เมื่อวันที่ 19-21 พย. ที่ผ่านมานี้ ทาง AP Honda ได้จัดทริปขับขี่ทดสอบสมรรถนะ เชิงรถท่องเที่ยวไปกับ Honda ตระกูล 300 Series ในภาคใต้ ให้คณะดีลเลอร์ จาก Wing Center และสื่อมวลชน ด้วยเส้นทางในวันแรกเริ่มเดินทางจาก สุราษฏธานี -> กระบี่ ซึ่งทางเราไม่ได้เข้าร่วมในช่วงวันแรกเนื่องจากติดภาระกิจ จึงได้มีโอกาสเข้าร่วมทริปทดสอบสมรรถนะ นี้ในช่วงวันที่ 2 เส้นทาง กระบี่ -> พังงา -> ภูเก็ต
การเดินทางนั้น เริ่มออกเดินทางตั้งแต่ Beyond Krabi Resort มุ่งหน้าไปยัง พังงา แวะพักที่ร้านกาแฟ 360 องศา ก่อนเดินทางต่อ ไปเก็บภาพที่สะพานสารสิน ก่อนที่จะเข้ามายังจังหวัดภูเก็ต เพื่อไปเยี่ยมโชว์รูม Big Wing ภูเก็ต และมุ่งหน้าเข้ามาไหว้สักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดไชยธาราราม ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนมาเก็บภาพที่ระลึก กันที่แหลมพรหมเทพ ภูเก็ต และ เดินทางต่อเพื่อเข้าพักที่ดวงจิตต์รีสอร์ท เป็นอันจบทริปในครั้งนี้
สำหรับพาหนะในการเดินทาง ทางเราได้รับเลือกให้ขี่รถ Honda CBR300R ลาย Repsol คันหมายเลข 12
ก่อนอื่นผู้เขียนต้องขออนุญาติ พูดถึงมารยาทการขับขี่ในรูปแบบคาราวานเสียก่อน เนื่องจากมีผู้คนจำนวนมากร่วมทริปไปด้วยกันนั้น สัญญาณมือ และมารยาทในการขับขี่ในขบวน ถือเป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากในกลุ่มขนาดใหญ่ มีคนหลากหลายประเภท และรถแต่ละรุ่นก็มีขีดความสามารถที่แตกต่างกันในแต่ละด้าน การให้สัญญาณ มือ บอกทิศทาง และการหยุดรถ เมื่อคันหน้าทำ และคันหลังต่อๆ มาก็ปฏิบัติตาม ซึ่งจะทำให้ขบวนที่ขี่ตามมาด้านหลังซึ่งใช้ความเร็วในการเดินทางมากกว่า เห็นสัญญาณมือได้อย่างชัดเจน และเตรียมชะลอ เพื่อขับขี่ไปในทิศทางต่างๆ ได้อย่างลปอดภัย รวมไปถึงการแซงกันเอง ในขบวนไม่ว่าจะทางตรงก็ตาม ซึ่งควรมองกระจกให้ดีก่อนแซงทุกครั้ง เพราะต้องระวังรถ Marshall ที่คอยดูแลปิดขบวน ในจังหวะเร่งแซงขึ้นไปเพื่อจะเตรียมบล๊อกถนนแยกข้างหน้าให้ ในขณะที่การแซงทางโค้ง ก็จะต้องระมัดระวังไม่ไปตัดไลน์ ของรถคันอื่น ซึ่งอาจทำให้เกิดการไม่ปลอดภัย และเกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งในทริปนี้ Zero Accident เป็นการสานต่อแคมเปญของทาง AP Honda ได้อย่างดีเยี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของทริปการขับขี่ที่ปลอดภัย
สำหรับการเดินทางไกลด้วยรถ Honda CBR300R นั้น ด้วยความที่มันเป็นรถตระกูลสปอร์ต ซึ่งมีท่านั่งที่ค่อนข้างสบาย เนื่องจากแฮนด์ยึดแผงคอ ที่ยกสูง คล้ายกับ Honda CBR500R รวมไปถึงเบาะนั่งที่นั่งได้อย่างสบาย และความสูงเบาะเพียง 785 มม. จึงทำให้คนหลากหลายสรีระขี่มันได้อย่างงายได้ และสามารถควบคุมได้โดยไม่ลำบากจนเกินไป
ซึ่งจากที่เรานั่งอยู่บนเบาะของรถรุ่นนี้ ทั้งวัน เราไม่พบว่ามีอาการเมื่อยปวดหลัง เหมือนรถสปอร์ตโดยส่วนใหญ่ แต่อาจมีปวดเมื่อยบริเวณไหล่ขวาบ้าง เนื่องจากเป็นด้านที่ต้องควบคุมคันเร่งรถ จึงถือเป็นธรรมดาที่มีการปวดเมื่อยบ้าง
ในด้านของสมรรถนะเครื่องยนต์ พิกัดแท้จริง 286cc สร้างกำลังได้สูงสุด 31 แรงม้า @8,500rpm และแรงบิด 26Nm@7,000rpm การขับขี่ในช่วงเกียร์ต้นๆ เครื่องยนต์ค่อนข้างส่งกำลังได้อย่างต่อเนื่องสมูท ลื่นไม่มีกระชาก เมื่อเตะเกียร์ขึ้นได้โดยไม่กำคลัช เมื่อลากเกียร์ไปจนถึงประมาณ 8,000rpm ขึ้นไป จะพบว่าแรงดึงเริ่มไม่มีมาอีกแล้ว ซึ่งน่าจะงัดเกียร์ขึ้นในช่วงรอบไม่เกินนี้หากต่อการอัตราเร่งที่รวดเร็ว การขับขี่ในช่วงแรกเราใช้ความเร็วเฉลี่ยประมาณ 100 กม./ชม. ซึ่งถือเป็นความเร็วที่รถคันนี้เดินทางได้แบบสบายๆ ไม่เครียดจนเกินไป
ต่อมาในช่วงที่ 2 รถกลุ่มผู้นำ และหลายคันในขบวนส่วนใหญ่ เริ่มเพิ่มความเร็วใช้ความเร็วเฉลี่ยที่ระดับ 120 กม./ชม. ซึ่งเราพบว่า หากขี่ด้วยความเร็วมากกว่านี้เครื่องยนต์จะเริ่มมีอาการสั่นให้เห็นขึ้นมายังมือบ้างแล้ว และจะชัดขึ้นเรื่อยๆเมื่อเร็วขึ้น ในบางช่วงจังหวะที่มีทางตรงยาว หลายคนเริ่มเล่นไล่หา Top Speed ซึ่งเราก็ได้ลองไล่ความเร็วดู ได้อยู่ที่ระดับ 155 กม./ชม. ก็จำต้องผ่อนคันเร่งออกก่อนเพื่อความปลอดภัย
สรุปแล้ว หากการเดินไกลด้วยความเร็วนั้น รถรถตระกูล 300cc ไม่ว่าจะเป็น Honda CBR300R คันนี้ หรือ CB300f น่าจะเหมาะสมที่ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. (เอาแบบสบายๆ ไม่ตึงเครียด) และสามารถ Shoot ทะยานไล่หาความเร็วปลายได้ในระดับหนึ่งที่ไม่สูงเกินไปจนเกิดอันตรายอย่างระดับ 150 กม./ชม. ได้เป็นครั้งคราว (ไม่เหมาะถ้าจะแช่ยาวที่ความเร็วระดับนี้) แต่ถ้าเป็นรุ่น f Naked อาจจะเหนื่อยในการควบคุมมากกว่าเพราะมีลมปะทะมากกว่า รถสปอร์ตที่มีวินชิลด์ ช่วยลดการปะทะของลม
ในส่วนของระบบช่วงล่าง รถคันนี้ถือได้ว่า เซ็ตช่วงล่างออกมาในสไตล์แบบสปอร์ต ทัวร์ริ่ง คือไม่เน้นแข็งเกินไป มีช่วง Damping ของช๊อคอัพในจังหวะ คืนตัวให้พอหน่วง แบบไม่อึดอัด หากขึ่ในถนนที่เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ไม่กระแทกเด้งสวนจนเจ็บก้น แต่ในช่วงการขี่ความเร็วสูงนั้นอาจพบว่าท้ายดูล่อนออกไปนิด หน่อยแต่ก็ ตามแบบฉบับของรถตระกูลนี้ เน้นนั่งสบายผ่อนคลายขับขี่ที่ความเร็วไม่สูงจนเกินไป ซึ่งโดยรวมแล้วค่อนข้างน่าพอใจ กับการเดินทางยาวๆ เช่นในทริปนี้
ด้านระบบเบรกแบบจานดิสก์เดี่ยวหน้า-หลัง พร้อมคาลิปเปอร์จาก Nissin ที่มาพร้อมระบบ ABS ยังคงทำหน้าที่ได้อย่างดี แม้น้ำหนักจะไม่แน่นตึ๊บติดมือ และระยะเบรกยังดูไม่เป็นธรรมชาติมากนัก จากการที่มีระบบ ABS เข้ามาป้องกันระบบล้อล๊อก แต่มันช่วยให้การเบรกกรณีฉุกเฉิน สามารถควบคุมรถได้อย่างง่ายดายโดยไม่เสียการควบคุม ซึ่งมันดูเหมาะแก่การขับขี่ในเมืองที่ไม่อาจคาดคิดสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้เป็นอย่างมาก คือโดยรวมแล้ว ก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีพอตัว และการเสริม ABS เข้ามาช่วยให้ ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น
สรุป รถจักรยานยนต์ ที่พิกัดไม่มากนักอย่าง Honda CBR300R ซึ่งบางคนอาจเรียกได้ว่าเป็น Bigbike ขนาดเล็ก ที่ดูจะเหมาะแก่การใช้งานในเมืองเป็นหลัก จากน้ำหนักตัวที่มาก และมีขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปสามารถที่จะขับซอกแซก ในเมืองได้โดยง่าย อีกทั้งเครื่องยนต์ขนาด 1 สูบ ที่ให้อัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าดต่ดเนื่องในช่วงต้น แต่แล้วกับการเดินทางไกล เช่นการขับขี่ท่องเที่ยวออกทริปล่ะ
ด้วยความที่เป็นรถในสไตล์สปอร์ต มันจึงมีวินชิลด์หน้าที่ช่วยกันลมปะทะ แก่ร่างกายได้ทำให้การขับขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ยราว 120 กม./ชม. กับรถตระกูล 300 Series อย่าง CBR300R คันนี้ยังสามารถขี่ด้วยความเร็วยืนพื้นได้โดยไม่เครียดจนเกินไป แต่ถ้ามากกว่านั้น แม้ลมจะไม่ตีปะทะมาก แต่เครื่องจะเริ่มสั่นมากขึ้นจนมีอาการขึ้นมาให้สัมผัสได้ถึงช่วงแฮนด์ และหากคุณเป็นพวกขับด้วยความเร็วเฉลี่ยระดับ 140 กม./ชม. ไปแล้วล่ะก็ เราขอแนะนำให้เลือกอัพ cc คบตระกูล Honda 500 น่าจะเหมาะสมเสียกว่า
ด้วยราคาค่าตัว 1.33 แสนบาท และ 1.36 แสนบาท สำหรับลาย Repsol คันนี้ เมื่อเทียบกับสปอร์ตคู่แข่งที่ใช้เครื่อง 1 สูบ จะมีราคาสูงกว่าราว 1.2 หมื่นบาท ซึ่งจะว่าไปด้วยเครื่องยนต์พิกัดที่สูงกว่า และบล๊อกใหม่ มันทำให้ดูน่าสนใจมากกว่า ยกเว้นเสียแต่คนจะมองที่ดีไซน์รูปลักษณ์ ซึ่งจุดนี้ก็คงแล้วแต่ความชอบส่วนบุคคลแล้วล่ะ
ขอขอบคุณ AP Honda สำหรับทริปทดสอบ Honda 300 Series เชิงท่องเที่ยวในครั้งนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ความคิดเห็น