ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 31 ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการจัดแสดงรถยนต์และพริตตี้กันอย่างละลานตาแล้ว ได้มีการจัดสัมมนาที่น่าสนใจหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นคือการสัมมนาเกี่ยวกับจุดเปลี่ยนประเทศไทยและการเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
นอกเหนือไปจากเป็นการจัดงานโดยสมาคมผู้สื่อข่าวรถยนต์และรถจักรยานยนต์แห่งประเทศไทย (สรยท.) แล้ว สิ่งที่น่าสนใจก็คือบรรดาผู้ที่ตอบตกลงมาแสดงปาฐกถาในงานนั้นถือว่าไม่ธรรมดา ไล่ไปตั้งแต่ระดับรัฐมนตรียันผู้บริหารระดับสูงของค่ายรถยนต์มากหน้าหลายตา
ต่างคนต่างก็มีมุมมองและแนวคิดที่โดดเด่นและแตกต่าง ที่ออโต้สปินน์ขอนำมาสรุปให้ได้เรียนรู้และเตรียมความพร้อมในการก้าวสู่โลกอนาคตยานยนต์ไปพร้อม ๆ กัน
แต่ถ้ามารวดเดียวก็จะยาวเกินไป ขอสรุปแยกคนแยกประเด็นกันไปอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์นี้ก็แล้วกัน...
องอาจ พงศ์กิจวรสิน ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)
"เราอยากเห็นประเทศไทยพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมของโลก (A world class Automotive and Parts Manufacturing Hub) แต่ก็ยังมีปัจจัยที่ต้องพิจารณาอีกหลายประการ อาทิ การส่งรถยนต์ที่ผลิตในประเทศไปทำการทดสอบที่อาเซียน เอ็นแคป เป็นต้น เพื่อสร้างและพัฒนามาตรฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาค"
มีสถิติตัวเลขที่น่าสนใจจากเขาคนนี้ว่า อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่น่าสนใจหากมองในแง่ของอุตสาหกรรมยานยนต์โลก ในปี 2556 อาเซียนมีการผลิตรถยนต์รวมกันที่ 4.4 ล้านคันคิดเป็นอันดับ 6 ของฐานการผลิตทั่วโลกและมียอดจำหน่าย 3.5 ล้านคัน คิดเป็นอันดับ 5 ของโลก
นอกจากนี้ มีการคาดการณ์ว่า ภูมิภาคแห่งนี้จะเป็นตลาดที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะจะมียอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นเป็น 4.7 ล้านคันในปี 2561 คิดเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของโลก โดยมีตลาดเวียดนามและเมียนมาร์ที่เป็นตลาดดาวรุ่งที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วนับจากนี้
"ที่น่าเป็นห่วงก็คือการผลิตรถยนต์ในไทยหดตัวในช่วงปีที่ผ่านมาเพียงประเทศเดียวในภูมิภาค เราเคยมีสัดส่วนการผลิตสูงถึง 57% ในปี 2556 และลดลงมาเหลือ 47% ในปีนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเติบโตของอินโดนีเซียที่ในปีนี้จะมีตลาดในประเทศ 1.3 ล้านคันและส่งออกอีก 1 แสนคัน"
อย่างไรก็ตาม หากดูที่การเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยจะเห็นได้ว่าการส่งออกมีการเติบโตที่ดี จากโครงการอีโคคาร์เฟส 1 ที่มีการส่งออกไปถึงทวีปอเมริกาเหนือ และเชื่อว่าอีโคคาร์ เฟส 2 ก็จะมาสานต่อความสำเร็จในจุดนี้ รวมไปถึงสินค้าอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นปิกอัพหรือพีพีวีก็จะช่วยผลักดันตลาดส่งออกมากยิ่งขึ้น
ดังนั้น อย่าเพิ่งลบชื่อประเทศไทยจากสารบบการแข่งขันในภูมิภาคนี้แต่อย่างใด!!!
LINE
ความคิดเห็น