ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีกระแสข่าวที่ดูจะเป็นประเด็นร้อนแรง เมื่อ บก.จร. ออกมาย้ำเปิดประเด็นเกี่ยวกับสิทธิของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ Bigbike ว่ามีสิทธิเท่าเทียบกับรถเล็กบนท้องถนนทุกประการ จนทำให้เป็นกระแสข่าวที่หลายผู้คนยังบ่นกันถึงทุกวันนี้ แต่ในวันนี้เราขอไม่พูดถึงประเด็นเครียดนั้น แต่เราจะมาแนะนำ 5 Tips ในการขับขี่รถ 2 ล้อ ในการเดินทางไกล ไม่ว่าคุณจะขับ cc แค่ไหนก็สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เริ่มต้นกันเลยแล้วกัน
1. ควรเตรียมความพร้อมก่อนออกเดินทาง ทั้งการศึกษาเส้นทางให้ดี รวมถึงการวางแผนการขับขี่
หากไปเป็นขบวนผู้ที่ขี่ไม่เร็ว หรือมือใหม่ควรอยู่บริเวณแถวหน้าขบวน สำหรับผู้ที่มีทักษะควรให้อยู่บริเวณด้านหลัง นอกจากนั้นควรเลือกผู้ที่จะขับนำขบวน และปิดท้ายให้เหมาะสม โดยผู้ขับนำจะต้องเป็นผู้ที่มีทักษะ และชำนาญเส้นทางที่จะไปเป็นอย่างดี พร้อมมีวินัยในการขับขี่ ทั้งในการควบคุมความเร็ว การให้สัญญาณไฟและสัญญาณมือ สำหรับผู้ปิดท้าย ควรเป็นผู้ที่มีทักษะในการขับขี่รถที่ดีไว้วางใจได้ โดยต้องเป็นผู้ที่ต้องคอยสังเกตุเพื่อนๆ เก็บตกเพื่อนในขบวน รวมถึงเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน จะต้องเร่งแซงขึ้นไปบอกผู้นำขบวน หากไปเป็นขบวนจำนวนมากอาจมี ผู้ดูแลอีกคนช่วยปิดกลางขบวน ช่วยจัดระเบียบช่วงกลางขบวน และอาจเป็นผู้ช่วยในการบล๊อกรถในช่วงที่ขบวนกำลังกลับรถด้วย
2. ในการขับขี่เดินทางทุกครั้งควรสวม Riding Gear ให้เพียบพร้อม หมวกกันน๊อค, แจ๊คเก็ต, กางเกงขายาว, รองเท้าหุ้มข้อ อาจสวมสนับเข่า หรือ ศอก ตามความเหมาะสม อีกทั้งไม่ควรคุยโทรศัพท์ขณะขับขี่ในขบวน หากจำเป็นเลี่ยงไม่ได้แนะนำควรติดตั้ง Bluetooth ไว้ที่หมวกกันน๊อค
นอจากนั้น วันก่อนเดินทาง ควรตรวจเช็คสภาพรถ ให้พร้อมลุย ตั้งโซ่ เช็คลมยาง และควรติดซองเครื่องมือติดรถ เผื่อใช้กรณีฉุกเฉิน รวมถึงขณะที่เดินทางไกล ควรหมั่นเติมน้ำมันเต็มถังอยู่เสมอ เพื่อป้องกันการไปในเส้นทางที่ธุรกันดาร ที่อาจไม่มีปั๊มน้ำมัน
3. ตามกฏรถจักรยานยนตร์ จะต้องขับชิดขอบทางด้านซ้ายในทางกฏหมาย ซึ่งสำหรับการขับขี่ด้วยรถเล็ก ที่ทำความเร็วได้ต่ำกว่า 100 กม./ชม. ควรที่จะขับชิดขอบทางด้านซ้ายเพื่อความปลอดภัย แต่สำหรับผู้ที่ขี่ Bigbike และขับด้วยความเร็วสูง อาจมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกทำผิดกฏจราจร ด้วยการขับแช่ที่ช่องทางขวา ซึ่งควรวิ่งเกาะอยู่แนวเส้นซ้ายของเลน เพราะหากมีรถยนต์ที่มาเร็วกกว่าก็ควรที่จะเปิดช่องทางให้รถยนต์สามารถแซงผ่านขบวนไปทางขวามือได้ และเพื่อให้มีพื้นที่ในการแซงรถคันหน้า โดยการเร่งแซงรถที่อยู่ด้านหน้าควรที่จะต้องใช้ความระมัดระวัง ควรแซงให้พ้นในจังหวะเดียวไม่ควรขับขนานไปกับรถยนต์เนื่องจากจะเกิดอันตรายได้ และที่สำคัญ ไม่ควรที่จะขับแซง เปลี่ยนเลนไปมา เพราะจะทำให้ผู้ที่ใช้ถนนท่านอื่นเกิดความสับสน และก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่ง
4. หากเจอทางโค้งที่ไม่แน่ใจระยะ หรือความลึก เนื่องจากเป็นโค้งปิดที่มองไม่เห็น หรือสภาพถนนนั้นไม่เอื้ออำนวย ไม่ควรเข้าโค้งด้วยความเร็วเกินไป เนื่องจากโค้งปิดนั้นอาจหลอกสายตา หรือพื้นถนนที่ไม่ดี อาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยผู้นำขบวนถือเป็นผู้สำคัญในการนำไลน์เข้าโค้ง ควรให้สัญญาณมือแก่เพื่อน ในขบวน ชะลอความเร็วลงก่อนถึงโค้ง และคุมความเร็วที่เหมาะสมในโค้งนั้นๆ
5. การให้สัญญาณไฟเลี้ยวถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับหนึ่ง และการใช้สัญญาณมือควรใช้เป็นรอง เพราะการขี่ที่ความเร็วสูง ไม่ควรที่จะใช้สัญญาณมือ เนื่องจากการควบคุมแฮนด์เพียงมือเดียวอาจทำให้เสียการทรงตัว ดังนั้นก่อนใช้สัญญาณมือทุกครั้ง ให้ผ่อนคันเร่งก่อน และ ไม่ควรใช้ที่ความเร็วไม่มากจนเกินไปด้วย สำหรับการให้สัญญาณด้วยเท้านั้น อาจทำได้ในบางสถานการณ์ เช่น มีสิ่งกีดขวางด้านหน้า พื้นถนนที่เป็นหลุม เป็นต้น
6. ผู้ขี่นำ และปิดท้าย อาจเปิดไฟฉุกเฉิน (หากรถมีปุ่มสัญญาณไฟฉุกเฉิน) ในบางสถานการณ์ให้เหมาะสม เช่นกำลังจัดขบวน หรือ จำกัดความเร็ว รวมถึงอยู่ในช่วงบรรยากาศการเก็บภาพ เพื่อให้รถคันอื่นบนถนน เห็นได้อย่างชัดเจน และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ขบวน
LINE
ความคิดเห็น