รีวิว 2014 ฮอนด้า เอชอาร์-วี ตอบสนองทันใจ ช่วงล่างไวไปนิด

ฮอนด้า ตัดสินใจแก้เกมรถยนต์เอนกประสงค์ขนาดเล็ก หรือกลุ่มบี เอสยูวี ที่โดนคู่แข่งเปิดตัวแย่งชิงตลาดไปนานโข ด้วยการส่ง 2014 ฮอนด้า เอชอาร์-วี เข้าตลาดอย่างเป็นทางการตั้งแต่กลางเดือนที่ผ่านมา

2014 ฮอนด้า เอชอาร์-วี

ผลของการตอบรถที่สร้างยอดจองไปเกือบ 7,000 คันในรอบเดือนเดียว แม้จะตั้งเป้าหมายในรอบปีที่ 2 หมื่นคัน นอกจากจะสร้างความชื่นมื่นให้กับทีมงานของฮอนด้าเป็นอย่างมาก แต่ก็แลกมาด้วยยอดจองของรถยนต์กลุ่มซี เซกเมนต์ที่ลดลงไปเช่นเดียวกัน

เอชอาร์-วี อีแอล รุ่นท๊อปที่นำมาทดสอบนั้น มาพร้อมราคาจำหน่าย 1.045 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นเราคิดว่ามันแพงเกินไปสักนิด แต่ทีมผู้บริหารของฮอนด้าระบุว่ารุ่นท๊อปนั้นเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมื่อเทียบกับรุ่นย่อยอื่น ๆ

ด้วยแนวทางในการพัฒนาภายใต้แนวคิดของรถครอสโอเวอร์ยุคใหม่ ที่มาพร้อมรูปลักษณ์ภายนอกแบบสปอร์ต แต่ให้พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางและอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาอย่างเต็มพิกัดในฐานะโกลบอล โมเดล รุ่นใหม่ของฮอนด้า ต่อจากซีวิค แอคคอร์ดและซีอาร์-วี

แม้บรรยากาศในการขับขี่จะไม่แตกต่างจากซีวิคยกสูงมากนัก การตอบสนองของเครื่องยนต์มาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง แต่ก็แลกด้วยเสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม และช่วงล่างที่เซตอัพมาอย่างนุ่มนิ่มไปนิดหากเปรียบเทียบกับหน้าตา

แต่เมื่อเทียบกับคู่แข่งที่มีอยู่ ก็ถือว่าคุ้มค่าน่าคบหาดูใจอยู่ไม่แพ้ใครเหมือนกัน!!!

การออกแบบภายนอกสปอร์ต สวยหรู

หากเทียบกับรถในกลุ่มเดียวกันแล้ว เอชอาร์-วีให้บรรยากาศของการออกแบบภายนอกที่ดูแข็งแกร่ง บึกบึนและหรูหรากว่าคนอื่นทั้งหมด ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์ทันสมัยต่าง ๆ เข้าไปในรถคันนี้

การออกแบบเน้นการออกแบบที่โดดเด่นแข็งแกร่งแบบเอสยูวี เข้ากับภาพลักษณ์อันปราดเปรียวของครอสโอเวอร์ มาพร้อมห้องโดยสารที่กว้างแต่มีความสูงที่เหมาะสม เพื่อให้ได้อารมณ์สปอร์ตบนตัวถังที่ใช้งานได้ดี

กระจังหน้าขนาดใหญ่สีเงินตัดดำทำให้รถดูมีมิติเพิ่มมากขึ้นที่ด้านหน้า ผสานกับโคมไฟพร้อมไฟส่องสว่างกลางวันแบบแอลอีดี ขณะที่ไฟท้ายด้านหลังแบบแอลอีดี ที่ส่องสว่างมากขึ้นในยามที่ต้องขับรถตาม

ลายเส้นด้านข้างทำให้ตัวรถดูมีขนาดที่ใหญ่ขึ้นด้วยการตีโป่งของตัวถัง ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้วติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ขณะที่มือจับเพื่อเปิดประตูหลังของรถถูกซ่อนเอาไว้อย่างแนบเนียน แม้จะให้สัมผัสในการเปิดประตูแบบแปลก ๆ ก็ตาม

เครื่องยนต์ตอบสนองปรู๊ดปร๊าดทันใจ

ฮอนด้าเลือกใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรแบบซิงเกิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ 4 สูบ 16 วาล์ว ไอ-วีเทค ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เดียวกับที่ใช้ในฮอนด้า ซีวิค มาพร้อมหัวฉีดน้ำมันแบบมัลติพอยท์ พีจีเอ็ม-เอฟไอ

เครื่องยนต์ดังกล่าวทำงานสอดประสานกับเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีทีรุ่นใหม่ สามารถให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้าที่ 6,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 172 นิวตันเมตรที่ 4,300 รอบต่อนาที

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติแบบซีวีทีรุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งมีน้ำหนักเบาและขนาดที่เล็กกว่าเดิม เรียกกำลังในการขับเคลื่อนรถได้อย่างต่อเนื่องต่อเนื่องและไหลลื่นตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการทำความเร็วสูง ซึ่งอาจจะติดขัดในเรื่องของการควบคุมรถเสียมากกว่า

จุดขายของเครื่องยนต์อีกด้านก็คือการรองรับเชื้อเพลิงอี85 ซึ่งเป็นรุ่นแรกและรุ่นเดียวในรถยนต์กลุ่มบี เอสยูวี ซึ่งแน่นอนว่าแม้ราคาน้ำมันจะเริ่มปรับตัวลดลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังถือเป็นจุดเด่นในเชิงของเทคโนโลยีที่เหนือกว่าคนอื่น

ฮอนด้าบอกว่าในการทดสอบที่ประเทศญี่ปุ่นนั้น น้ำมันเชื้อเพลิงอี85 ให้อัตราการสิ้นเปลืองที่ 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร ขณะที่การทดสอบด้วยเชื้อเพลิง อี20 ให้อัตราการสิ้นเปลืองที่ 15 กิโลเมตรต่อลิตร

ภายในหรูหรา แอบเนี๊ยบ ของเล่นเพียบ

การออกแบบภายในของรถยนต์ฮอนด้าในยุคหลัง ๆ นั้น ให้บรรยากาศห้องโดยสารที่ล้ำยุคและเป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากขึ้น แถมยังเปี่ยมล้นด้วยของเล่นใหม่ที่ติดตั้งมาอัพราคากันมากขึ้นเช่นกัน

ในรุ่นท๊อปนั้น มีการยกชุดเครื่องเสียงและระบบปรับอากาศแบบจอสัมผัสทั้งหมดมาจากแจ๊สและซิตี้รุ่นท๊อป พร้อมด้วยฟังชั่นส์การใช้งานที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย ขณะที่พวงมาลัยติดตั้งระบบมัลติฟังชั่นส์ พร้อมแพดเดิบชิฟท์มาให้เสร็จสรรพ

ผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้งานระบบต่าง ๆ รวมถึงการดูข้อมูลทั้งหมดในตัวรถได้ที่แป้นควบคุมบนพวงมาลัย ที่ติดตั้งอุปกรณ์ต่าง ๆ เหมือนกับยกมาจากรุ่นพี่อย่างแอคคอร์ดและซีวิค ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กับผู้ขับขี่พอสมควร

เพิ่มความหรูหราในห้องโดยสารด้วยหลังคาพาโนรามิก ซันรูฟ ที่สามารถเปิดออกรับแดดรับลมได้ตามเรื่อง การตกแต่งในห้องโดยสารใช้สีดำขรึมเป็นหลักตัดกับสีดำแบบมันเงาและแผงสีเงิน ซึ่งโดยรวม ๆ ถือว่าคุมโทนได้ดี

พื้นที่เก็บสัมภาระตรงกลางระหว่างเบาะคู่หน้าโดยการออกแบบที่โดดเด่นทำร้าย ทำให้เหลือช่องเก็บสัมภาระขนาดเท่าที่วางแก้ว นอกจากนี้ ฮอนด้ายังได้ซ่อนจุดติดอุปกรณ์เชื่อมต่อทั้งหมดเอาไว้ใต้แผงคอนโซลกลาง ซึ่งก็สร้างความลำบากในการใช้งานอยู่พอสมควร

แต่ที่น่าชื่นชมก็คือแผงเกียร์ที่ออกแบบมาอย่างสวยงามอลังการ พร้อมด้วยระบบเบรกมือแบบไฟฟ้าที่ดูลงตัวดีและอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของประเทศไทยกับระบบเบรกมือแบบนี้ของฮอนด้าเลยทีเดียว

ช่วงล่างไม่เหมาะกับความเร็วสูง ที่เหลือโอเค

ฮอนด้าระบุว่ารถยนต์คันนี้ได้รับมาตรฐานความปลอดภัยอาเซียน เอ็นแคป ระดับ 5 ดาว ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความปลอดภัยอย่างเต็มที่ในการใช้งานรถยนต์คันนี้

แต่เรื่องของความปลอดภัยอาจจะไม่ได้เป็นปัญหาเทียบเท่ากับช่วงล่างของรถที่เซตมาในแนวนิ่มนุ่ม ตามที่ทีมงานของฮอนด้าบอกว่าเป็นการทำเพื่อให้เหมาะสมกับถนนที่ไม่ค่อยดีในประเทศไทย

ขณะที่เครื่องยนต์เลือกใช้ 1.8 ลิตรเพื่อให้เหมาะกับสภาพการขับขี่ในประเทศไทยที่ขับรถเร็ว เมื่อนำมาบวกกันก็เลยได้รถยนต์ที่มีช่วงล่างดีที่ความเร็วต่ำถึงปานกลางที่เน้นการขับขี่แบบสะดวกสบาย

แต่เมื่อเปลี่ยนโหมดเป็นการขับขี่ที่ความเร็วสูงนั้น เอชอาร์-วีจะกลายเป็นม้าพยศที่แม้จะยังควบคุมได้แต่ก็ยังต้องเพิ่มสมาธิไปกับมันมากขึ้น ขณะที่ตัวรถก็ออกอาการโยนตัวมากขึ้นตามไปด้วย และอาการบานออกของตัวรถในยามเข้าโค้งก็สามารถจับได้อย่างชัดเจน

จริง ๆ แล้วหากมองในภาพรวมแล้วก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไรมาก หากต้องการเป็นรถสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันสักคัน หากมองข้ามจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ อาทิ ระบบปรับเบาะที่นั่งที่ยังต้องปรับด้วยมือ หรือการเปิดฝากระโปรงหลังที่ยังต้องกดสวิชท์ฝากระโปรงอยู่

ช่วงล่างที่มีปัญหาที่ความเร็วสูงคิดว่าน่าจะปรับจูนได้ไม่ยาก แต่ที่แน่ ๆ ถ้าคิดจะซื้อตอนนี้คงต้องร้องเพลงรอต่อไปนาน ๆ เพราะแบ็กออเดอร์ล้นทะลัก ณ บัดนาว!!!

รายละเอียดทางเทคนิค 2014 ฮอนด้า เอชอาร์-วี อีแอล

ขอขอบคุณ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) สำหรับทริปทดสอบในครั้งนี้

ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com หรือเฟซบุ๊ค Autospinn.Fan รวมถึงทวิตเตอร์ @Autospinn

ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com  
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่ 
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car