ไม่บ่อยนักที่บรรดารถยนต์ซูเปอร์คาร์ระดับหรูหราจะยอมจัดรถทดสอบให้นักข่าวได้ทดสอบกันในประเทศไทย และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกเช่นเดียวกันที่ แอสตัน มาร์ติน ประกาศเดินหน้าแผนการตลาดด้วยการจัดทดสอบรถยนต์ขึ้นในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของอาเซียนเลยทีเดียว
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ขับกันแบบน่ารักคนละไม่กี่รอบ แต่สนามที่ใช้ในการทดสอบคือสนามพีระ อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต และบวกกับทีมงานทดสอบที่วางไลน์กันอย่างดี เชื่อว่าจะให้ความสนุกสนานในการขับขี่อยู่บ้างไม่มากก็น้อย
แอสตัน มาร์ติน หลังจากที่แต่งตั้งเฮอร์ริเทจ มอเตอร์ ในเครือเอ็มจีซี-เอเชียเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ก็ดูเหมือนว่าจะเดินหน้าบุกตลาดอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดโชว์รูมและล่าสุดก็คือการจัดให้ลูกค้าได้มีประสบการณ์โดยตรงร่วมกันรถจริง ๆ
แถมรถยนต์ที่นำมาให้ทำการทดสอบนั้นมีมากถึง 3 คัน ประกอบไปด้วยรุ่นยอดนิยมอย่างดีบี9 ที่มาพร้อมเครื่องยนต์วี12 พร้อมสนนราคา 18.5 ล้านบาท พร้อมด้วยแวนเทจและแวนเทจ เอส ที่มาพร้อมเครื่องยนต์วี8 คนละระดับความแรง ในสนนราคา 13.5 และ 14.5 ล้านบาท
การทดสอบนั้นแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ ก็คือการทดสอบความแรงบนแทร็กเส้นตรงระยะประมาณ 300-400 เมตร ต่อด้วยทดสอบสลาลอม ก่อนปิดท้ายกันด้วยการเปลี่ยนเลนกระทันหัน ซึ่งให้ทดสอบกันคันละ 2 รอบสนามแบบไม่มีอินสตรัคเตอร์มานั่งให้ไขว้ไขวแต่อย่างใด
ด้วยระยะเวลาและการบริหารจัดการที่มีอยู่ ทำให้เราได้ทำการทดสอบกัน 2 รุ่นบน อันประกอบไปด้วยดีบี9 และแวนเทจ เอส ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้รู้สึกได้ว่ารถคันนี้หล่อ สมรรถนะดี ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าสนใจไม่น้อย
ดีบี9 นั้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน วี12 ขนาด 6.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทัชทรอนิก ทู ให้อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 4.6 วินาที และทำความเร็วสูงสุด 295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ด้วยการออกแบบเพื่อให้เป็นซูเปอร์คาร์ที่ใช้งานได้ในชีวิตประจำวัน ดีบี9 ให้ตำแหน่งการนั่งขับที่ไม่ได้แตกต่างจากรถยนต์นั่งคันใหญ่สักคัน เรียกว่านั่งลงไปที่เบาะแบบต้องก้มหัวเข้าไป การปรับกระจกและตำแหน่งต่าง ๆ ในรถถือว่าทำได้ไม่ยาก คาดเข็มขัดให้กระชับและเตรียมไปต่อได้ทันที
เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม ใครจะไปคาดคิดว่าจากจุดปล่อยตัวที่เตรียมไว้ ในระยะทางไม่ถึง 400 เมตร รถยนต์คันนี้จะสามารถวิ่งไปได้ถึงความเร็ว 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยที่ไม่ต้องช่วยในการเปลี่ยนเกียร์หรือทำอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่ต้องทำก็คือการกดคันเร่งให้รถพุ่งไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียว
ช่วงล่างเซตอัพมาแบบไม่โหดเกินไป แม้จะดูนุ่มนวลไปสักเล็กน้อยสำหรับการทำการทดสอบในสนาม โดยเฉพาะในช่วงของการขับสลาลอมและเลนเชนจ์นั้น ตัวรถจะมีอาการโยนมากกว่าแวนเทจอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความมั่นใจในการขับขี่ลดลงไปแต่อย่างใด
การออกแบบภายในเน้นความหรูหราแบบเรียบหรู ตำแหน่งเกียร์ถูกเปลี่ยนเป็นปุ่มกดด้านบนแผงคอนโซล ซึ่งไม่ได้ใช้งานยากอะไร วัสดุอุปกรณ์ที่เลือกมาใช้งานนั้นหรูหราเอาเรื่อง และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของผู้สั่ง หากอยากได้อะไรที่เหนือกว่าที่แอสตัน มาร์ตินคัดเลือกมาให้
ทดลองแล้วไม่ค่อยแปลกใจว่าทำไมดีบี9 ถึงเป็นรถที่ขายดีอันดับต้น ๆ ของแอสตัน มาร์ติน ด้วยความเป็นรถที่ใช้งานง่าย เป็นซูเปอร์คาร์ที่ขับได้สะดวก ให้ความสบายไม่แตกต่างจากรถยนต์นั่ง และให้ความนุ่มนวลระดับใช้งานประจำวันได้ แถมยังเก็บเสียงยอดเยี่ยมอีกต่างหาก
ขณะที่แวนเทจ เอส นั้น มาพร้อมเครื่องยนต์วี8 ขนาด 4.7 ลิตร ซึ่งเป็นสเปกสูงกว่าด้วยกำลังสูงสุด 430 แรงม้าที่ 7,300 รอบต่อนาที สูงกว่ารุ่นมาตรฐานประมาณ 10 แรงม้า และให้แรงบิดสูงสุด 490 แรงม้าที่ 5,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด สปอร์ตชิฟท์ ทู วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 4.6 วินาที ทำความเร็วสูงสุด 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
นอกจากเครื่องยนต์จะสเปกสูงกว่าแล้ว สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปในรุ่นนี้ก็คือการเซตอัพช่วงล่างในจุดต่าง ๆ เพื่อให้ได้บรรยากาศความสปอร์ตในการขับขี่ที่มากขึ้น ซึ่งก็ได้มาซึ่งรถสปอร์ตช่วงล่างแน่นปึั๊ก ที่เหมาะสมกับการขับในสนามแข่งรถยนต์เป็นอย่างมาก ทำให้หลายคนที่ไปทดสอบบอกว่าแวนเทส เอส ขับสนุกกว่าดีบี9
นอกจากนี้ ระบบเกียร์ของแวนเทจนั้น สนับสนุนการขับขี่อย่างสนุกสนานด้วยการให้ผู้ขับขี่เล่นกับเกียร์ด้วยแพดเดิลชิฟท์ที่แม่นยำและเฉียบคม ทำงานอย่างว่องไว แต่ถ้าจะขับให้สนุก อินสตรัคเตอร์บอกว่าต้องเรียนรู้ที่จะถอนคันเร่ง ชิฟท์เกียร์แล้วค่อยเร่งส่ง ซึ่งจะทำให้อาการกระตุกของเกียร์ลดน้อยลงได้
การเปลี่ยนเกียร์แบบอัตโนมัติจริง ๆ จับอาการว่าเกียร์เปลี่ยนได้มากกว่าดีบี9 แต่ลดน้อยลงเมื่อลองเปลี่ยนเกียร์ด้วยตัวเอง สิ่งที่ดีกว่าเมื่ออยู่ในสนามแข่งก็คือช่วงล่างที่หนักแน่นและมั่นคงของแวนเทจนั้น ให้อาการตอบสนองที่ดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด
ในการวิ่งทางตรงอาจจะยังเห็นไม่ชัดเจน แต่เมื่อเข้าสลาลอมหรือการเปลี่ยนเลนกระทันหันนั้น รถจะโยนตัวออกไปน้อยกว่า ซึ่งแน่นอนว่าเสถียรภาพของรถก็จะมีมากกว่า และความรู้สึกในการควบคุมรถก็จะทำได้ดีกว่าไปด้วย ขับในสนามแข่งต้องช่วงล่างแบบนี้จริง ๆ ครับ
หากนำไปขับในถนนจริง ๆ แล้ว ความสนุกสนานที่ได้อาจจะกลายเป็นปัญหาสำหรับคนที่ไม่ชอบช่วงล่างที่ออกแนวแข็ง ๆ แม้จะได้ความมั่นใจในการขับขี่ระดับติดหนึบมาก็ตาม ซึ่งก็ต้องเลือกนะครับ มหาเศรษฐีทั้งหลายว่าจะจ่าย 14.5 ล้านซื้อคันนี้ หรือจ่ายเพิ่ม 4 ล้านซื้อดีบี9 ไปขับเล่น
แต่ถ้าเงินไม่ใช่ปัญหา แนะนำว่าขับเองคนเดียวซื้อแวนเทจ เอส ก็พอ ถ้าขับไปรับสาว ๆ ประจำ ดีบี9 น่าจะสร้างความประทับใจได้มากกว่านิดนึงนะครับ...
รายละเอียดทางเทคนิค แอสตัน มาร์ติน ดีบี9 และแวนเทจ เอส
แอสตัน มาร์ติน ดีบี9 |
แอสตัน มาร์ติน แวนเทจ เอส |
|
ราคาจำหน่าย |
18.5 ล้านบาท |
14.5 ล้านบาท |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน วี12 ขนาด 6.0 ลิตร |
เบนซิน วี8 ขนาด 4.8 ลิตร |
กำลังสูงสุด |
510 แรงม้าที่ 6,600 รอบต่อนาที |
430 แรงม้าที่ 7,300 รอบต่อนาที |
แรงบิดสูงสุด |
620 นิวตันเมตรที่ 5,500 รอบต่อนาที |
490 นิวตันเมตรที่ 5,000 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทัชทรอนิก ทู |
เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด สปอร์ตชิฟท์ ทู |
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
4.6 วินาที |
4.6 วินาที |
ความเร็วสูงสุด |
295 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง |
ขอขอบคุณ แอสตัน มาร์ติน แบงคอก สำหรับทริปทดสอบรถยนต์ในครั้งนี้
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com และเฟซบุ๊ค Autospinn.Fans
ชมภาพการทดสอบรถยนต์ในครั้งนี้เพิ่มเติมได้ ที่นี่
พบ แอสตัน มาร์ตินมือสอง ที่ไทยคาร์ดอทคอม
ความคิดเห็น