ในช่วงฤดูฝนนี้ ผู้ขับขี่จะต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษขณะขับรถ เนื่องจากสภาพพื้นถนนที่เปียกและเม็ดฝน ถือเป็นอุปสรรคในการขับรถเป็นอย่างยิ่ง นอกจากจะทำให้รถติดแล้ว ยังเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นด้วย
ในวันนี้เราจึงมาแนะนำเทคนิคการขับขี่ในช่วงฤดูฝน และการดูแลเตรียมสภาพรถเบื้องต้นให้เหมาะแก่การขับขี่ จาก City Automobile มาฝากกัน
การเตรียมสภาพรถในฤดูฝน
• ยางปัดน้ำฝน ควรดูแลให้อยู่ในสภาพดี การใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดที่ปัดน้ำฝน นั้นช่วยกำจัดสิ่งสกปรก แต่บางครั้งก็อาจจะกำจัดคราบออกได้ไม่หมด ดังนั้นบางครั้งอาจใช้น้ำส้มสายชูชุบผ้าสะอาดเช็ดเป็นครั้งคราว เพื่อลดคราบและให้ทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น หากเส้นยางที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพ ควรยางเป็นเส้นใหม่
• ระบบไฟส่องสว่าง ระบบไฟถือเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นควรทำความสะอาดไฟส่องสว่างให้ครบทุกดวง และอย่าลืมพกผ้าติดรถเอาไว้ เผื่อเช็ดในขณะที่จอดพักระหว่างเดินทาง
• ยางรถยนต์ นอกจากควรจะใช้ยางที่มีดอกยางในการรีดน้ำแล้วที่ดีแล้ว ควรเติมลมยางให้มีแรงดันลมมากกว่าปกติ 2-3 ปอนด์/ตารางนิ้ว (หรือ 0.1-0.2 บาร์) เพื่อให้หน้ายางแข็งและรีดน้ำได้ดียิ่งขึ้น (หากดอกยางขนาดเล็กกว่า 3 มม. จะทำให้ความสามารถในการเกาะถนนน้อยลง เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ)
• แบตเตอรี่ หมั่นตรวจดูแบตเตอรี่และเติมน้ำกลั่นอย่างสม่ำเสมอ เพราะในเวลากลางคืนที่ฝนตกหนัก รถจะใช้ไฟฟ้ามากกว่าปกติ
การขับรถขณะฝนตก
• การขับรถควรควบคุมความเร็วให้เหมาะสมไม่ควรขับขี่เร็วเกินไป และไม่ควรหักพวงมาลัยกะทันหันหรือหักวงเลี้ยวเป็นวงกว้างขณะที่รถเคลื่อน
• บนพื้นเปียกลื่นควรเผื่อระยะทางเบรกมากกว่าปกติอย่างน้อย 10-15 เมตร และไม่ควรเบรกแบบลงน้ำหนักมากจนเกินไป เพราะจะเสี่ยงต่อการที่รถจะลื่นไถล ทำให้เสียการควบคุม
• ระหว่างขับรถในขณะฝนตกหรือผ่านบริเวณน้ำขัง ให้ระวังการเกิดละอองน้ำเกาะกระจกรถด้านใน ควรกดปุ่ม ‘หมุนเวียนแอร์’ (Recirculation) เพื่อเปิดและปิดระบบหมุนเวียนภายใน เพื่อลดการเกิดละอองน้ำ ทางที่ดีควรเตรียมผ้าสะอาดไว้ในรถเพื่อเช็ดละอองน้ำเป็นระยะ
• เมื่อขับผ่านพื้นที่น้ำขังและพ้นสภาพถนนเปียกแล้ว ให้ขับช้าๆ และเหยียบเบรกเบาๆ หลายๆครั้ง เพื่อไล่น้ำให้ผ้าเบรกแห้ง
• ในกรณีที่ฝนตกหนักมากจนทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี ไม่เหมาะแก่การขับ ควรนำรถเข้าข้างทางที่ปลอดภัย และรอจนกว่าฝนเบาหรือหยุดลง พร้อมเปิดไฟกะพริบ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก City Automobile
ความคิดเห็น