2014 ซูซูกิ ฮัสท์เลอร์ น่ารัก ขับดี 660 ซีซี. จริงหรือนี่

หลังจากนำเข้ามาแสดงตัวอย่างเป็นทางการในงานมหกรรมยานยนต์ปีที่ผ่านมาสำหรับ 2014 ซูซูกิ ฮัสท์เลอร์ รถเล็กรุ่นใหม่จากค่ายซูซูกิที่ไม่แน่ใจว่าจะเป็นแค่การนำมาโชว์หรือจะเป็นการโยนหินถามทางสำหรับรถที่รูปทรงประหลาดตารุ่นนี้

ตลาดประเทศไทยเองนั้นไม่คุ้นเคยกับรถหน้าตาประหลาดแบบนี้เพราะไม่มีใครยอมเอาเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง แถมยังติดปัญหาในเรื่องเครื่องยนต์ 660 ซีซี. ซึ่งเป็นเครื่องยนต์พิกัดรถเคคาร์ ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในญี่ปุ่น

เราอาศัยจังหวะสุดท้ายก่อนที่รถคันนี้จะถูกชิปขึ้นเรือกลับประเทศญี่ปุ่นในช่วงสุดสัปดาห์นี้ ขอหยิบยืมรถจากผู้บริหารของซูซูกิ ประเทศไทย เพื่อลองว่าเจ้ารถเล็กคันนี้หากนำมาวิ่งบนท้องถนนประเทศไทยแล้วถือว่าเหมาะสมหรือไม่

จริง ๆ แล้วผมเคยมีประสบการณ์กับรถยนต์เครื่องเล็ก ไซส์เล็กพวกนี้มาก่อนแล้ว เพราะเคยลองขับฮอนด้า ไลฟ์ในช่วงหลายปีก่อนหน้านี้ ช่วงที่โครงการอีโคคาร์กำลังพิจารณากันอย่างเข้มงวด และรถยนต์ไซส์เล็กเหล่านี้ 'เคย' ถูกคาดหวังว่าจะเข้ามาเป็นอีโคคาร์ในประเทศไทย

แม้ความฝันที่จะเห็นรถเล็ก ราคาถูกมาก จางหายไปตามการล๊อบบี้ แต่การที่ซูซูกิซึ่งเป็นเจ้าพ่ออรถเล็กตัดสินใจนำรถเหล่านี้เข้ามาทำทางในประเทศไทย ก็น่าจะพอปลุกกระแสขึ้นมาได้บ้าง

เห็นได้จากผู้คนที่ยืนรายล้อมและถามไถ่แล้ว ต้องบอกว่ากระแสไม่ธรรมดา!!!

หน้าตาภายนอก ปรับให้บึกบึนก็ยังน่ารัก

แม้ฮัสท์เลอร์จะได้รับการคาดหมายว่าจะตอบสนองความต้องการของลูกค้ากลุ่มผู้ชายที่ต้องการความบึกบึนของรถมากกว่าฝาแฝดที่เกิดก่อนอย่างซูซูกิ ลาแปง ชอกโกลา ที่ชัดเจนว่าเน้นกลุ่มลูกค้าผู้หญิงมาโดยตลอด

แม้จะเป็นรถเล็กแต่ก็เต็มเปี่ยมไปด้วยเทคโนโลยีที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้าแบบแอลอีดี ระบบเข้า-ออกจากตัวรถด้วยปุ่มกดข้างประตู กล้องมองหลังที่ถูกซ่อนเอาไว้อย่างลงตัวสวยงาม

ถ้าถามว่าสวยไหมก็คงต้องตอบตรง ๆ ว่าเป็นแนวทางการออกแบบที่ผมมองว่าไม่ค่อยลงตัว แต่ก็เข้าใจว่าหากมองไปที่แนวคิดในการพัฒนาแต่ต้นเพื่อให้ได้รถที่ดูคิกขุอาโนเนะ ก็คงพอจะเข้าใจได้ว่าไม่สามารถออกแบบให้บึกบึนไปมากกว่านี้ได้แล้ว

ตำแหน่งการเปิดประตูกว้างขวางทุกตำแหน่ง สามารถก้าวเข้า-ออกจากห้องโดยสารได้อย่างสะดวกโยธิน แถมการขนข้าวของเข้ารถก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แถมยังให้ตำแหน่งการก้าวเข้า-ออกจากห้องโดยสารที่สะดวกสบายไม่ว่าผู้โดยสารวัยใดก็ตาม

การตกแต่งภายนอกของตัวรถเน้นความสดใสด้วยสีลูกกวาดหลากหลาย คันที่นำมาทดสอบเป็นสีฟ้าตัดกับขาวที่ตำแหน่งต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังเน้นสีโทนสดใสแบบพาสเทล ซึ่งทำให้ต้องถามว่านี่คือการออกแบบเพื่อกลุ่มผู้ชายแน่หรือ

ผมชอบการใส่ใจในรายละเอียดในการออกแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของรถที่ไม่ได้มองว่าตัวเองเป็นรถราคาย่อมเยา ลายล้ออัลลอยนั้นถือว่าสวยกว่ารถแพงกว่าในประเทศไทย หรือแม้แต่รายละเอียดของโคมไฟหน้า-หลังก็ถือว่าน่าสนใจ

เครื่องยนต์เล็กที่ขับชิลล์ดี เร่งแซงได้

แม้ฮัสท์เลอร์จะใช้เครื่องยนต์บล็อกเล็กแบบ 3 สูบ ขนาด 660 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุดเพียง 52 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุดที่ 63 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที ในรุ่นที่นำมาทดสอบเป็นระบบขับเคลื่อนสองล้อ ที่มีจุดเด่นที่อัตราความประหยัดน้ำมันยอดเยี่ยมที่ 28 กม./ลิตร ตามสเปกชีท

ต้องไม่ลืมว่านี่คือรถยนต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาบนโครงการรถยนต์นั่งขนาดเล็กเพื่อการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ดังนั้น การทดสอบก็จะเน้นความคล่องตัวในการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ซึ่งหากมองที่มุมนี้แล้ว ถือว่าฮัสเลอร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม

การออกตัวถือว่าคล่องตัวไม่แพ้รถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่า และหากขับที่ระดับความเร็ว 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วพื้นฐานที่ใช้ในการพัฒนา ก็ต้องถือว่าให้การตอบสนองที่ดีเยี่ยม รวมถึงอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันระดับ 20 กิโลเมตรต่อลิตรได้สบาย

แต่หากต้องการความดุเดือดในการขับขี่ รถคันนี้สามารถวิ่งทำความเร็วไปที่ระดับ 100-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้อย่างสบาย และยังสามารถทำความเร็วสูงสุดได้มิดไมล์ที่เตรียมไว้ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่เครื่องยนต์จะตัดการทำงานเพื่อรักษาความเร็วไม่ให้มากกว่านั้น

เกียร์อัตโนมัติซีวีทีที่ติดตั้งมาให้ถือว่าฉลาดและตอบสนองต่อการขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยม มาพร้อมโหมดสปอร์ตที่เพียงกดปุ่มข้างพวงมาลัย เครื่องยนต์จะให้การตอบสนองแบบปรู๊ดปร๊าดขึ้น เรียบเนียนขึ้นและยังเป็นการตัดระบบไอเดิล สต๊อปไปในตัว

หากมองในความเป็นรถยนต์เพื่อการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ฮัสท์เลอร์ได้รับการติดตั้งระบบไอเดิล-สต๊อป ซึ่งจะตัดการทำงานของเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติหากรถยนต์จอดนิ่ง ซึ่งช่วยประหยัดน้ำมันได้อีกเล็กน้อยและยังรบกวนโลกของเราน้อยลงอีกหน่อย

ที่โดดเด่นไม่น้อยก็คือระบบนี้จะสามารถคำนวนได้ว่ามีการใช้ระบบนี้เป็นระยะเวลานานเพียงใด และจะรายงานอย่างละเอียดยิบทั้งเรื่องของเวลาและตัวน้ำมันที่ประหยัดลงไปละเอียดเป็นมิลลิลิตร ก่อนที่จะดับเครื่องยนต์ในแต่ละครั้ง

ภายในเอนกประสงค์บนงานประกอบระดับเนี๊ยบ

ห้องโดยสารภายในสำหรับรถยนต์ที่ประกอบมาจากประเทศญี่ปุ่น ยังเป็นความหลงใหลส่วนตัวของผมมาโดยตลอด แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่เลือกทั้งวัสดุที่ให้สัมผัสที่ดีเยี่ยมและงานประกอบที่เนียนเนี๊ยบแบบเหนือชั้น

ที่แผงคอนโซลหน้าของรถ คุณจะพบงานออกแบบสไตล์มินิมอลลิสต์ที่แฝงเอาไว้ด้วยเทคโนโลยีเหนือชั้น แผงคอนโซลที่ประกอบด้วยพวงมาลัย คันเกียร์ หน้าจอแสดงผล ระบบปรับอากาศและแผงหน้าปัด กลับใส่อุปกรณ์ที่จำเป็นในการใช้งานเอาไว้อย่างครบถ้วน

การใส่รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ลงไปทำให้รถมีความน่ารักและพร้อมใช้งานมากขึ้น อาทิ การเก็บที่วางแก้วน้ำขนาดเล็กสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าไว้ที่คอนโซลหน้าแบบเนียน ๆ กว่าจะหาเจอก็ใช้เวลาเอาเรื่อง

พวงมาลัยน้ำหนักเบาไปเล็กน้อย มาพร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงที่ควบคุมได้แบบครอบคลุมในปุ่มเพียงไม่กี่ปุ่ม ที่ความเร็วสูงก็ไม่ได้มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นมา หรืออาจจะเป็นเพราะว่ารถคันนี้ไม่ได้ออกแบบมาให้ขับที่ความเร็วสูงกันนะ

ส่วนแสดงผลข้อมูลหลักอยู่ที่ด้านหลังพวงมาลัย มาพร้อมส่วนแสดงความเร็วของรถขนาดใหญ่ แต่ไม่มีแสดงรอบเครื่องยนต์ ที่คาดว่าจะวิ่งรอบสูงอยู่เกือบตลอดเวลา เพิ่มความโดดเด่นด้วยหน้าจอดิจิตอลขนาดเล็กที่แสดงผลกราฟฟิกได้หลากหลาย

เบาะที่นั่งน้ำหนักกำลังดี มีขนาดกว้างขวางนั่งสบายและรองรับน้ำหนักผู้ขับขี่และผู้โดยสารค่อนข้างดี โดดเด่นในเรื่องของความเอนกประสงค์ของการปรับเบาะให้เหมาะสมกับการใช้งาน โดยเบาะตอนหลังสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลังและพับได้แบบ 50:50 โดยมีสลักพับได้จากด้านหลังของตัวรถ

เบาะที่นั่งฝั่งซ้ายตอนหน้า สามารถพับเรียบลงมาเพื่อประโยชน์ในการแบกสินค้าชิ้นยาวหรือแม้แต่เป็นถาดวางสำหรับรับประทานอาหารก็ได้ มีที่เสียบชาร์จไฟติดมาที่ห้องบรรทุกสัมภาระ เรียกได้ว่าเป็นรถที่เอนกประสงค์ที่สุดคันหนึ่งเลยทีเดียว

อยากให้เอามาขาย แต่อยากรู้ว่าจะราคาเท่าไหร่

ราคาจำหน่ายของฮัสท์เลอร์ในประเทศญี่ปุ่นนั้นมีเรนจ์ที่หลากหลายมากไล่กันไปตั้งแต่ 3 แสนกว่าบาทถึง 5 แสนกว่าบาทแล้วแต่ขนาดเครื่องยนต์ที่มีให้เลือก 2 แบบและระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือก 2 แบบเช่นเดียวกัน

ต้องบอกก่อนว่าจุดเด่นที่สุดของรถคันนี้ก็คือความคล่องตัวในการใช้งาน อันนี้รวมเรื่องความเอนกประสงค์ของรถไปในห้วข้อนี้ด้วย เพราะหากจะบอกว่านี่คือรถยนต์ที่เหมาะสมกับการใช้ในชีวิตประจำวันแบบชิลล์ชิลล์ก็ไม่ผิดอะไร

ผมขับรถคันนี้อยู่ 3 วันบนท้องถนนกทม.เป็นหลัก มีออกไปไปวิ่งถ่ายรูปถ่ายวีดีโอแถว ๆ ชานเมืองบ้างเล็กน้อย บอกเลยว่าเครื่องยนต์นี้ไม่ได้ทำให้เกิดอาการหงุดหงิดใจในการใช้งานบนท้องถนนประจำวันแม้แต่น้อย

เครื่องยนต์เองให้การตอบสนองการขับบขี่ในเมืองได้เป็นอย่างดีทั้งในเรื่องของสมรรถนะและการประหยัดน้ำมัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะไม่มีรอบเครื่องยนต์มาแสดงให้รู้สึกว่าเครื่องยนต์เหนื่อยล้า ต้องขอบคุณการเก็บเสียงเครื่องยนต์ที่ดีของรถด้วย

โอเค ตัวรถอาจจะโยนมากไปนิด แถมช่วงล่างอาจจะเบาหวิวที่ความเร็วปานกลางถึงสูง แต่ถ้าคุณตัดสินใจซื้อรถคันนี้เพื่อไปทำความเร็วสูง ก็คงต้องบอกว่าเป็นการซื้อรถที่ผิดไปจากหน้าที่ของรถที่จะตอบสนองคุณได้จริง ๆ

ลองขับรถคันนี้ไปตลาด ซื้อของเยอะแยะมากมายเพื่อแบกกลับบ้าน ตำแหน่งการเปิดประตูด้านหลัง การพับเบาะ การวางข้าวของเอาไว้ เบาะที่ปรับเลื่อนไปมาได้ถือว่าโดดเด่นกว่ารถที่ว่ากันว่าเอนกประสงค์ที่สุดบนท้องถนนเมืองไทยด้วยซ้ำ

เหลือคำถามเดียวก็คือ ซูซูกิกำลังมองว่าอยากประกอบรถคันนี้เพื่อจำหน่ายในประเทศไทยหรือไม่ เพราะหากมองไปที่การนำเข้ามาเพื่อจำหน่ายนั้นคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เพราะจะติดภาษีนำเข้าที่ทำให้รถคันนี้ราคาพุ่งไปล้านกว่าบาท

หากมองไปที่เครื่องยนต์ 660 ซีซี. ที่อาจจะต้องใช้เวลาทำความเข้าใจอีกมาก เพราะแม้แต่เครื่องยนต์ 1 ลิตรในเซเลริโอยังทำตลาดได้อย่างยากลำบาก ตัวเลือกที่น่าสนใจก็คือเครื่องยนต์ 1.2 ลิตรที่ใช้ในสวิฟท์ แต่จะยัดลงไปในห้องเครื่องได้หรือไม่คงต้องมาลองดู

ทำออกมาแล้วขายสัก 5-6 แสนนะ รับรองขายกระฉูด!!!

รายละเอียดทางเทคนิค 2015 ซูซูกิ ฮัสท์เลอร์

ขอขอบคุณ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถทดสอบก่อนส่งขึ้นเรือกลับญี่ปุ่น

ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com เฟซบุ๊ค Autospinn.Fans และทวิตเตอร์ @Autospinn

อัปเดตข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับเรา Autospinn

เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน ได้ที่นี่

ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เช็คราคารถมือสอง ได้ที่ one2car