หลังเปิดตัวโตโยต้า โคโรลล่า อัลติส รุ่นใหม่มาได้พักเดียว โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็ตัดสินใจเดินหน้าต่อเพื่อเอาใจสาวกขาซิ่งกับเวอร์ชั่นพิเศษอย่างเอสสปอร์ต ซึ่งได้รับการปรับปรุงทั้งด้านรูปร่างหน้าตาและสมรรถนะที่อัพเกรดขึ้นไปมากกว่ารุ่นเดิมพอสมควร
แม้ชื่อจะเป็นเอสสปอร์ต แต่พื้นฐานการพัฒนาของรถรุ่นนี้นั้นมาจากโคโรลล่า อัลติส รุ่นอี ที่ยังไม่ได้จัดอุปกรณ์มาอย่างครบครันเหมือนในรุ่นท๊อป ทำให้สามารถวางราคาจำหน่ายได้ที่ 8.99 แสนบาท และแน่นอนว่าในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่างนั้น ไม่สามารถทำได้ด้วยการซื้อรถใหม่ไปใส่ชุดแต่งเพียงอย่างเดียว
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของเอสสปอร์ตนั้น อยู่ที่เรื่องของการพัฒนาโครงสร้างต่าง ๆ ภายในตัวรถเพื่อให้รถมีบุคลิกที่สปอร์ตดุดันมากขึ้น แม้จะใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรบล็อกเดิม แต่ก็พยายามเพิ่มอารมณ์สปอร์ตไปตั้งแต่ชุดแต่งต่าง ๆ ที่ใส่เข้ามา ไปจนถึงรายละเอียดในเชิงวิศวกรรมที่ฟังแล้วอาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจสักพัก
ทีมงานของโตโยต้าบอกว่าการที่นำรุ่นอีมาพัฒนานั้น เป็นผลมาจากแนวคิดที่ต้องการแยกกลุ่มลูกค้าออกจากกันให้ชัดเจนระหว่างกลุ่มที่ต้องการความหรูหรา อุปกรณ์ครบถ้วนก็จงไปเลือกรุ่นที่เหนือกว่านี้ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเอสซึ่งราคาเท่ากัน หรือจะมีเงินเหลือมากกว่านั้นจะไปซื้อรุ่นจีหรือรุ่นวีไปเลยก็ไม่ว่ากัน
แต่กลุ่มลูกค้าที่โตโยต้าเลือกว่าจะจับกลุ่มสำหรับรถรุ่นนี้ ก็คือกลุ่มที่ต้องการรถยนต์ที่มีหน้าตาโดดเด่นเป็นสง่า มีสมรรถนะในการขับขี่และการตอบสนองที่ดีเยี่ยมกว่ารุ่นมาตรฐาน ต้องการความสนุกเร้าใจมากกว่ารุ่นธรรมดา ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่อาจจะไม่ต้องการเนวิเกเตอร์หรือวิทยุจอสัมผัสเพียงเท่านั้น
เมื่อตั้งธงดังนี้ ทำให้การพัฒนารถยนต์รุ่นนี้ไปเน้นการตกแต่งหน้าตาเพียงไม่มาก แต่ลงไปในรายละเอียดของงานวิศวกรรมแล้วถือว่าไม่ธรรมดา เพราะเรียกได้ว่าโตโยต้าแทบจะออกแบบแนวคิดต่าง ๆ ของรถคันนี้ใหม่ จนเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนารถยนต์รุ่นย่อยเล็ก ๆ ขึ้นมาอีกรุ่นหนึ่งก็ว่าได้
เริ่มกันที่หน้าตาภายนอกของรถ ถึงแม้จะบอกว่าหน้าตาอัลติสใหม่ดูยังไงก็เป็นรถที่ออกแบบมาเอาใจกลุ่มลูกค้าแบบธรรมดาปกติทั่ว ๆ ไป แต่เมื่อทำการติดตั้งชุดแต่งเข้าไปมากมาย ที่ไล่ไปตั้งแต่สเกิร์ตหน้า สเกิร์ตหลัง ท่อไอเสียดีไซน์ใหม่ และสปอยเลอร์หลังออกแบบมาอย่างลงตัว ก็ทำให้รถดูโดดเด่นขึ้นมาอีกนิด
การออกแบบภายนอกยังเน้นไปที่เรื่องของการสร้างทิศทางการไหลของอากาศ ไล่ไปตั้งแต่การสร้างครีบแหวกอากาศที่กระจกมองข้าง ไฟท้าย และแผงใต้ท้องรถพร้อมครีบแหวกอากาศ ที่จะทำหน้าที่จัดการการเคลื่อนไหวของอากาศไม่ให้เป็นอุปสรรคในการวิ่งของรถ ทำให้รถคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.296 เท่านั้น
เปลี่ยนรองเท้าคู่ใจมาใช้ล้อแมกซ์ดีไซน์สวยหรูแบบ 17 นิ้ว ซึ่งดีไซน์ที่สวยงามก็ไม่น่าตื่นเต้นเท่าการที่โตโยต้าเลือกใช้ยางมิชลิน ไพลอต สปอร์ต 3 ที่ขึ้นชื่อเรื่องสมรรถนะและความสามารถในการควบคุมรถในสภาวะต่าง ๆ มาใช้ในรถรุ่นนี้ ขอบอกว่ายางรุ่นนี้ราคาแพงไม่ใช่เล่นเหมือนกัน แถมมาพร้อมไซส์ 215/45 ซึ่งเหนือกว่ารุ่นท๊อปอย่างเห็นได้ชัด
เครื่องยนต์ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดูอัล วีวีที-ไอ แบบ 4 สูบ ขนาด 1.8 ลิตร ซึ่งติดตั้งในรุ่นท๊อป ให้สมรรถนะสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติซูเปอร์ ซีวีที-ไอ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์แพดเดิลชิฟท์ที่พวงมาลัย
สมรรถนะที่ได้มานั้น จากการบอกเล่าของทีมงานระบุว่าอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นทำได้ใน 11.13 วินาที ขณะที่อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 15.57 กิโลเมตรต่อลิตร อันนี้คงบอกไม่ได้ว่าจริงเท็จประการใด เพราะตลอดเวลาของการขับขี่เป็นเส้นทางขึ้น-ลงเขา คดโค้งเกือบทั้งหมด
การเปลี่ยนแปลงภายในที่ชัดเจนที่สุดก็คือเบาะคู่หน้าสไตล์รถแข่งที่ถูกติดตั้งมาแทนเบาะคู่เดิม พวงมาลัยแบบสปอร์ตพร้อมปุ่มควบคุมเครืองเสียง และคอนโซลหน้าลายสปอร์ต ที่มองผ่าน ๆ ก็แทบไม่มีอะไรแตกต่างไปจากรุ่นที่ทำตลาดอยู่ก่อนแล้วสักเท่าไรนัก
ทีมงานวิศวกรของโตโยต้าได้นำชิ้นส่วนของระบบช่วงล่างแบบสปอร์ตที่ได้รับการพัฒนาทั้งในเรื่องของการปรับตั้งคอยล์สปริงแบบใหม่ รวมถึงปรับการทำงานของโช็คอัพ ซึ่งจะทำให้รถมีอาการโยนตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับในรุ่นมาตรฐาน ทำให้การควบคุมรถทำได้อย่างสนุกเร้าใจมากขึ้น
ถ้าทั้งหมดที่พูดมายังไม่พอที่จะทำให้สนใจ ก็ต้องบอกว่าเอสสปอร์ตมีการปรับเปลี่ยนที่น่าทึ่งที่แม้แต่ในรุ่นท๊อปอย่างรุ่นวียังไม่มี นั่นก็คือการติดตั้งครอสบาร์ที่ตำแหน่งด้านหลังของตัวรถ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งของตัวถังอีก 30% แถมยังลดอาการบิดตัวของรถยนต์ในยามขับขี่ได้ ซึ่งก็หมายถึงตัวรถจะนิ่งขึ้นเมื่ออยู่บนท้องถนน
ฟังสเปกแล้วก็ต้องบอกว่ารถคันนี้น่าสนใจอยู่พอสมควร โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับในรุ่นมาตรฐานของตัวเอง เรียกว่าโตโยต้าเองพยายามที่จะเอาใจลูกค้ากลุ่มนี้ให้ชัดเจนขึ้น เมื่อต้องการรถยนต์สำหรับขับขี่เพื่อความสนุกสนานเพิ่มขึ้น ก็จัดให้ชัดเจนกันไปเลย
ในเรื่องของการขับขี่นั้น ต้องบอกว่าการปรับแต่งในจุดต่าง ๆ นั้นทำให้รถให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุกสนานมากขึ้น ช่วงล่างรองรับการขับขี่ในย่านความเร็วสูงบนถนนคดเคี้ยวไปมาได้ไม่ยากเย็น และยังมีอาการโคลงของตัวรถค่อนข้างน้อย บ้านใครมีคนที่ชอบเมารถ เอสสปอร์ตน่าจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับลูกค้ากลุ่มนี้
สมรรถนะที่ดีขึ้นต้องยอมรับล่ะครับว่าส่วนหนึ่งมาจากยางเต็ม ๆ ต้องชื่นชมทีมงานของโตโยต้าที่เลือกยางชุดนี้มาแบบไม่กลัวงบบานปลาย การทำงานของยางนั้นสอดคล้องกับระบบกันสะเทือนทั้งหมดที่ให้มา แถมออกมาในอาการที่เหมาะสมลงตัว ไม่สปอร์ตเกินไปจนแข็งกระด้าง มีกี่โค้งก็ใส่เข้าไปแล้วคุมให้อยู่เป็นพอ
เมื่อพูดมาถึงขนาดนี้ก็ต้องบอกกันตรง ๆ ว่าจุดที่ทำให้รถยังไม่สปอร์ตเต็มที่เหมือนชื่อก็คือเครื่องยนต์ของรถที่ไม่ได้ปรับแต่งอะไรเพิ่มเติมเลยจากรุ่นมาตรฐาน ทำให้อัลติสก็ยังเป็นอัลติสอยู่ การตอบสนองของเครื่องยนต์แม้จะไม่ขี้เหร่ แต่ก็ไม่สนุกสนานพอที่จะเรียกได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่าเป็นรถสปอร์ตเหมือนชื่อ
ถ้าออกแบบมาเป็นแบบนี้ กลุ่มลูกค้าที่อยากจะแนะนำให้ไปจับจองเป็นเจ้าของก็คือกลุ่มที่ต้องการรถยนต์ที่หน้าตาดีแบบไม่ต้องตกแต่งอะไรเพิ่มเติม ช่วงล่างเซตอัพมาอย่างสมบูรณ์ และไม่ได้ต้องการการขับขี่แบบปรู๊ดปร๊าดอะไรมากมาย หรือจะเป็นพวกมือใหม่หัดซิ่งยังแต่งอะไรไม่ค่อยเป็น
เก็บตังค์ไปซื้อคันนี้ให้ได้... ก็ไม่ต้องทำอะไรเพิ่มแล้ว!!!
รายละเอียดทางเทคนิค 2014 โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต
ราคาจำหน่าย 8.99 แสนบาท
เครื่องยนต์ ดูอัล วีวีที-ไอ 1.8 ลิตร
กำลังสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 177 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 11.13 วินาที (ข้อมูลจากโตโยต้า)
อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 15.57 กิโลเมตรต่อลิตร (ข้อมูลจากโตโยต้า)
ขอขอบคุณ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สำหรับทริปทดสอบรถยนต์ในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพ 2014 โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส เอสสปอร์ต เพิ่มเติมได้ ที่นี่
พบโตโยต้ามือสองและโตโยต้า โคโรลล่ามือสอง ที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น