เมื่อวานนี้ ทาง TSL ผู้นำเข้ารถยนต์อิสระชั้นนำของเมืองไทย ได้เปิดตัวรถสปอร์ตคันใหม่ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในไทย กับ Lexus RC300h F Sport กันไปเรียบร้อย
และเราก็ได้มีโอกาสพูดคุย สัมภาษณ์ คุณสุรีย์ภรณ์ อุดมผลวณิช กรรมการผู้จัดการ TSL Auto Corporation ถึงภาพรวมบริษัท และตลาดรถหรูกันว่า มีแนวโน้มจะเป็นอย่างไรกันต่อไป
การนำเข้า เลกซัส RC300h คันนี้ เชื่อว่าจะเข้ามาเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับ กลุ่มผู้บริหารยุคใหม่ที่ชื่นชอบความสปอร์ต ซึ่งเป็นผู้มีศักยภาพสร้างความสำเร็จในหน้าที่การงานด้วยตัวเอง และต้องการซื้อรถมีสไตล์ โดดเด่นไม่เหมือนใคร แต่ก็ต้องมีสมรรถนะที่ดีเยี่ยม ราคาไม่แพงจนเกินไป (4 ล้านบาท) ซึ่งถือว่าคุ้มค่าราคากับคุณภาพที่ได้รับ ทาง TSL ได้นำรถล๊อตแรกเข้ามาจำหน่าย 10 คัน ซึ่งคาดว่าจะขายหมดในสิ้นปีนี้ ปัจจุบันจำหน่ายไปได้แล้ว 5 คัน
และ คาดว่าปีหน้า RC300h จะจำหน่ายได้ถึง 50 คัน นอกจากนั้นทาง TSL ยังมั่นใจในด้านของการบริการขายหลังจากมีประสบการณ์ในการดูแลเครื่องยนต์ไฮบริดของ โตโยต้า มาอย่างยาวนาน
การพิจารณา ในการเลือกนำรถเข้ามาจำหน่ายนั้น ทาง TSL ไม่ได้มองแต่ในด้านของการขาย เพื่อทำยอดเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญ คือ รถคันนั้นๆ จะต้องมีสมรรถนะที่ดี เหมาะแก่ตลาดในเมืองไทย และที่สำคัญ TSL จะต้องสามารถซ่อมบำรุงรักษา ดูแลรถลูกค้าได้ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการบริการดูแลลูกค้า และยังยินดีให้บริการแก่รถที่ ซื้อมาจากผู้แทนจำหน่ายอื่นอีกด้วย เพราะบริษัทฯ มั่นใจ ในจุดแข็งในด้านของศูนย์บริการ เพราะกว่า 70% ของผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ มักไม่มีศูนย์บริการ เน้นขายอย่างเดียว ทางเราจึงช่วย Support ให้แก่กลุ่มลูกค้าที่อื่นด้วย แต่แน่นอนว่า ในด้านของสิทธิพิเศษ และความสำคัญยังคงต้องให้แก่ลูกค้าของ TSL มาเป็นอันดับหนึ่ง
สำหรับภาพรวมของตลาดรถยนต์นำเข้าในปีนี้ ก็ยังได้รับพิษทั้งจากเศรษฐกิจ และ การเมืองจากผลกระทบในการเปลี่ยนนโยบายภาครัฐ ที่อาจยังไม่แน่ชัด จึงทำให้ยอดต่ำลงถึงกว่า 40% เมื่อเทียบกับปีก่อน
ซึ่งถ้าจะมองตามจริง กลุ่มผู้ซื้อรถยนต์นำเข้า ถือเป็นกลุ่มลูกค้า A+ มีกำลังทรัพย์เพียงพอ ไม่น่าได้ผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ แต่สิ่งสำคัญ คือฟีลลิ่งในการซื้อ หรืออารมณ์ในการจับจ่ายนั้นได้ขาดหายไป ทำให้ผู้มีเงินยังไม่อยากที่จะใช้เงินในช่วงนี้
ในด้านของยอดจำหน่ายนั้น ในปีนี้ สามารถปิดยอดในปี 2014 ได้ 500 คัน โดยมียอดขายรวมทั้งสิ้นประมาณ 1.8 พันล้านบาท เทียบกับปีก่อน 2013 โตขึ้นราว 10% และคาดปี 2015 จะสามารถโตต่อเนื่องได้อีก 10% โดยมียอดขายรวมประาณ 2 พันล้านบาท โดยเชื่อว่าบริษัทฯ จะโตสวนตลาด เพราะยังมองตลาดรวมของรถยนต์นำเข้านั้น น่าจะยังทรงตัว
กับยอดขายที่คาดว่าจะโตขึ้นเรื่อยๆ 10% ต่อปี กับศูนย์บริการทั้งสิ้น 4 สาขา ทั่วประเทศ ได้แก่ แจ้งวัฒนะ, ทองหล่อ, สาทร และ ภูเก็ต นั้นยังถือว่าเพียงพอต่อการบริการลูกค้าในปัจจุบันของ TSL ที่มีฐานประมาณ 5 พันราย
ในขณะที่การขยายเพิ่มจำนวนดีลเลอร์ ศูนย์บริการนั้น อาจยังต้องศึกษาเพิ่มเติมก่อน แต่มองว่าพื้นที่ภาคอีสาน เป็นพื้นที่น่าสนใจ ที่จะลงทุน
ขณะที่รถยนต์ Flagship ของ TSL ขณะนี้ยังคงเป็นรถไฮบริดญี่ปุ่น จาก โตโยต้า ในกลุ่ม MPV และ SUV ได้แก่ Alphard, Vellfire และ Harrier ซึ่งยังเป็น Trend ในขณะนี้ไปจนถึงปีหน้า นอกจากนั้น Mercedes-Benz S300 BlueTec Hybrid AMG ที่อัดเต็มออปชั่น ก็ทำยอดขายได้ดีไม่แพ้กัน เนื่องจากลูกค้ากลุ่มรถหรู มักต้องการรับรถทันที รวมถึงออปชั่นที่อัดแน่นที่มากกว่า หากเทียบสัดส่วนการขายรถของบริษัทฯ แล้ว รถญี่ปุ่นจะมีสัดส่วนถึง 70% ขณะที่ยุโรปจะอยู่ที่ 30%
สำหรับแผนการทำตลาดนั้น จะไม่เน้นลงโฆษณา หรือการลง Ads แล้ว รวมไปจนถึงงบในด้านการเป็นสปอนเซอร์ เนื่องจากกลุ่มตลาดในส่วนของ Motorsport ไม่ได้ถือเป็นกลุ่มลูกค้าของ TSL ซึ่งบริษัทฯ จะเน้นดูแลลูกค้านอกจากรถ แล้วยังดูแลไปจนถึงบุคคล เพราะ จะช่วยส้างความเชื่อค่านิยมให้ลูกค้ามาเป็น Lifestyle เดียวกัน ขณะที่แผนการลงทุน ก็จะมีการเริ่มหา Partner ทางธุรกิจในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งจะเปิดเผยข้อมูลในภายหลัง
ความคิดเห็น