เมื่อวันที่ 7-8 มิ.ย ที่ผ่านมานี้ Chevrolet ได้จัดกิจกรรม Adventure Test Drive เพื่อทดสอบสมรรถนะของ Chevrolet Trailblazer ซึ่งถือเป็นการเปิดประสบการณ์ การเดินทางแบบ Exclusive Trip เส้นทาง กรุงเทพฯ-เขาใหญ่
โดยในทริปทดสอบสมรรถนะครั้งนี้ ผู้เข้าร่วมจะได้ขับขี่เดินทางเป็นคาราวาน, การทดสอบสมรรถนะบนสนามแข่งรถ และ การขับขี่ทดสอบสมรรถนะในรูปแบบ Off-Road
ทริปนี้ ได้เริ่มขึ้นในช่วงเช้าวันที่ 7 มิ.ย 2014 ซึ่งได้นัดหมายเจอกันที่สนาม PTT Motorsport Land (แดนเนรมิตรเก่า) เพื่อเคลื่อนขบวนกันโดยขับขี่เป็นรูปแบบขบวนคาราวาน
โดยเริ่มออกเดินทางจาก PTT Motorsport Land มุ่งหน้าออกสู่ถนนวิภาวดี วิ่งตรงเส้นมิตรภาพ ไปยังสระบุรี และแวะปั๊ม PTT แก่งคอย เพื่อเบรกและทำกิจกรรมกัน ก่อนเดินทางต่อไปยังร้านอาหาร ครัวเขาใหญ่ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน และเตรียมความพร้อมก่อนที่ช่วงบ่ายจะทำกิจกรรมขับทดสอบกันในรูปแบบ Adventure ณ สนาม Bonanza International Speedway
กิจกรรม ณ สนามแข่งรถ Bonanza International Speedway นี้ได้ ถูกแบ่งออกเป็น 3 Station
โดยเริ่มต้นที่ Station แรก ที่ให้ ทดสอบการเชื่อมระบบ Infotainment My Link เข้ากับ Smart Phone ผ่านระบบเชื่อมต่อ Bluetooth เพื่อเปิดเพลงผ่าน App KK Box โดย ผู้แข่งขัน จะต้องทำการจับฉลากเลือกเพลง และพิมพ์ชื่อเพลง เพื่อให้เล่นเพลงออกมาให้ได้มากที่สุดภายในเวลา 3 นาที ซึ่งใน Station นี้ Chevrolet Trailblazer Duramax ใหม่ ที่ติดตั้งระบบ My Link ได้แสดงให้เห็นว่า เป็นระบบ infotainment ที่ใช้งานได้ง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการเล่นเพลง หรือ ทำการเชื่อมต่อ Application ต่างๆ จาก Smart Phone เครื่องโปรด รวมถึงการฟังเพลงจากสถานีทั่วโลก และการใช้ระบบ Siri Eyes Free ซึ่งช่วยเพิ่มความอำนวยความสะดวกสบาย และปลอดภัยจากการละสายตาอีกด้วย
Station ที่สอง เป็นการทดสอบสมรรถนะรถ Chevrolet Trailblazer เครื่องยนต์ Duramax ใหม่นี้ ในช่วงแรก กับการ ขับทดสอบสมรรถนะ ทดลองระบบความปลอดภัย รอบสนามแข่งรถ Bonanza International Speedway ซึ่งได้แบ่งออกเป็น Station ย่อยๆ ดังนี้
2.1 ทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. เป็นการทดสอบอัตราเร่งตั้งแต่ออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ซึ่งทุกคนจะสามารถสัมผัสได้ทันทีถึงแรงบิดระดับ 500 นิวตัน.เมตร ที่ฉุดกระชากหลังคุณให้ติดเบาะทันทีที่กระแทกคันเร่งออกตัว
2.2 Lane Change หลังจากทดสอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. แล้ว ก็เตรียมชะลอความเร็วลงสู่ระดับ 60 กม./ชม. เข้าสู่ Section Lane Change เพื่อทำการหักหลบ Pylon ขวา-ซ้าย ซึ่งเป็นการจำลองกรณีที่ต้องหักหลบสิ่งกีดขวางอุปสรรค ข้างหน้า แบบกระทันหัน แม้ Trailblazer จะเป็นรถที่รูปทรงสูงใหญ่ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นปัญหาต่อการหักหลบ เนื่องจากมีระบบช่วย ESC ช่วยควบคุมการทรงตัวทำให้รถไม่สูญเสียการควบคุม
2.3 Slalom เมื่อหักหลบแบบ Lane Change มาเรียบร้อย และได้เลี้ยวผ่านโค้งยาวมาแล้ว ก็พบกับ Section Slalom ซึ่งผู้ขับจะต้องใช้ทักษะการควบคุมพวงมาลัย หักหลบหลีก Pylon ที่ตั้งเอาไว้ ซ้าย-ขวา ต่อเนื่อง เพื่อทดสอบความคล่องตัว และระบบการควบคุมของตัวรถ
2.4 ระบบกันสะเทือน หลังผ่านด่าน Slalom ผู้ขับจะเข้าสู่ Section การทดสอบช่วงล่าง โดยจะมีลูกระนาด จำลองตั้งสลับ ซ้าย-ขวา ให้เราได้สัมผัสถึงระบบกันสะเทือนที่มีประสิทธิภาพของรถ Trailblazer คันนี้
2.5 TCS (Traction Control) ใน Section นี้ ถือเป็นหนึ่ง Section ที่น่าตื่นเต้น เนื่องจากได้ทำการฉีดน้ำลงบนพื้น Track เพื่อจำลองการเลี้ยวโค้งบนพื้นผิวที่เปียก ซึ่งนั่นจะทำให้ตัวรถมีอาการลื่นไถล เกิดขึ้น เมื่อเติมคันเร่งลงมากเกินไป ซึ่งในช่วงนี้ระบบ TCS จะเข้ามาช่วยเหลือตัดกำลังล้อข้างที่เริ่มหมุนฟรีจากการไถล อีกทั้งระบบ ESC ที่ช่วยควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ทำให้รถกลับมาตั้งตรงควบคุมได้เช่นเดิม
2.6 HSA (Hill Start Assist) หลังจากที่พ้นโค้งที่ทดสอบ TCS มาแล้ว จะพบกับเนินลาดชัน ซึ่ง ใน Section นี้ จะเป็นการทดสอบรถบบ HSA โดยจะต้องจอดรถให้หยุดนิ่งค้างอยู่บนทางชัน ก่อนที่จะเคลื่อนออกตัว ซึ่งระบบ HSA นี้ จะคอยช่วยเบรกให้อัตโนมัติเผื่อไว้อีก 3 วินาที เพื่อป้องกันรถไหลย้อนหลัง
2.7 ABS, PBA (Anti –Lock Brake System, Panic Brake Assist) เมื่อพ้น Section HSA มาแล้ว ก็จะพบกับทางตรงยาวอีกช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะครบรอบสนาม 1 Lap ซึ่งในช่วงนี้ ให้ขับขี่ที่ความเร็วคงที่ หรือวิ่งมาด้วยอัตาเร่งจนถึงจุดที่ตั้ง Pylon ซึ่งเป็นจุดที่ให้ทำการเบรกแบบลงน้ำหนักจน ABS ทำงาน ซึ่งในการทดสอบช่วงสุดท้ายนี้ จะเป็นการบ่งบอกถึงประสิทธิภาพเบรก ที่ยอดเยี่ยมของ Trailblazer ที่ใช้ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อนทั้ง 4 ล้อ
หลังทำการทดสอบ ครบทุก Section ซึ่ง ผู้ขับจะได้ขับกันคนละ 2 Lap เป็นที่เรียบร้อย พร้อมการทดสอบ Eco Run ซึ่งจะให้ ให้ตัวแทนกลุ่มละ 2 คน ขับรถ 2 รอบสนาม เพื่อหาตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย โดยในทริปนี้ มีตัวเลขที่สูงที่สุด คือ 12.2 กม./ลิตร
Station ที่สาม กับการขับทดสอบในรูปแบบ Off-Road สุด Adventure โดยใน Station นี้ จะเป็นการขับทดสอบบนทางลูกรังตะลุยพื้นที่ Off-Road ซึ่งได้แบ่ง Section การขับเคลื่อนออกเป็น 3 แบบ ดังนี้
3.1 ขับทดสอบด้วยระบบขับเคลื่อน 2H แม้จะเจอเนินสลับซ้าย-ขวา ซึ่งทำให้ล้อกระดกลอยจากพื้น หรือพื้นผิวที่มีทางลูกรังขรุขระ ด้วยพละกำลังแรงบิดถึง 500 นิวตันเมตร ที่มาตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ 2,000 รอบต่อนาที พร้อมทั้งระบบ TRC ช่วยให้การผ่านเนินเหล่านั้น เป็นไปได้ง่าย แม้จะขับเคลื่อนเพียงแค่ 2 ล้อหลังเท่านั้น
3.2 ขับทดสอบด้วยระบบขับเคลื่อน 4H การเปลี่ยนระบบขับเคลื่อนจาก 2H มาเป็น 4H นี้ สามารถทำได้โดยง่ายดายเพียงแค่บิดปุ่มหมุนวงกลม ในช่วงที่เปิดระบบขับเคลื่อน 4 ล้อนี้ เพื่อใช้ในการปีนไต่ขึ้นเนินตะแคงที่สูงและมีความลาดเอียงถึง 47 องศา ซึ่งให้ทดสอบวิ่งทั้ง 2 ด้าน ซึ่งที่จริงแล้วการขึ้นเนินลาดชันมากขนาดนี้ถ้าจะต้องการขึ้นให้ง่ายการใช้เกียร์ 4L จะช่วยให้มีกำลังการไต่ที่ดีขึ้น แต่สำหรับ Trailblazer เครื่องยนต์ Duramax ใหม่นี้ เพียงแค่ระบบ 4H ก็สามารถไต่ขึ้น และควบคุมได้อย่างสบายๆ นอกจากนั้นการวิ่งบนพื้นผิวที่มีสภาพแย่ ลูกรังมากๆ การใช้ระบบ 4H ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด
3.3 ทดสอบระบบ 4L ซึ่งใน Section นี้ ถือเป็นส่วนที่โหดที่สุดของการขับขี่แบบ Off-Road ซึ่งจะต้องจอดรถให้หยุดนิ่งก่อนที่จะปรับโหมดขับเคลื่อนมาที่ 4L โดยเริ่มตั้งแต่การไต่ลงทางชันที่มีความสูงมาก ซึ่งในช่วงนี้เราจะได้ทดสอบระบบ HDC (Hill Descent Control) ด้วย ซึ่งจะมาช่วยควบคุมการลงเนินบนทางลาดชันล๊อกความเร็วโดยอัตโนมัติ ซึ่งสามารถขับเคลื่อนด้วยที่เกียร์ D ได้เลย อีกทั้งยังสามารถทำงานร่วมกับระบบ HSA (Hill Start Assist) ซึ่งช่วยป้องกันรถลื่นไหลลงทางลาดชันอีกต่างหาก
ทันทีที่ไต่ลงทางลาดชันด้วยระบบ HDC แล้ว จะพบกับน้ำท่วมขังที่มีความสูงถึง 80 ซม. ชนิดที่ว่าท่วมถึงฝากระโปรงทันทีที่ลงถึงน้ำ แต่หลังจากนั้น การขับขี่ลุยผ่านทางน้ำท่วมขังสูง ก็ไม่ถือเป็นเรื่องยากแต่อย่างใด เนื่องจากระบบส่งกำลังได้ถูกปรับมาให้ใช้งานอย่างเหมาะสมที่ตำแหน่ง 4L
การขับมุดลงน้ำที่มีความสูงท่วมถึงบริเวณฝากระโปรงหน้ารถ และการไต่ลงเนินที่มีความลาดชันสูง ซึ่งตรงนี้ จะได้ระบบ HDC มาช่วย Engine Brake และ HSA มาช่วยในจังหวะที่ค้างอยู่บนเนินที่ลาดชัน จึงไม่ต้องห่วงว่าจะต้อง ว่าจะต้องเข้าที่ตำแหน่งเกียร์ M เพื่อใช้เกียร์ 1 เพราะ การเปิดระบบ HDC ช่วยให้เราสามารถขับที่ตำแหน่งเกียร์ D ได้อย่างปลอดภัย
หลังจากเสร็จสิ้นนั้นกิจกรรมการขับทดสอบเป็นที่เรียบร้อย เหล่าขบวนทัพ Chevrolet Trailblazer ก็ได้ เคลื่อนขบวน กันมุ่งหน้ามายังที่พัก คีรีมายา เพื่อพักผ่อน และเตรียมตัว กับกิจกรรม Party Night ซึ่งได้มีการแต่งกายประชันกันใน Concept Adventure และกิจกรรมเกมส์ ต่างๆ รวมถึงการมอบรางวัล จากการขับขี่ในช่วงเช้า และรางวัลผู้ที่ขับ Eco Run ได้ตัวเลขสูงสุดอีกด้วย พร้อมปิดท้ายด้วยคอนเสิร์ต จาก พี่เจ เจตริน ซึ่งได้เตรียมขนเพลงสุดโดนใจวัยเก๋า และเสื้อ 7 มาแจกแฟนอีกเป็นจำนวนมาในช่วงค่ำด้วย
สรุป หลังเสร็จสิ้น ทริป Chevrolet Trailblazer Adventure Test Drive
Chevrolet Trailblazer ใหม่ ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ Duramax ถือเป็นรถในตระกูล PPV ที่มีเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง มาพร้อมระบบการขับขี่ที่อัดแน่นเทคโนโลยีช่วยความปลอดภัย ให้คุณสามารถขับขี่ได้อย่างง่ายดาย แม้เส้นทางอุปสรรคที่คุณอาจไม่ได้เจอในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นภายในห้องโดยสารยังคงคงามกว้างขวาง และอเนกประสงค์ อีกทั้งระบบ Infotainment ที่รอบรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ในยุค Social ก็ช่วยให้คุณสามารถฟังเพลงโปรด และไม่พลาดการเชื่อมต่ออีกด้วย
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.chevrolet.co.th
ชมภาพเพิ่มเติมคลิ๊ก
LINE
ความคิดเห็น