เป็นที่ทราบกันดีในตลาดรถมือสองว่ารถที่มีระยะทางการใช้งานน้อยหรือที่เรียกติดปากว่า “เลขไมล์ต่ำ” นั้นจะมีราคาจำหน่ายที่ดีกว่าและมีโอกาสขายออกได้ง่ายกว่ารถที่มีการใช้งานมาก เพราะยิ่งเลขไมล์สูงยิ่งมีความเป็นไปได้ว่ารถจะผ่านการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน
แต่เลขไมล์บนแผงหน้าปัดหรือมาตรวัดไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะบ่งบอกถึงคุณภาพตัวรถเสมอไป เนื่องจากเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถ “กรอ” หรือ “ลด” ตัวเลขไมล์ได้อย่างง่ายดาย ถือเป็นกลโกงอย่างหนึ่งที่คนซื้อรถมือสองควรระมัดระวังก่อนควักกระเป๋าจับจอง เวบไซต์ Carlist.my นำเคล็ดลับการรู้เท่าทันมาฝากกัน
ตรวจดูสมุดคู่มือการเช็ครถ
ตัวเลขการใช้งานบนเรือนไมล์ควรจะเหมือนกับหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียงกับตัวเลขที่ระบุไว้ในสมุดคู่มือการเช็คระยะรถ โดยเฉพาะการตรวจเช็คระยะครั้งสุดท้ายจะต้องตรงกับระยะทางการใช้งานจริง
การเปลี่ยนสายพานไทม์มิ่ง
ช่างเทคนิคหลายคนมักติดป้ายหรือเขียนตัวเลขไว้บนตัวครอบสายพานราวลิ้นหรือสายพานไทม์มิ่ง เพื่อแจ้งเตือนว่าการเปลี่ยนสายพานครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นที่เลขไมล์เท่าใด ส่วนใหญ่แล้วการเปลี่ยนสายพานจะมีขึ้นทุก 80,000 – 100,000 กิโลเมตร
ตรวจดูคุณภาพภายในตัวรถ
ลองตรวจสอบสภาพชิ้นส่วนที่ถูกใช้งานบ่อย ทั้งพรมปูพื้น หัวเกียร์ พวงมาลัย เบาะที่นั่งและตามซอกมุมต่างๆ หากมีร่องรอยเสียหาย ฉีกขาดหรือการตัดเย็บที่ไม่ค่อยเรียบร้อยมักบ่งบอกว่ารถคันดังกล่าวผ่านการใช้งานมาอย่างหนักหน่วง
ตรวจสอบความเรียบร้อยที่แผงหน้าปัด
การกรอตัวเลขไมล์ (สำหรับรถที่ใช้ตัวเลขอนาล็อก) มักทิ้งร่องรอยบางอย่างที่สามารถมองเห็นได้ที่บริเวณหัวน็อตและรอยขีดข่วนบริเวณมาตรวัด ถ้ามีรอยเยอะปิดปกติแสดงว่ารถคันดังกล่าวอาจผ่าน “กลโกง” การกรอเลขไมล์ใช้งานมาแล้ว
ลองติดต่อศูนย์บริการของรถคันดังกล่าว
ถ้ารถคันดังกล่าวมีสมุดคู่มือครบครัน สามารถตรวจสอบประวัติการใช้งานของตัวรถเพียงแค่โทรไปสอบถามที่ศูนย์บริการหรือถ้าเป็นไปได้ก็สอบถามกับเจ้าของรถคนก่อนหน้าได้เลย
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น