วันนี้ บริษัท เยอรมัน มอเตอร์ เวิร์ค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายยนตกรรมพรีเมี่ยม AUDI อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทยประกาศเปิดตัว Audi A8L Hybrid ใหม่ ซึ่งทำราคาแอบช็อคกันไปเล็กน้อย กับการเป็นรถหรูหรา Fullsize Luxury Hybrid เราจึงนำยนตรกรรมที่เหนือระดับ ในตระกูล Fullsize Luxury Hybrid อีก 2 คัน มาประชันความหรู ให้แฟนๆ ได้รับชมกัน กับ Mercedes-Benz S-Class Bluetech Hybrid (ประกอบในประเทศ) และ BMW Active Hybrid 7L (นำเข้า)
จุดเด่นภายนอก
- Audi A8 L Hybrid มากับไฟหน้าแบบ Matrix LED ที่ติดตั้งหลอดไฟ LED จำนวน 25 ดวง เปิด-ปิดให้ความสว่างของไฟสูงได้ตามแต่สภาพถนน ขณะเดียวกันยังมาพร้อมกับไฟเลี้ยวที่วิ่งตามทิศทางการเลี้ยวด้วย โดยรุ่น L ฐานล้อยาวคันนี้ จะยาวกว่ารุ่นปกติอีก 13 ซม. ทำให้รถมีความยาวรวม 5.267 เมตร ฐานล้อยาว 3.12 เมตร กว้าง 1.949 เมตร และความสูง 1.471 เมตร
- BMW Active Hybrid 7L มากับไฟหน้าเอกลักษณ์ของ BMW คือ ไฟวงแหวนคู่ แบบ LED ซึ่งจะปรับทิศทางตามการหักเลี้ยวของพวงมาลัย และโดดเด่นด้วยระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติที่ไม่เหมือนใคร และแถบโครเมี่ยมที่ชายล่าง และ Active Hybrid 7 L เป็นรุ่นฐานล้อยาว มีมิติความยาว 5.219 เมตร ฐานล้อยาว 3.210 เมตร กว้าง 1.902 เมตร และความสูง 1.481 เมตร
- Mercedes-Benz S-Class Bluetech Hybrid ใช้ไฟหน้า-ไฟท้ายแบบ LED ซึ่งไฟหน้ามากับโคมโปรเจคเตอร์ระบบ ILS ที่มาพร้อมระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่นเพิ่มความสว่างขณะเลี้ยว โดดเด่นด้วยหลังคาแก้ว Panoramic Glass Roof มีมิติความยาว 5.246 เมตร ฐานล้อยาว 3.165 เมตร กว้าง 1.899 เมตร และความสูง 1.496 เมตร
เครื่องยนต์
- Audi A8 L มากับเครื่องยนต์ hybrid 2.0 TSFI ให้กำลัง 245 แรงม้า และแรงบิด 480Nm รวมทั้งระบบ โดยส่งกำลังผ่านเกียร์ Tiptronic 8 Speed
- BMW Active Hybrid 7 ใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ เบนซินเป็นพื้นฐานพ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ที่ให้กำลังสูงสุดที่ 354 แรงม้า และแรงบิด 500Nm มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 5.7 วินาที และ Top Speed 250 กม./ชม. มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 16.7 กม./ลิตร
- Mercedes-Benz S-Class Bluetech Hybrid ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดความจุ 2,143cc กำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์ 7 Tronic Plus มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที และ Top Speed 240 กม./ชม. ประหยัดเชื้อเพลิง 21.3-22.7 กม./ลิตร
ความหรูหราภายในห้องโดยสาร
- Audi A8 L เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ระบบ MMI (Multi Media Interface) พร้อม ระบบเครื่องเสียงจาก BOSE ระบบมัลติมีเดียที่นั่งด้านหลัง (Rear seat entertainment) มาพร้อมจอ LCD ขนาด 10.2” ระบบช่วยผ่อนแรงในการปิดประตู มีฟังชันก์โต๊ะทำงานรองรับทุกช่วงเวลาสำคัญของการทำงาน อีกทั้งยังมีที่พักเท้าด้านหลังเพื่อเพิ่ม พร้อม Solar Sunroof ที่ติดตั้งระบบระบายอากาศที่ช่วยระบายความร้อนขณะจอดรถตากแดด และที่สำคัญโครงสร้างตัวถังพิเศษเฉพาะ Audi Space Frame ซึ่งเป็นตัวถังอลูมีเนียมน้ำหนัก เบา แต่แข็งแกร่งสูง
- BMW ActiveHybrid 7L มากับจอภาพความละเอียดสูงพิเศษ ขนาด 9.2" ที่ทำงานแยกอิสระทั้งสองด้านควบคุมโดย iDrive ที่บริเวณเบาะนั่งหลัง เครื่องเสียง Bang & Olufsen โหมดการขับขี่แบบ Comfort+ ใหม่ ที่ทำงานร่วมกับ ระบบบังคับเลี้ยวแบบแอ็กทีฟ เพิ่มความสบายสูงสุดให้กับทุกที่นั่ง ด้วยการเคลื่อนตัวที่นุ่มนวล ระบบปรับอากาศแยกเฉพาะ เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหลังแบบ Comfort พร้อมฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลาย
- Mercedes-Benz S-Class Bluetech Hybrid มากับหน้าจอ Command ด้านหน้าขนาด 12.3” ควบคุมผ่าน Split View for COMAND ที่สามารถแยกการแสดงภาพระหว่างผู้ขับขี่และผู้โดยสาร โดยการประมวลภาพในหน้าจอเดียวกัน พร้อมหน้าจอด้านหลังขนาด 10” 2 จอแยกซ้าย-ขวา มีพื้นที่รองรับช่วงขาเพิ่มเติมสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ปรับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำ รวมทั้งระบบ เบาะ Ventilation Seat สามารถปรับอุณหภูมิภายในเบาะทุกที่ อีกทั้งระบบนวดในตัว พร้อมระบบปรับอากาศ Air Balance Package ที่จะช่วยทำให้บรรยากาศภายในห้องโดยสารหอมอบอวลไปด้วยน้ำหอมกลิ่นพิเศษ อีกทั้งจะมีเซนเซอร์ตรวจจับความสมดุลของอากาศภายในห้องโดยสารที่มาควบคู่กับระบบฟอกอากาศ Oxygen Ionisation
ปิดท้ายกันที่ราคา
- Audi A8 L Hybrid มากับราคา 5.99 ล้านบาท พร้อมประกัน 5 ปี หรือ 1 แสน กม.
- BMW Active Hybrid 7L มากับราคา 8.299 ล้านบาท พร้อมประกัน 5 ปี หรือ 1 แสน กม.
- Mercedes-Benz S-Class Bluetech Hybrid มากับราคา 5.99 ล้านบาท ในรุ่น Exclusive รับประกัน 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
ความคิดเห็น