ภายในงาน Motor Expo 2014 ที่ผ่านมานี้ ทางเราได้มีโอกาสเข้าไปพูดคุยสัมภาษณ์ คุณไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) ซึ่งได้ให้เกียรติมาพูดคุยถึงภาพรวมการตลาดของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รวมไปถึงกลุ่มรถยนต์หรูด้วย
ภาพรวมของยอดขายในกลุ่มรถยนต์หรูนั้น ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป จากปีก่อนที่อยู่ประมาณ 18,000 คัน ปัจจุบันคาดจะโตขึ้นมาเฉลี่ยที่ 2,000 คัน ในปี 2014 นี้ โดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้เป็นผู้นำ มีส่วนแบ่งการตลาดเกินกว่าครึ่งหนึ่ง ในกลุ่มรถยนต์หรูทั้งหมด
ทางบริษัทฯ ยังคงวางแผนขยายไลน์ของสินค้า ให้มีความหลากหลาย เพื่อที่จะจับกลุ่มลูกค้า ใหม่ อย่างเช่นกลุ่มรถเล็กอย่าง A, GLA Class ที่จับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นยุคใหม่ โดยตลาดกลุ่มนี้ ถือเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนมากเป็นอันดับที่ 2 ของเมอร์เซเดส
ในขณะที่กลุ่มรถหรูนั้นยังโตขึ้นอย่างแข็งแกร่งทั้งกลุ่ม M, ML และ S-Class โดยเฉพาะ S-Class ที่ถือว่าเป็นรถยนต์หรูที่คุณภาพสูงประกอบในประเทศช่วยให้ราคานั้นไม่สูงมาก ในขณะที่อัดแน่นฟังก์ชั่นความคุ้มค่าที่ให้มากกว่าใคร ในระดับราคาเดียวกัน
สำหรับรถแนว Dream Car ซึ่งไว้สำหรับการขับขี่ท่องเที่ยวในแบบ Lifestyle เช่น SLK และ SL-Class นั้น ก็ยังมีกลุ่มลูกค้าในกลุ่มนี้อยู่แล้ว และค่อยๆ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ทีละน้อย
แต่สำหรับกลุ่มตลาดหลัก นั้นยังเป็นรุ่น C, E และ S-Class เพราะเป็นกลุ่มลูกค้าดั้งเดิมของเมอร์เซเดส ซึ่งมีสัดส่วนเกินครึ่งของยอดขายเมอร์เซเดสทั้งหมด นอกจากนั้นทางบริษัทฯ ยังเน้นทำตลาดในกลุ่มรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์ bluetech hybrid ซึ่งประกอบในประเทศ และถูกนำมาใช้ใน 3 รุ่นนี้อีกด้วย
ในด้านของไลน์รุ่นรถที่มีมากมาย หลายสิบรุ่น ทางบริษัทฯ ไม่มองว่าจะเป็นการทับไลน์กัน เนื่องจากมีการกำหนดราคา ในแต่ละกลุ่มที่แตกต่างกันอยู่แล้ว อีกทั้งตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น ลูกค้าในแต่ละกลุ่มของเมอร์เซเดส ได้แยกจากกันโดยชัดเจน ซึ่งจะไม่เหมือนรถยนต์ในกลุ่มตลาดหลัก เช่นรถยนต์ญี่ปุ่น ที่ลูกค้าส่วนใหญ่พิจารณา เลือกรถจากงบประมาณ ซึ่งทำให้เกิดการลังเล ได้ในรถยนต์หลายรุ่นที่ราคา ระดับเดียวกันแต่กลุ่มนั้นแตกต่างกัน
นอกจากที่บริษัทฯ จะมียอดขายเติบโตสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์หรูแล้ว ทางเรายังให้ความสำคัญในเรื่องของการบริการหลังการขายเช่นเดียวกันปัจจุบันมีจำนวนของศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายทั้งสิ้น 31 แห่งทั่วประเทศในทุกภูมิภาค
ด้วยสินค้าที่หลากหลายเช่นนี้ หลายคนย่อมสงสัยว่า เมอร์เซเดส อยากจะจับกลุ่มไหนเพื่อเป็น Flagship หรือ เรือธง
คำตอบก็คือ จากทิศทางในปัจจุบันไปถึงอนาคต หลากหลายแบรนด์ได้มุ่งพัฒนา electric car แต่ ณ ขณะนี้ทางเราเน้นรุก hybrid เป็นตัวเรือตัวธง เพราะเป็นสิ่งที่จับต้องและใช้ได้จิงในขณะนี้ แต่ทางเราก็ไม่ทิ้งการพัฒนาในส่วน electric car ด้วย เพราะนั่นเป็นเรื่องของอนาคตในระยะยาว
เมื่อถามกลับไปถึงรถยนต์พลังงานทางเลือกอื่นๆ ซึ่งอาจจะเป็นเทคโนโลยีที่เริ่มเก่าแล้ว อย่างเช่นก๊าซธรรมชาติ ในปัจจุบันประเทศไทยได้ยกเลิกรถ NGT (รถยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติ) ไปแล้ว โดยในตลาดโลกที่ยังใช้อยู่จะเป็นพวกรถหัวลากขนาดใหญ่ ซึ่งแนวโน้มของรถยนต์นั่ง จะลดลงเรื่อยๆ เพื่อให้สอดคล้องไปกับการพัฒนาเทคโนโลยี Hybrid ที่มีศักยภาพสูง
ความคิดเห็น