เมื่อมีข่าวออกโด่งดังทั่วโลกว่าฮอนด้าในประเทศไทยเตรียมชะลอการเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่จ.ปราจีนบุรี เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองที่ทำให้ยอดจำหน่ายรถยนต์ลดลงในช่วงที่ผ่านมา แน่นอนว่าย่อมถูกมองว่าเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยมากพอสมควร
และคงจะไม่มีใครที่จะให้รายละเอียดนี้ได้ดีไปกว่า พิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ซึ่่งเข้ารับตำแหน่งซีโอโอไม่นานนี้ โดยระบุอย่างชัดเจนว่าการชะลอแผนงานดังกล่าวเป็นการปรับตัวเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย
เขาระบุว่าสถานการณ์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยนั้นถือว่าอยู่ในช่วงที่ไม่ดี เนื่องจากผลกระทบทางการเมืองที่ไม่มั่นคง ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์หดตัวในช่วงไตรมาสแรก ประกอบกับแนวโน้มของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงที่เหลือของปีก็ยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจนว่าจะกลับมาหรือไม่
สำหรับการชะลอแผนการเปิดโรงงานแห่งที่ 2 นั้น เป็นการปรับตัวให้เหมาะสม โดยในเบื้องต้น ฮอนด้าได้เร่งมือในการก่อสร้างและตั้งเป้าหมายที่จะเปิดโรงงานดังกล่าวในเดือนเมษายน 2558 ซึ่งเร็วกว่าแผนการเดิมที่กำหนดไว้ 6 เดือน แต่เมื่อสถานการณ์ไม่เป็นใจ ก็จะชะลอกลับไปที่แผนงานเดิมในช่วงปลายปี 2558
อย่างไรก็ตาม การก่อสร้างก็จะยังเดินหน้าต่อไป แต่จะพิจารณาในเรื่องของการนำเข้าเครื่องจักรว่าอาจจะมีเวลาที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ ซึ่งฮอนด้ายืนยันว่าไม่มีแผนที่จะโยกการลงทุนในโครงการดังกล่าวไปยังประเทศอื่น ๆ และยังคงแผนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำตลาดในประเทศไทยเอาไว้เช่นเดิม
"แผนงานด้านการเปิดตัวสินค้าหรือการทำตลาดจะเดินหน้าต่อไปเหมือนเดิมที่วางเอาไว้ เราต้องยอมรับก่อนว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ความจำเป็นที่จะต้องเร่งเปิดโรงงานแห่งใหม่ลดลงไปจากเดิม ซึ่งเราพยายามเดินหน้าผลักดันตลาดตามความต้องการของตลาดเป็นหลัก จะไม่สร้างแรงกดดันให้กับตลาดในปีนี้"
ทั้งนี้ โรงงานแห่งใหม่ของฮอนด้าที่จะก่อสร้างขึ้นที่จ.ปราจีนบุรีนั้น เป็นการลงทุนครั้งใหญ่ของฮอนด้าด้วยงบประมาณกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท โดยตามแผนงานเดิมโรงงานแห่งใหม่นี้จะมีกำลังการผลิตปีละ 1.2 แสนคัน เพื่อรองรับแผนการขยายตลาดของฮอนด้าในอนาคต
พิทักษ์กล่าวต่อว่าภาพรวมของฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยนั้นยังแข็งแกร่งและเป็นหนึ่งในองค์กรขนาดใหญ่ของฮอนด้าทั่วโลก การชะลอโครงการใดใดตามสถานการณ์นั้นไม่ได้ทำให้ภาพดังกล่าวเปลี่ยนไป และฮอนด้าในประเทศไทยยังเป็นองค์กรหลัก 1 ใน 5 แห่งของฮอนด้าทั่วโลกเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าผลกระทบทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เกิดภาวะสูญญากาศในการทำงานในประเทศไทย และความไม่ชัดเจนนั้นก็ส่งผลให้เกิดความเป็นห่วงถึงอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทย ว่าจะปรับตัวไปสู่ทิศทางใดกันแน่
"เราอยากให้เข้าใจว่าในมุมของธุรกิจแล้ว สิ่งที่เป็นความเสี่ยงมากที่สุดคือความไม่ชัดเจน สถานการณ์ที่ผ่านมาไม่มีใครตอบได้ว่าจะจบยังไง จะไปในทิศทางใดกันแน่ ซึ่งทำให้เราก็ประเมินทิศทางได้อย่างยากลำบาก"
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่แน่นอนแล้วในปีนี้ก็คืออุตสาหกรรมยานยนต์ไทยน่าจะหดตัวอย่างรุนแรง โดยจากการประเมินสถานการณ์นั้น เชื่อว่าตลาดรถยนต์รวมในประเทศไทยน่าจะอยู่ที่ระดับ 1 ล้านคันเท่านั้น
ทั้งนี้ พิทักษ์บอกว่านอกไปจากเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว ปัจจัยที่ส่งผลกระทบก็คือเรื่องของการดึงกำลังซื้อล่วงหน้าไปด้วยโครงการรถยนต์คันแรกในปีที่ผ่านมา ขณะที่โครงการต่าง ๆ ที่หวังว่าจะมาเพิ่มกำลังซื้อ เช่น โครงการเมกะโปรเจกต์ ก็ไม่สามารถขับเคลื่อนได้ในสถานการณ์ปัจจุบัน
ในส่วนของฮอนด้านั้น ที่ผ่านมาได้ทำการปรับลดกำลังการผลิตและการสต๊อกสินค้าลงมาเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงไม่มีแผนที่จะใช้กลยุทธ์ด้านการตลาดเพื่อผลักดันสต๊อกสินค้าเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่จะใช้ตามความจำเป็นและความเหมาะสมเท่านั้น
"จะเห็นได้ว่าสินค้าบางรุ่น เช่น ซิตี้หรือแอคคอร์ดเราไม่ได้ทำอะไร แต่ให้สินค้าขายด้วยตัวเอง ขณะที่รุ่นอื่น ๆ ก็ปรับฐานให้เหมาะสมไปแล้ว เชื่อว่าทุกค่ายได้ปรับในเรื่องของสต๊อกกันไปแล้ว คงอัดโปรโมชั่นกันลดลงตามความจำเป็น ไม่อย่างนั้นก็คงต้องเคลียร์สต๊อกกันไม่รู้จักจบสิ้น"
ก่อนที่จะจากกันนั้น พิทักษ์บอกว่าแม้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะชะลอตัวลง แต่ขอยืนยันว่าฮอนด้าไม่ได้ชะลอแผนการในเรื่องของตัวสินค้าและการทำตลาดลงไปอย่างแน่นอน และหากสถานการณ์ทางการเมืองชัดเจน ก็พร้อมที่จะเดินหน้าตลาดต่อทันที เนื่องจากมองว่าจะสามารถประเมินตลาดได้ง่ายขึ้น
ที่สำคัญก็คือช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ยังมีของเล่นใหม่ ๆ ที่รอทุกคนอยู่อีกเพียบ พิทักษ์ระบุว่าอาจจะได้เจอกับฮอนด้ากันบ่อยมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
ขอแค่ทุกอย่างอยู่นิ่ง ๆ ให้พอประเมินอะไรได้ก่อน ที่เหลือก็พร้อมลุยได้ทันที!!!
พบฮอนด้ามือสองได้ที่ไทยคาร์ดอทคอม
LINE
ความคิดเห็น