วันนี้ถือเป็นวันทำงานวันแรกของปี 2015 ทางเราก็ต้องขอขอบคุณแฟนๆ Autospinn ที่ได้ติดตามผลงานกันมาต่อเนื่องตลอดปีที่ผ่านมา ผู้เขียนเองในนามของทีมงาน Autospinn และ Icarasia ขออวยพรให้แฟนๆ ทุกท่านประสบแต่ความสำเร็จ มีความสุขสมปรารถนากันถ้วนหน้าครับ ในวันนี้กับการทำงานวันแรกของปี เราขอพาทุกท่านมาพบกับรีวิวรถยนต์ ที่เราจะนำเสนอเป็นคันแรกของปีนี้ กับรถ Crossover ไซส์เล็กคันงาม จากค่ายตราดาวซึ่งได้คุณ ชมพู่ อารยามาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์คนแรกของ Mercedes-Benz นั่นคือ Mercedes Benz GLA 200 Urban คันนี้
ภายนอก Mercedes-Benz GLA ถือเป็นรถที่ดูสวยงามลงตัว โดดเด่นตามแบบฉบับรถ Mercedes สมัยใหม่ ซึ่งจะว่าไปมันดูคล้ายกับ A-Class หลายส่วนด้วยกัน ทั้งไฟหน้าไบซีนอน ที่มาพร้อมไฟเลี้ยวและไฟ Daytime Running Light เป็นแบบ LED เช่นเดียวกับไฟเบรก และไฟท้าย กระจังหน้าสีเงินโครเมียม ดูหรูหรา รับกับชายสเกิร์ตหน้า และหลังสีเงิน ช่วยเสริมความสวยงามให้กับรถในคราบ Crossover ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นท่อไอเสียออกคู่ทรงเหลี่ยม ยังช่วยเสริมภาพความเป็นรถสปอร์ตหรูเข้าไปใน GLA คันนี้อีกด้วย เราอาจเปรียบ GLA ได้ว่ามันเป็น A-Class ในร่างยกสูง ซึ่งจะมีขนาดตัวที่ใหญ่ A-Class อยู่เล็กน้อย เปรียบได้กับไซส์รถกลุ่ม C-Segment ทั่วไป
*หมายเหตุรถทดสอบคันนี้ สวมล้อขอบ 18” ยางซีรีย์ 235/50/18 ซึ่งโฉมจำหน่ายล่าสุด จะถูกปรับเป็นขนาด 19” สวมยางขนาด 235/45/19
ภายในห้องโดยสาร GLA เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะพบกับห้องโดยสารที่ดูคล้ายคลึงกับ A-Class แทบจะทุกอย่างทั้งแผงหน้าปัด แผงคอนโซลกลาง และแผงคอนโซลหน้า รวมไปถึงจอ Freestand โดยใช้วัสดุหุ้มเบาะทรงสปอร์ตเป็นแบบหนังผสมผ้าสีดำเทา ออปชั่น มาครบทั้งพวงมาลัย Multifunction, ระบบปรับอากาศ Thermatic, เบาะคู่หน้าแบบปรับไฟฟ้า พร้อมตัวดันหลัง และมีหน่วยความจำถึง 3 ค่า เบาะตอนหลังสามารถพับปรับได้ 1/3 , 2/3 หรือจะพับราบเพื่อขยายพื้นที่วางของจาก 421 ไปเป็น 1,235 ลิตร ก็ทำได้
แม้ว่าภายนอก GLA จะดูมีทรวดทรงที่สวยงามไร้ที่ติ แต่การใช้งานจริงของภายในห้องโดยสารนั้น ก็พบว่ายังมีจุดติอยู่บ้าง ได้แก่ ทัศนวิสัยภายในห้องโดยสาร ที่ดูค่อนข้างแคบ และมีมุมอับเยอะมาก ที่เสา B ด้านข้าง เวลาจะเปลี่ยนเลนจะต้องระวังรถจักรยานยนต์ ทางฝั่งซ้ายให้ดี เพราะกระจกมองข้างจะมองไม่เห็นถือเป็นจุดบอดอย่างหนึ่งในการขับขี่ที่ต้องระมัดระวัง และประตูบานท้ายที่หนัก และไม่มีระบบกลไกไฟฟ้าช่วยในการเปิด-ปิด ซึ่งหากเป็นคุณแม่บ้านที่ต้องาการไปจ่ายตลาดอาจจะเหนื่อยได้กับการยกเปิดประตูบานท้ายนี้
ขุมพลังเครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร เทอร์โบ หัวฉีดตรง ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า@5300rpm และมีแรงบิดสูงสุดที่ 250Nm@1250-4000rpm
แม้ว่าตัวรถนั้นค่อนข้างหนักทีเดียว ใช้เครื่องยนต์ความจุไม่สูงมาก และมีแรงม้าไม่มากนัก แต่ก็ไม่ต้องกลัวว่ารถ จะอืด เพราะ แรงบิดที่ระดับ 250Nm มีให้ให้ใช้ตั้งแต่รอบเครื่องต่ำ ทันทีที่ออกตัว หากกดคันเร่งมิด จะพบช่วงหน่วงของคันเร่งเสี้ยวอึดใจ จากน้ำหนักของแป้นคันเร่งที่ถือว่าหนักพอสมควร ราวกับขับรถที่มีโหมด Eco ซึ่งหน่วงการเปิดของลิ้นผีเสื้อให้ช้าลง แต่สำหรับ GLA คันนี้ เมื่อพ้นช่วงหน่วงและกำลังอัดของเทอร์โบเริ่มทำงาน ผู้ขับอาจได้ยินเสียงเอี๊ยดที่ล้อเมื่อกดคันเร่งมิดตั้งแต่ออกตัวหยุดนิ่ง พร้อมกับแรงดึงกระชากให้หลังติดเบาะได้ ไม่ยาก ช่วยเสริมอรรถรสในการขับขี่ ให้เหมาะสมกับการเป็นรถรูปลักษณ์ Sport Compact Crossover
หากต้องการให้ตัวรถตอบสนองได้รวดเร็วว่องไว ขอแนะนำให้ กดปุ่มเลือกโหมดการขับเคลื่อนที่อยู่ใกล้ไฟฉุกเฉิน เพื่อเลือกไปยังโหมด S นั่นให้การตอบสนองนั้น ทำได้ว่องไวยิ่งขึ้น รวมไปถึงลากรอบเครื่องยนต์ได้สูงจนไปชนขีด Redline ก่อนที่จะตัดขึ้นเกียร์ ซึ่งมันจะมอบอรรถรสการขับขี่ที่ดีขึ้น จนอาจทำให้คุณลืมไปเลยว่ารถคันนี้ มีกำลังเพียง 156 ม้า เท่านั้น
ด้านตัวเลขเคลมตามโบรชัวร์ ก็น่าสนใจไม่น้อย อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม. อยู่ที่ 8.8 วินาที และ มี Top speed อยู่ที่ 215 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยอยู่ที่ 17 กม./ลิตร
สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติ แบบ DCT (Dual-Clutch Transmission) 7 Speed นั้นมีจังหวะในการเปลี่ยนเกียร์ที่ทำได้อย่างรวดเร็วเป็นเอกลักษณ์ มีฟีลลิ่งให้สัมผัสถึงช่วยการขึ้นเกียร์ให้ได้รับรู้อยู่ ซึ่งตามที่ได้กล่าวไปข้างต้นมันถือเป็นอรรถรส อย่างหนึ่งในการขับขี่รถ Mercedes แต่จุดที่ยังไม่น่าประทับใจนัก จะเป็นช่วงจังหวะที่กดแป้น Paddle Shift เพื่อต้องการ Shift เกียร์ด้วยตนเอง ยังพบว่า บุคลิกนั้นยังคล้ายกับ รถที่ใช้เกียร์ DCT จากแบรนด์อื่น นั่นคือ กดแป้น Shift ไปแล้ว กว่าที่ตำแหน่งเกียร์จะลดลงต้องใช้เกือบวินาทีด้วยกัน
ตัวเลขความเร็วสัมพันธ์กับรอบเครื่องยนต์ที่ได้ทดสอบ 3 ค่า ได้ดังนี้ 80 กม./ชม.= 1,500rpm 100 กม./ชม.= 1,850rpm 120 กม./ชม.= 2,200rpm
ด้านการควบคุมผ่านพวงมาลัยผ่อนแรงไฟฟ้า ซึ่งยังพบว่า ให้น้ำหนักที่ไม่เบามากนักขณะสาวเลี้ยวออกตัว อาจเป็นผลมาจากการใช้ล้อขอบ 18” ด้วยส่วนหนึ่ง มันดูเหมือนว่าจะขับสาวได้อย่างคล่องตัวในวงเลี้ยว หรือการซอกแซกในที่แคบ หรือขณะวนขึ้นลานจอดรถ แต่ความเป็นจริง ไม่เป็นเช่นนั้น เพราะว่ารัศมีวงเลี้ยวถึง 5.9 ม. ซึ่งถือว่าค่อนข้างกว้างมากทีเดียว เกือบจะเท่าวงเลี้ยว Pick Up แบบตอนเดียว ทำให้ขณะกลับรถ หรือเวลาเลี้ยววนขึ้นลานจอดที่แคบ จะต้องตีวงเพื่อเปิดวงเลี้ยวให้กว้างเอาไว้ และพวงมาลัยที่ดูมีน้ำหนักนั้นหากวนขึ้นลานจอดรถระดับ 7-8 ชั้น ก็อาจมีเมื่อยมือได้บ้าง
แต่สำหรับการขับขี่ขณะเดินทาง หรือทำความเร็ว รวมไปถึงการควบคุมในทางโค้งนั้น มันไม่ทำให้ผิดหวัง พวงมาลัยดูหนักแน่น และหนืดมือ และมีระยะฟรีที่น้อย ทั้งหมดนี้ส่งผลให้การควบคุมตัวรถนั้นทำได้อย่างมั่นคงดีเยี่ยม
ระบบกันสะเทือนช่วงล่าง ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้ Mercedes-Benz ดูมีเอกลักษณ์ แตกต่างจากแบรนด์อื่น หรือแม้กระทั่งแบรนด์เยอรมันด้วยกัน ช่วงล่างอิสระแบบ Double Wishbone ทั้งหน้าและ หลัง ที่ดูแข็แข็งแกร่งแน่นเฟิร์ม ให้ความรู้สึกชัดเจนว่านี่ล่ะ ช่วงล่างแบบรถยุโรปโดยแท้
โดยทั่วไปแล้วรถแนว Crossover รวมไปถึงช่วงล่างในแบบฉบับของ Mercedes จะเซ็ตออกมาให้ความรู้แข็งไปหน่อย แต่กลับ GLA คันนี้ ถือว่าเซ็ตออกสไตล์ Comfort ได้ดีด้วย เรียกได้ว่า นั่งสบายกว่าที่คิดไว้ ไม่พบอาการตึงตังของตัวรถ เมื่อผ่านทางขรุขระ แม้ระยะ Bump Rebound จะช่วงสั้น แต่มันกลับดูดซับแรงสะเทือนได้ดี แม้จะใช้ล้ออัลลอยขอบ 18” แต่แก้มยาง 50 มม. ก็ไม่ทำให้รู้สึกแข็งแต่อย่างใด นอกจากนั่งสบายแล้ว มันก็ไม่ได้นิ่มเกินไป ยังเกาะถนนได้ดีด้วยไม่แพ้กัน ซึ่งหากขับเข้าโค้งวงกว้างบนทางต่างระดับ มันสามารขับเข้าได้ที่ความเร็วสูงอย่างมั่นคง โดยหากคุณละสายตาลงมามองที่หน้าปัด อาจต้องตกใจกับความเร็วว่า ที่ความเร็วสูงมันยังคงทำได้อย่างดีมั่นคงไม่แพ้รถในบอดี้ A-Class เลย ทั้งที่มันเป็นโฉมยกสูง
สรุป GLA200 Urban รถ Crossover เล็กสำหรับการใช้งานในเมือง ต้องเรียกว่า มันเป็นรถที่เหมาะแก่ผู้มีรสนิยม ชอบดีไซน์ที่สวยงาม เลอค่า แก่ความเป็นแบรนด์ Mercedes-Benz รูปลักษณ์ที่สวยงามสะกดสายตา แม้ว่าการขับขี่นั้นอาจจะดูขับยากไปสักหน่อย เนื่องจากมุมอับของรถที่มีหลายตำแหน่ง ซึ่งการขับรถในตัวเมืองคงต้องอาศัยความระมัดระวังเพิ่มขึ้น แต่การขับขี่เดินทางไกล ทั้งพละกำลัง และแชสซีส์ตัวรถที่ต้องเรียกได้ว่า ยังคงให้ความมั่นคงในด้านการควบคุมตามแบบฉบับของ Mercedes ที่ถือเป็นจุดเด่นของตัวรถ มันยังคงรองรับการขับขี่แบบ Fun to Drive ได้แม้จะอยู่ในคราบรถยกสูงก็ตาม
เอาเป็นว่าหากคุณเป็นคนมีรสนิยมชอบแบรนด์ Mercedes และมองหา Crossover คันไม่ใหญ่เกินไปแล้วล่ะก็ GLA200 Urban นั้นคงเป็นตัวเลือกที่ดูจะคุ้มค่ากับเงิน 2.44 ล้านบาท ไม่น้อย
ขอขอบคุณ Mercedes-Benz ประเทศไทย สำหรับรถ Mercedes-Benz GLA 200 Urban สีขาว Cirrcus White คันนี้
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
อัปเดตข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับเรา Autospinn
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน ได้ที่นี่
ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เช็คราคารถมือสอง ได้ที่ one2car
ความคิดเห็น