โตโยต้าหวังคสช.ยกเลิกกฎอัยการศึกกระตุ้นท่องเที่ยว เร่งดูแลปัญหาแล้งกระทบราคาพืชผล พร้อมหวังสงครามต่างประเทศไม่รุนแรง ดันตลาดรถยนต์ตามเป้า หลังถอดใจปรับลดเป้าหมายการขายในประเทศเหลือ 9.2 แสนคันในปีนี้
เคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และคณะผู้บริหารของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย เปิดเผยว่าภาพรวมของอุตสาหกรรมยานยนต์ในช่วงครึ่งหลังของปีน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังภาคการเมืองสงบจากการเข้าดูแลประเทศของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้ มองว่าภาพรวมของเศรษฐกิจจะเติบโต อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ควรเร่งมือแก้ไขประกอบไปด้วยการยกเลิกประกาศกฎอัยการศึก ที่ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจากการที่บริษัทประกันไม่รับประกันในช่วงกฎอัยการศึก ปัญหาภัยแล้งที่ส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรอย่างยางพารา ปาล์มและข้าว
นอกจากนี้ ผลกระทบจากภาวะสงครามที่เกิดขึ้นในต่างประเทศก็อาจจะส่งผลกระทบต่อการส่งออกรถยนต์จากประเทศไทย ซึ่งหากสามารถจัดการปัญหาที่เกิดขึ้นได้ เชื่อว่าอุตสาหกรรมยานยนต์จะเป็นไปตามเป้าหมายและน่าจะกลับมามียอดจำหน่าย 1 ล้านคันได้ในปี 2558
"ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ไม่ถึง 2% ขณะที่ภาพรวมในปีหน้าจะกลับมาที่ 4-5% ได้ ประกอบกับในช่วงปลายปี 2558 น่าจะมีกำลังซื้อก่อนปรับฐานภาษีตามการปล่อยมลพิษ ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง"
ทานาดะยังกล่าวถึงสถานการณ์ในประเทศไทยว่า การรัฐประหารที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้สถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ แต่เป็นเรื่องของการบริหารงานของคสช. ที่มุ่งเน้นให้เกิดความสงบเรียบร้อย ทำให้ภาพรวมของประเทศเริ่มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ โตโยต้าคาดการณ์ว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะหดตัวเหลือ 9.2 แสนคันในปีนี้ ซึ่งแม้จะหดตัวจากปีที่ผ่านมา 30% แต่ก็ยังเป็นยอดขายสูงสุดเป็นลำดับ 3 สำหรับประเทศไทย โดยแบ่งออกเป็นรถยนต์นั่ง 3.99 แสนคันและรถยนต์เชิงพาณิชย์ 5.21 แสนคัน
ในส่วนของโตโยต้านั้น คาดว่าจะมียอดจำหน่ายในประเทศ 3.3 แสนคันในปีนี้ หดตัวจากปีที่ผ่านมาราว 25% แต่มีส่วนแบ่งตลาด 35% รักษาความเป็นผู้นำต่อเนื่อง ขณะที่ยอดส่งออกตั้งเป้าหมายที่ 4.33 แสนคัน ปรับตัวเพิ่มประมาณ 1% เป็นผลมาจากการปรับสัดส่วนการผลิตเพื่อการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้น
สำหรับโครงการอีโคคาร์นั้น โตโยต้าอยู่ระหว่างการเตรียมแผนเพื่อรองรับเป้าหมายการผลิตสำหรับโครงการแรก และคาดว่าจะได้รับการอนุมัติโครงการที่ 2 ก่อนสิ้นปีนี้พร้อมกับโครงการอื่น ๆ ทั้งหมด
ขณะที่โครงการลงทุนมูลค่ากว่่า 5.15 หมื่นล้านบาทเพื่อผลิตปิกอัพ 5.7 แสนคันพร้อมชิ้นส่วนนั้น เป็นโครงการลงทุนขนาดใหญ่สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่รวมถึงการลงทุนสำหรับเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ทำให้เป็นโครงการที่มีมูลค่าสูงและตั้งเป้าหมายที่จะเป็นรถยนต์สำหรับกลยุทธ์ระดับสากลของโตโยต้า
"ผมขอยืนยันว่าประเทศไทยยังเป็นฐานการผลิต ฐานการวิจัยและพัฒนาที่สำคัญของโตโยต้าในความคิดเห็นของบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของเรา ซึ่งเรามีประสบการณ์การลงทุนในประเทศไทยมายาวนานกว่า 50 ปี และพร้อมที่จะลงทุนต่อเนื่องเช่นกัน"
พบโตโยต้ามือสองที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น