เมื่อสัปดาห์ก่อนทาง มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ได้เปิดตัว มาสด้า2 ใหม่ที่โรงงาน AAT ระยอง ถือเป็นการเปิดไลน์การผลิตรถยนต์อีโคคาร์ เฟส 2 คันแรกของเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งประเทศไทยจะถือเป็นฐานการผลิต และส่งออกที่สำคัญของโลก
มาวันนี้ (12 พย. 2014) มาสด้า ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมทดสอบ มาสด้า2 ใหม่ ในรุ่น 5 ประตู Hatchback ที่มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร สกายแอคทีฟ ดี Clean Diesel ณ สนามโบนันซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต
มาสด้า2 หรือ Demio ในเวอร์ชั่น ญี่ปุ่น ในรุ่นใหม่นี้ถือเป็นเวอร์ชั่นที่ 2 หลังจากที่ประสบความสำเร็จในเวอร์ชั่นแรก บ้านเราที่จำหน่ายได้มากถึง 1.2 แสนคัน ซึ่งช่วยทำให้ยอดขายรถยนต์นั่งของ มาสด้า เติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก
สำหรับการกลับมาของ มาสด้า2 ในเวอร์ชั่นใหม่นี้ จะถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ให้กับวงการรถยนต์ Sub-Comapct (B-Segment) เพราะว่า จะเป็นรถยนต์ที่ตอบสนองให้กับทุกกลุ่มลูกค้า ทั้งประหยัด หรือ จะเน้นสมรรถนะความแรง ซึ่งจะสามารถสร้างรอยยิ้ม และความสุขให้แก่ ผู้ขับขี่ได้ โดยที่ผู้อยากจะได้รถ มักจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ระหว่างแรง กับความประหยัด แต่ เทคโนโลยี สกายแอคทีฟ นี้จะมอบทั้ง 2 สิ่งให้แก่คุณ โดยไม่ต้องลำบากใจ
ภายนอก มาสด้า2 ใหม่ ที่นำมาให้ทดสอบกันในคราวนี้ยังคงมีเพียงรุ่น 5 ประตู ซึ่งหากมองกันแบบผิวเผิน รูปทรงและมิติรถจะดูคล้ายมาสด้า2 ตัวเก่า แต่เมื่อมามองถึงรายละเอียด จะพบว่าได้รับการออกแบบมาจาก KODO Design ทั้งเส้นสายไฟหน้า และไฟท้าย และกระจังหน้า ซึ่งคันที่ได้นำมาให้ทดสอบนั้น มี 4 คัน สีแดง, ดำ, น้ำเงิน และสีชมพู Smoky Rose Mica เป็นเวอร์ชั่นส่งออกหมดเลย เพียงแต่เปลี่ยนยางมาใช้เป็นยาง Eco Series Dunlop Enasave EC300+ แบบตัวขายบ้านเรา เพื่อให้ได้ฟีลลิ่งในการขับขี่ที่ใกล้เคียงของเรามากที่สุด สำหรับรายละเอียดภายนอกในเวอร์ชั่นบ้านเรานั้น เท่าที่ทราบ จะยังคงใช้ไฟหน้าแบบฮาโลเจน ในขณะที่ล้ออัลลอยจะมีทั้งขอบ 15 และ 16”
ภายใน มาสด้า2 ใหม่นี้ ได้มีการออกแบบและการใช้ชิ้นงาน ที่ดูเหมือนกับ มาสด้า3 ใหม่ ภายในโทนสีดำ ตกแต่ง trim เคฟล่า ดูให้ความสปอร์ตเป็นอย่างยิ่ง และการออกแบบที่เน้นคนเป็นศูนย์กลางทำให้ตำแหน่งการจัดวาง ใช้งานต่างๆ อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม
สำหรับภายในนั้น ทั้ง 4 คันที่ได้นำมาทดสอบนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 รุ่น คือ คันสีแดง และชมพู จะเป็นรุ่นท๊อป จะมี Paddle Shift และใช้วัสดุเบาะหนังซึ่งมีลายปักสีแดงพาดกลางเพิ่มความสปอร์ต รวมถึงเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ แต่ทว่าในเวอร์ชั่นที่จะเปิดขายจริงเราคงต้องมารอชมสเป็กบ้านเรากันอีกครั้งว่าจะจัดรุ่นย่อยมากี่รุ่นและลงออปชั่นอะไรบ้าง แต่ที่แน่ๆ ระบบ DSC, i-Stop, Blind Spot จะเป็นออปชั่นพื้นฐานที่ให้มาในทุกรุ่น
หลังจากนี้เราจะขอเข้ามาพูดกันถึงในส่วนสมรรถนะการขับขี่รอบสนามโบนันซ่าฯ กันต่อ
ในวันนี้ทางทีมงานมาสด้า ได้จัดเตรียม Track ให้เราขับแบบ Full Lap แต่จะวางไพล่อนไว้ตลอดเส้นทาง เพื่อให้ขับขี่ได้ง่ายตาม Racing Line รวมถึงการปรับแต่ง Track เสริมเติมแต่ง ช่วง Slalom, Lane Change, Chicane เพื่อให้ได้ทดสอบถึงความคล่องตัว และ หยุดรถเพื่อทดสอบระบบ i-Stop อีกด้วย
สำหรับเครื่องยนต์สกายแอคทีฟใหม่ ในมาสด้า 2 ที่จริงมีถึง 3 บล๊อกด้วยกัน แต่ที่วางตลาดบ้านเราตอนนี้เพื่อให้ผ่านมาตรฐานอีโคคาร์ เฟส2 จะใช้เครื่องยนต์ Skyactiv D 1.5 ลิตร มากับเกียร์ Skyactiv-Drive ทั้งเกียร์ธรรมดา และอัตโนมัติ เครื่องยนต์บล๊อกนี้มีกำลัง 105 แรงม้า@4,000rpm แต่แรงบิดที่ให้มากถึง 250Nm@1,500-2,500rpm ซึ่งมากเท่ากับระดับเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร เลยทีเดียว โดยในเครื่องดีเซล 1.5 ลิตร นี้ ได้พัฒนามาจากรุ่นดีเซล 2.2 ลิตร ในหลายด้านด้วยกัน ได้แก่
- Compression Ratio ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในโลกของเครื่องยนต์ดีเซล แต่ ในบล๊อก 1.5 ลิตรนี้ จะมี CR ที่ 14.8 ต่างจากรุ่น 2.2 D ที่เป็นเครื่องยนต์ที่มี CR ต่ำสุดเพียง 14.0 เนื่องจากพิกัดขนาดเล็กจึงจำเป็นต้องมีกำลังอัดที่สูงกว่าพิกัดใหญ่
- การใช้เทอร์โบแปรผันเดี่ยว ซึ่งในรุ่น 2.2 จะเป็นเทอร์โบ 2 stage
- หัวฉีดแบบโซลีนอยด์ แทนแบบ Piezo ซึ่งช่วยให้ฉีดน้ำมันได้ละเอียดมากขึ้น
- การเพิ่มชั้น Layer รูปไข่ ตรงพื้นที่หน้าตัดของลูกสูบ ซึ่งจะลดการไหลวนอากาศ ช่วยไม่ให้ก๊าซเผาไหม้เสียความร้อนไปกับพื้นที่บริเวณนั้น
- การใช้ Intercooler ที่มีขนาดเล็ก แทรกทำงานร่วมกับท่อร่วมไอดี จึงทำให้มีขนาดกระทัดรัดกว่า รุ่น 2.2 ที่ตั้งโชว์อยู่ด้านหน้าหม้อน้ำ
ในส่วนของอัตราสิ้นเปลือง มาสด้า2 สกายแอคทีฟ ดี เคลมไว้ที่ 26.3 กม./ลิตร และการปล่อยไอเสียที่ระดับต่ำกว่า 100 กรัม/กม. ซึ่งถือเป็นกุญแจสำคัญ ในการทำให้รถ มาสด้า2 ใหม่นี้ ผ่านเกณฑ์อันแสนเข้มงวดลงได้ และเป็นรถยนต์คันแรกที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานของรถยนต์อีโคคาร์ ในเฟส 2 และบอกได้เลยว่ามันเป็น Clean Diesel จริงๆ ทางทีมงานได้ทดลองนำกระดาษขาว มาจ่อที่ท่อไอเสีย และเบิลเครื่องใส่กลับพบว่ากระดาษจะชื้นเปียกเพียงแค่ละอองน้ำเท่านั้น ไม่มีควันดำ หรือกลิ่นดีเซล ให้น่าเวียนหัวแต่อน่างใด รวมไปถึงถึงยินเสียงเครื่องที่เงียบ ยิ่งนั่งอยู่ในรถติดเครื่องยนต์ด้วยแล้ว ถ้าไม่บอกแทบไม่รู้เลยด้วยซ้ำไป
ด้านการขับขี่จริงบนสนามฯ การตอบสนองของเครื่องยนต์ดีเซล นั้นมาตามสไตล์เดิม ก็คือ แรงบิดที่มาหนักตั้งแต่รอบต่ำ ช่วยให้มีแรงฉุดกระชากให้รถเคลื่อนตัวพุ่งทะยานได้ไวตั้งแต่ออกตัว แต่ก็ยังพบนิสัยของคันเร่งไฟฟ้า (Drive by Wire) ที่ยังมีจังหวะหน่วงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อเคลื่อนตัวไปถึงราว 1,500rpm กำลังเครื่องจะมีมาให้ใช้อย่างต่อเนื่อง แต่เมื่อเข้าสู่รอบเครื่องสูง จะพบว่าซุ่มเสียงถือว่าให้ความเร้าใจกับการขับขี่แบบสปอร์ตเลยทีเดียว ไม่ดังจนน่ารำคาญ แต่ก็ไม่ได้เงียบจนเกินไป เมื่อลากรอบสูงถึงประมาณ 4,000rpm ขึ้นไป จะพบว่าอาการรอบหมดไว เครื่องยนต์เริ่มตื้อตามสไตล์รถดีเซล เริ่มมาให้สัมผัส และการขับในโหมด D จะพบว่ารอบเครื่องใช้มากเกินจำเป็นไป เราจึงมาลองขับในโหมด M ดู เพื่อ Shift เกียร์ด้วยตนเอง พบว่า ที่รอบเครื่องยนต์ประมาณ 3,000rpm ก็สามารถที่จะสับเกียร์ขึ้นได้แล้ว เพื่อให้แรงบิดถ่ายทอดลงสู่ล้อได้อย่างต่อเนื่อง และดูไหลลื่นเป็นอย่างมากกับเกียร์สกายแอคทีฟ นี้ แต่ก็ต้องระวังหากเราเผลอลากรอบจนชน Redline ตามสไตล์ของมาสด้า เกียร์จะไม่ตัดขึ้นให้ และในบางจังหวะที่เราชะลอความเร็วก่อนเข้าโค้ง เกียร์อาจจะไม่ลดลงให้ทีเดียวถึง 2 ลำดับเพื่อป้องกันรอบเครื่องสูงเกินไป ซึ่งในจังหวะที่เราทดสอบ บางทีถึงต้องเข้าโค้งด้วยตำแหน่งเกียร์ที่สูงกว่าปกติ 1 ลำดับ และพอเข้าโค้งไปแล้ว รอบเครื่องก็ลดต่ำลง กินกำลังเครื่องไปจึงต้องมา Shift Down เกียร์ในโค้งอีกครั้ง ซึ่งอาจเสียจังหวะไปบ้างเล็กน้อย
สรุปเบื้องต้นกับเครื่องยนต์ ดีเซล 1.5 ลิตร สกายแอคทีฟ ดี คันนี้ ถือได้ว่าเหมาะสมกับการใช้งานทั่วไป โดยเฉพาะการขับขี่ในเมืองที่เน้นกำลังในช่วงออกตัว ซึ่งเป็นย่านความเร็วที่ใช้งานบ่อยที่สุด อีกทั้งการประสานการทำงานของเกียร์และเครื่องยนต์ทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องลงตัวทีเดียว เว้นเสียแต่ว่า การขับขี่ในสนามแบบนี้อาจต้องไล่รอบเครื่องสูงเสียหน่อย รวมถึงการควบคุมตำแหน่งเกียร์ที่อาจต้องการความอิสระมากกว่านี้
ด้านของการควบคุมตัวรถ ด้วยการปรับรูปแบบ Track สนามโบนันซ่าฯ เพื่อให้เน้นใช้งานอย่างคล่องตัว ด้วยการเสริม Slalom, Lane Change และ Chicane มันช่วยให้ผู้ขับสร้างความประทับใจให้กับระบบบังคับเลี้ยวของ มาสด้า2 ใหม่นี้ ได้เป็นอย่างดี พวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า ที่มีการปรับอัตราทดให้รวดเร็วขึ้น ช่วยให้การหักเลี้ยว มีความว่องไว แม่นยำ และสัมผัสที่เป็นธรรมชาติดีเยี่ยม อีกทั้งการผ่อนแรงจากวงเลี้ยวพวงมาลัย ซึ่งเรียกได้ว่าปรับปรุงขึ้นจาก มาสด้า2 รุ่นก่อน อย่างเห็นได้ชัด
ระบบกันสะเทือน ช่วงล่างทางด้านหน้า ได้มีการวางตำแหน่งของโช้คอัพให้เยื้องมาทางด้านหลัง (ปรับองศา Caster เยื้องไปทางด้านหลัง) พร้อมปรับระยะแขนให้มากขึ้น ซึ่งการวางตำแหน่งแบบนี้จะช่วยในจังหวะเบรกหน้ารถจะมีบาลานซ์การถ่ายเทที่ดี หน้ารถจะไม่ทิ่มเทไปด้านหน้ามากจนเกินไป และระบบกันสะเทือนด้านหลังทาง ซึ่งใช้โช้คอัพแบบแยกออกจากคอยสปริง ซึ่งโดยส่วนใหญ่มักพบในรถยนต์หรู และหาไม่ได้ในรถระดับนี้ รวมถึงการปรับจุดยึดช่วงล่างหลังใหม่ รวมถึงการใช้ตัวดูดซับแรงซึ่งช่วยเพิ่มรายละเอียดในด้านความนุ่มนวลในการขับขี่เพิ่มมากขึ้น
การยึดเกาะดีขึ้นกว่าเดิมพอสมควร แม้ช่วงล่างหลังจะเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ซึ่งในบางจังหวะ อาจพบว่าการเข้าโค้งด้วยความเร็วบอดี้ รถจะเทเอนไปทั้งลำในทางด้านท้าย แต่ก็ยังคงให้การยึดเกาะที่ดีอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะมีผลจากการทำงานของระบบ DSC และ TCS ร่วมด้วย และพบอาการหน้าดื้อ (Understeer) บ้างเล็กน้อยในโค้ง Hi Speed เพียงเท่านั้น และเนื้อยางที่ใช้ Series แบบ Comfort Eco ที่เน้นประหยัดและนุ่มนวล จึงทำให้การเข้าโค้งที่ความเร็วยางจะส่งเสียงกรีดร้องและอาการไถลของยางจะมีมากหน่อย
นอกจากนั้นในส่วนของระบบเบรก ที่เซ็ตมาเหมือนกับ CX-5 และ Mazda3 ใหม่ ทำให้เบรกลงได้อย่างนุ่มนวลค่อยเป็นไป แต่เทียบกับการขับขี่แบบสปอร์ตเช่นนี้แล้วพบว่า ยังดูตอบสนองช้าไปหน่อย อีกจุดที่น่าประทับใจคือ เราลองเบรกในทางโค้งซึ่ง ตำแหน่งพวงมาลัยไม่ได้อยู่ในแนวตรง ซึ่งลงน้ำหนักดูค่อนข้างหนัก แต่ไม่พบอาการส่ายโคลงของบอดี้รถให้เห็น แต่อย่างใด ซึ่งถ้าเป็นรถรุ่นอื่นในคลาสเดียวกัน น่าจะต้องมีอาการส่ายออกมาให้เห็น แต่ไม่ใช่กับ มาสด้า2 สกายแอคทีฟคันนี้
สรุป มาสด้า2 สกายแอคทีฟ ดี รถอีโคคาร์ เฟส2 คันแรกในประเทศไทย ซึ่งถ้าจะให้เราเรียกกันตามจริง ต้องย้ำอีกครั้งว่ามันคือรถ Sub-Compact (B-Segment) ที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานไอเสียและอัตราสิ้นเปลืองอย่างเข้มงวดลงได้ มันไม่ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อเป็นรถ Low Cost และยิ่งไปกว่านั้น มันเป็นรถ B-Car ที่ให้รูปลักษณ์สปอร์ต และฟังก์ชั่นการใช้งาน รวมไปถึงเทคโนโลยีในด้านการขับขี่ที่เหนือชั้นกว่าใคร ซึ่งบอกได้เลยว่า มันเป็นรถยนต์ที่ขับได้ดีที่สุดใน B-Car บ้านเรา ณ ตอนนี้เลยก็ว่าได้ แต่ตามที่ได้กล่าวไป เพียงจุดเดียวนั่นก็คือยาง ที่เป็นยาง Series Eco ซึ่งทำให้การขับขี่ในสนาม เช่นครั้งนี้ ยังดูไม่ยึดเกาะเท่าที่ควร แต่ก็ว่ากันไป รถคันนี้เน้นผลิตมาจำหน่ายในตลาดประเทศไทยในมาตรฐานรถอีโคคาร์ ซึ่งมันก็เหมาะสมแล้ว กับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
เอาเป็นว่า ตอนนี้ มาสด้า2 สกายแอคทีฟ ดี คันนี้ กลายเป็นทั้ง อีโคคาร์ และ B-Car ที่เรียกได้ว่าดีที่สุดในบ้านเราตอนนี้แล้ว เหลือเพียงแต่ราคาจำหน่ายเท่านั้น ? พร้อมรอคอยการเปิดตัวรุ่น 4 ประตู Sedan แบบครั้งแรกในโลก ที่งาน Motor Expo สิ้นเดือนนี้
ขอขอบคุณ มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย สำหรับการทดสอบมาสด้า2 ใหม่ ณ สนามโบนันซ่าฯ ครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ความคิดเห็น