นเจ้าของรถอีซูซุ โดยจะมีข้อเสนอทั้งในส่วนของเงินดาวน์ต่ำ ดอกเบี้ยต่ำ หรือผ่อนระยะเวลานานขึ้น ซึ่งแล้วแต่ผู้บริโภคจะต้องการ ผสานกับโครงการต่าง ๆ เช่น การแนะนำลูกค้าใหม่โดยลูกค้าเก่า หรือการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นยอดขายต่าง ๆ ที่จะเห็นอย่างต่อเนื่องในปีนี้

ทั้งนี้ อีซูซุประเมินภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในปีนี้ว่าตลาดรวมจะอยู่ที่ ประมาณ 1.1. ล้านคัน หดตัว 17.3% จากยอดขาย 1,329,733 คันในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดปิกอัพที่ปีที่แล้วมียอดจำหน่าย 530,087 คัน ก็คาดว่าในปีนี้จะอยู่ที่ 4.3 แสนคัน หดตัวราว 18.8% มากกว่าการหดตัวของตลาดรวม

สำหรับอีซูซุนั้น ประเมินว่าบริษัทฯ จะสามารถรักษาระดับยอดจำหน่ายให้เติบโตเหนือตลาดได้ โดยในปีนี้ตั้งเป้าการขายที่ 1.77 แสนคัน หรือหดตัวเพียง 14.1% จากยอดจำหน่ายที่ทำได้ 206,233 คันในปีที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ตัวเลขใน 2 เดือนแรกไม่ได้แตกต่างจากที่ประเมินเอาไว้นัก

"ที่เราประเมินว่าตลาดปิกอัพจะหดตัวรุนแรงกว่าตลาดรวม เป็นผลจากการที่ลูกค้ากลุ่มหนึ่งของตลาดปิกอัพได้แก่ กลุ่มเกษตรกรที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมากในปีนี้ ซึ่งอีซูซุเองมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้อยู่ประมาณ 30% ก็ต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร ขณะที่มิว-เอ็กซ์ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ก็ได้รับการตอบรับจากตลาดเป็นอย่างดี"

อย่างไรก็ตาม นาคางาวะบอกว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นในตอนนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยแต่อย่างใด เนื่องจากผู้ประกอบการยังมีความเชื่อมั่นในประเทศไทยอย่างเต็มเปี่ยม เนื่องจากประเทศไทยมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่เข้มแข็ง และสามารถผ่านสถานการณ์ต่าง ๆ มาได้อย่างดีในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา

"ขอยืนยันว่าเราไม่ได้กังวลกับสถานการณ์ความไม่สงบทางการเมืองในประเทศไทย แม้จะส่งผลกระทบกับภาพรวมของธุรกิจ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลต่อการทำธุรกิจหรือแผนการลงทุนแต่อย่างใด หากมีอะไรที่มีความจำเป็นที่จะต้องลงทุน บริษัทฯ ก็พร้อมที่จะเดินหน้าพิจารณาอย่างต่อเนื่องในอนาคต"

พบอีซูซุมือสองคุณภาพเยี่ยม ที่เวบไซต์ไทยคาร์ดอทคอม