ลอง 2014 ฮอนด้า แจ๊ซ สปอร์ตที่หน้าตา อารมณ์ซิตี้

ฮอนด้า ประกาศสู้ศึกรถยนต์นั่งที่กำลังหดตัวอย่างรุนแรงด้วยการส่ง 2014 ฮอนด้า แจ๊ซ เข้ามาเปิดตัวก่อนทำตลาดอย่างเป็นทางการในช่วงเวลาเดียวกันกับการประกาศรัฐประหารในประเทศไทยพอดิบพอดี

แม้รูปร่างหน้าตาจะแตกต่างจากรุ่นเดิมค่อนข้างมาก ดูแนวโน้มออกไปทางรถอวกาศ ยิ่งในรุ่นท๊อปอย่างเอสวีพลัสที่ติดตั้งชุดแต่งเข้ามามากมายยิ่งฉีกรูปลักษณ์ออกไปให้โดดเด่น แถมยังทำให้ฝาแฝดอย่างซิตี้กลายเป็นรถครอบครัวไปกันใหญ่ โดยในรุ่นท๊อปนี้เคาะราคาที่ 7.54 แสนบาท

เจนเนอเรชั่นที่ 3 ของฮอนด้า แจ๊ซ ที่เปิดตัวอย่างต่อเนื่องในประเทศไทย ทำหน้าที่อย่างดิบดีด้วยการกวาดยอดของตามเป้าหมาย และเชื่อว่าเมื่อส่งมอบกันอย่างจริงจัง เราก็จะเห็นน้องอ้วนเหลืองวิ่งกันเต็มท้องถนนไปหมดในไม่ช้า

มาลองขับกันสั้น ๆ ก่อนที่จะหาเวลาไปลองกันอย่างเต็มรูปแบบกันอีกครั้งในอีกไม่นาน เชื่อว่ารถคันนี้น่าจะถูกใจบรรดาผู้ที่ชื่นชอบรถยนต์เอนกประสงค์ ขับสนุกสนาน และให้อารมณ์สปอร์ตมากพอสมควรในด้านการเซตอัพต่าง ๆ

และน่าจะเป็นคำตอบที่ลงตัวสำหรับคนที่ตามหาแฮชท์แบ็คเครื่องยนต์ 1.5 ลิตรสักคัน!!!

รูปลักษณ์อ้วนกลม เติมเส้นเน้นสปอร์ต

ด้วยขนาดของตัวรถที่มีความกว้างและสูงไม่แตกต่างจากรุ่นที่ผ่านมา แต่เพิ่มความยาวมาให้ถึง 55 เซนติเมตร โดยมีระยะฐานล้อที่เพิ่มขึ้นมา 30 เซนติเมตร ทำให้ตัวรถควรจะดูยาวขึ้น แต่ฮอนด้าก็ชดเชยมาด้วยการออกแบบที่ดูป่องกลาง ทำให้ตัวรถดูออกทรงกลม ๆ ป้อม ๆ

ในรุ่นทดสอบที่เป็นรุ่นเอสวีพลัส มาพร้อมล้อ 16 นิ้วพร้อมยางซีรี่ส์ 55 ทำให้รถดูแอบเตี้ยลงไปเล็กน้อย ขณะที่ฮอนด้าได้ออกแบบเพิ่มเส้นสายด้านข้างของรถให้ชัดเจนขึ้นกว่ารุ่นเดิมและมากกว่าแฝดอย่างซิตี้ เพื่อเน้นความสปอร์ตให้กับรถมากขึ้ัน

การออกแบบที่เน้นโครงเส้นแบบ 3 มิติที่ไล่ไปตั้งแต่ด้านหน้าของรถผ่านโคมไฟหน้าที่เล็กลงและดูหน้าตาแปลก ๆ ผ่านมัดกล้ามด้านข้างที่ไล่ผ่านไปจบที่โคมไฟและฝาหลัง ทำให้ภาพรวมของการออกแบบภายนอกให้อารมณ์สปอร์ตเต็มพิกัด ซึ่งน่าจะทำให้ได้ลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ มากพอควร

โดยส่วนตัวคิดว่าฮอนด้าเองกล้าหาญพอสมควรกลับการพัฒนาแจ๊ซใหม่ออกมาในรูปแบบดังกล่าว ทั้งที่เจนเนอเรชั่นก่อน ๆ ออกจะมาแนวอนุรักษ์นิยมกว่านี้ เพราะไปเน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรถยนต์เอนกประสงค์เสียมากกว่า

เรียกว่าพัฒนามาแบบนี้ น่าจะทำให้กลุ่มลูกค้าที่ต้องการสปอร์ต แฮชท์แบ็ค น่าจะหันมามองรถคันนี้เป็นทางเลือกมากขึ้น แม้จะต้องใช้เวลาสักระยะกว่าที่จะคุ้นชินและชื่นชอบรูปลักษณ์ภายนอกของรถคันนี้

เครื่องยนต์ยกมาจากซิตี้ ฟีลลิ่งไม่แตกต่าง

เครื่องยนต์ไอ-วีเทค ขนาด 1.5 ลิตรบล็อกเดิม ที่มาพร้อมการปรับเปลี่ยนให้รองรับอี85 ได้ ซึ่งเป็นเครื่องฝาแฝดกับซิตี้นั่นแหละ โดยให้กำลัง 117 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 146 นิวตัน-เมตรที่ 4,700 รอบต่อนาทีเท่ากันเป๊ะ

มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีที พร้อมด้วยแป้นแพดเดิลชิฟท์เปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย 7 สปีด ติดตั้งระบบช่วยขับขี่แบบประหยัดน้ำมันที่แสดงผลอย่างชัดเจนบนหน้าจอ เพื่อช่วยเหลือให้ผู้ขับขี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสภาวะการขับขี่ของตัวเอง

จริง ๆ แล้วแม้จะเปลี่ยนมาอยู่บนตัวถัง 5 ประตู ก็ไม่ได้ให้การตอบสนองที่แตกต่างอะไรไปจากซิตี้สักเท่าไร เครื่องยนต์และเกียร์รุ่นใหม่ทำงานสอดประสานกันอย่างต่อเนื่อง เรียกพลังและแรงบิดมาใช้ได้อย่างเหมาะเจาะ

เอาเป็นว่ายังยืนยันว่านี่คือเครื่องยนต์ที่ตอบสนองดีที่สุดรุ่นหนึ่งในคลาสอย่างไม่ต้องสงสัย ในรถทดสอบนั้นใช้เชื้อเพลิงอี85 ในการทดสอบ ทำให้ดูรู้สึกว่าเครื่องยนต์จะลากจี๊ดจ๊าดมากกว่าปกติ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากที่เคยเจอมาในซิตี้ที่ทดสอบไปก่อนหน้า

อย่างไรก็ตาม ปัญหาเดิม ๆ ที่ยังตามมาสำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ก็คือเสียงเครื่องยนต์ที่่ค่อนข้างดังกระหึ่ม โดยเฉพาะในจังหวะคิกดาวน์หรือเร่งเครื่องอย่างรวดเร็ว ก็อาจจะทำให้เกิดการรำคาญขึ้นมาได้เช่นกัน

ภายในกว้างขวางขึ้น ตำแหน่งเบาะที่นั่งเหมาะสม

ตัวถังที่ยาวขึ้น ระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น แน่นอนว่าส่งผลให้ห้องโดยสารภายในขยายความยาวตามออกมาด้วย และส่งผลในเรื่องของพื้นที่ห้องโดยสารตอนหลังที่ให้ความสะดวกสบายตามมาด้วย

การเข้าออกห้องโดยสารตอนหน้ายังต้องระมัดระวังศีรษะอยู่บ้าง ขณะที่ห้องโดยสารตอนหลังนั้น ประตูเปิดได้กว้างขึ้นกว่าเดิม ทำให้การเดินเข้า-ออกห้องโดยสารทำได้อย่างสะดวก พอนั่งลงไปแล้วเฮดรูมเหลือไม่มากนัก แต่ก็ไม่ชนหรือรู้สึกอึดอัด

ห้องเก็บสัมภาระยังใหญ่โตเหมือนเดิม และยังพับเบาะตอนหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้เหมือนเดิม การพับเบาะและเปิดเบาะไม่ใช่ปัญหาในการใช้งาน ที่เก็บของด้านหลังและล้ออะไหล่ออกแบบมาอย่างสวยงาม

ตำแหน่งที่เก็บของเล็ก ๆ ที่เหนือซุ้มล้อในห้องเก็บสัมภาระหายไป ห้องโดยสารตอนหลังติดตั้งเข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดแบบผ่อนแรงและดึงกลับอัตโนมัติ ซึ่งไม่ได้ติดตั้งมาให้ในซิตี้ รุ่นท๊อปยังมาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้าและด้านข้าง

แผงคอนโซลหน้าพยายามมองหาถึงความแตกต่างก็ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจากซิตี้แม้แต่น้อย เครื่องเสียงแบบสัมผัสที่ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ มาอย่างลงตัว เครื่องเสียงที่ให้มิติที่ดีกว่าในซิตี้ ที่เหลือแทบจะยกมาทั้งดุ้น

ห้องโดยสารของแจ๊สให้การเก็บเสียงที่ดีกว่าซิตี้อย่างเห็นได้ชัด น่าจะเป็นผลมาจากการออกแบบและลายเส้นที่ฝากระโปรงหน้าที่ช่วยไล่ลมผ่านกระจกบังลมได้มากขึ้น ช่วยลดเสียงลมปะทะจากด้านหน้าได้มากพอควร

ขับดีเหมือนซิตี้ มีดีที่อารมณ์สปอร์ต

ไม่แน่ใจว่าในการออกแบบนั้น ทีมงานของฮอนด้ามองว่ารถคันนี้ต้องการบุกเจาะตลาดคนที่ต้องการรถเล็กแบบสปอร์ตมากขึ้นหรือเปล่า เพราะแม้ว่าจะให้อารมณ์ในการขับขี่ที่ไม่ได้แตกต่างจากซิตี้ แต่อารมณ์ของรถกลับให้บรรยากาศที่สปอร์ตกว่าพอสมควร

แน่นอนว่าช่วงล่าง ระบบพวงมาลัย ถูกเซตอัพมาให้สบายและนุ่มเบากว่ารุ่นเดิม แต่ก็ยังมีระยะการหมุนที่มากกว่าซิตี้เล็กน้อย การควบคุมรถบนพื้นถนนอาจจะได้ยินเสียงสะท้อนจากพื้นเข้ามาบ้าง เป็นเพราะการใช้ยางซีรี่ส์ที่ไม่สูงมากนัก

เอาเป็นว่ามันแทบจะไม่แตกต่างอะไรจากซิตี้ รถที่เราเคยบอกว่ามันเป็นรถยนต์ที่ดีที่สุดในคลาส แจ๊ซที่เป็นรุ่นพี่ก็ให้สมรรถนะที่เหมาะสมตามมาไม่แพ้กัน จนทำให้อาจจะคิดหนักหากจะต้องเลือกว่าจะคบกับคันไหนดีเมื่อเทียบกันในตระกูลฮอนด้านี้

แจ๊สอาจจะแพงกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกันรุ่นต่อรุ่น แต่ก็ให้พื้นที่การใช้งานที่เอนกประสงค์กว่ามาก ขณะที่ซิตี้นั้น มีรูปร่างหน้าตาที่ดูแล้วสุขุมกว่า ทำให้ดูน่าจะน่าเบื่อได้ช้ากว่า ซึ่งถ้าคิดถึงแต่แบรนด์ฮอนด้า ก็คงจะบอกว่าคันไหนก็ได้ เลือกไปสักคัน

แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าแจ๊ซดูจะมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย โดยเฉพาะกับกลุ่มวัยรุ่นที่น่าจะชอบหน้าตาสปอร์ตของรถคันนี้มากกว่าหน้าตาธรรมดา ๆ ของซิตี้

เลือกอะไรก็ว่าไป ขับดีทั้งคู่อยู่แล้ว!!!