มาสด้า 2 กลายเป็นรถซับคอมแพกต์ที่มาสด้าตั้งความหวังไว้สูงสุด ไม่เพียงมีเป้าหมายถล่มตลาดเอเชียเพื่อแย่งชิงเค๊กจากค่ายรถญี่ปุ่นรายอื่นเท่านั้น แต่ยังต้องการรื้อฟื้นยอดขายทางฝั่งตะวันตกด้วย
มาสด้า 2 สเปกอเมริกาจะขึ้นสายการผลิตที่โรงงานแห่งใหม่ของมาสด้าในประเทศเม็กซิโก ซึ่งเพิ่งเปิดสายการผลิตไปเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้วและเพิ่งฉลองการผลิตครบรอบ 100,000 คันเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา โรงงานดังกล่าวทำการผลิตทั้งมาสด้า 2 และมาสด้า 3 รุ่นใหม่
นอกจากการผลิตและทำตลาดตามปกติแล้ว มาสด้ายังจะร่วมมือกับโตโยต้าด้วยการส่งพื้นฐานรถมาสด้า 2 รุ่นใหม่ให้โตโยต้านำไปพัฒนาเป็นรถรุ่นใหม่ออกจำหน่ายภายใต้โลโก้ของโตโยต้าด้วย
โตโยต้าจะปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกใหม่ทั้งหมด แต่ภายในห้องโดยสารจะยังคงดีไซน์แบบเดียวกับมาสด้า 2 ทุกประการ แน่นอนว่าโตโยต้าจะไม่สามารถใช้ชื่อ “สกายแอคทีฟ” ได้เพราะนั่นคือจุดขายสำคัญที่สุดของมาสด้าในเวลานี้
ค่ายรถเบอร์หนึ่งของโลกอย่างโตโยต้าจะใช้โครงการพัฒนารถขนาดเล็กดังกล่าวในการประเมินผลความร่วมมือกับมาสด้าและพิจารณาว่าพวกเขาควรจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในเม็กซิโกหรือไม่ โดยปัจจุบัน โตโยต้ามีโรงงานเล็กๆในแดนจังโก้เท่านั้น
มาสด้า 2 ยังถือเป็นอาวุธสำคัญที่มาสด้าจะใช้ฟาดฟันเพิ่มส่วนแบ่งตลาดในเซกเมนท์รถซับคอมแพกต์ที่มีขนาดเล็กมากในสหรัฐอเมริกา โดยยอดขายรถขนาดเล็กคิดเป็นสัดส่วนเพียง 9% จากยอดขายรวมทั้งหมด แถมมาสด้า 2 ยังอยู่ถึงอันดับ 11 ในเซกเมนท์ดังกล่าวด้วย
แม้กระทั่งรถซับคอมแพกต์อเมริกันอย่างเชฟโรเลต โซนิคและฟอร์ด เฟียสต้าซึ่งมักเป็นรองรถญี่ปุ่นในตลาดประเทศอื่น ก็ยังมียอดขายแซงหน้ามาสด้า 2 ในอเมริกาไปแล้ว
ยอดขายของมาสด้า 2 พุ่งสูงสุดในอเมริกาเมื่อปี 2012 ด้วยตัวเลข 19,315 คัน ส่วนปี 2013 ยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 11,112 คัน สำหรับยอดขายมาสด้า 2 ทั่วโลกในปี 2011 อยู่ที่ 212,144 คัน แต่ตกฮวบเหลือ 144,091 คันในปี 2013
ดังนั้น ผู้บริหารของมาสด้าจึงฝากความหวังไว้กับการ “ปฏิวัติ” ทั้งระบบวิศวกรรมและการออกแบบของมาสด้า 2 เจนเนอเรชั่นใหม่ที่จะสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าทั่วโลก
ความคิดเห็น