Kawasaki Versys (Versatile = อเนกประสงค์) รถ Bigbike Middle Weight อเนกประสงค์ ที่ถูกอกถูกใจของสาวก Touring กันมานานหลายปี ด้วยความที่เป็นรถ Adventure Touring ที่ทำราคา 3 แสนต้นๆ และมีพละกำลังที่แรงเพียงพอต่อการใช้งาน มันจึงเป็นรถที่ผู้ชอบการขี่ท่องเที่ยวออกทริป มักใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง
และเมื่อต้นเดือน ตค. 2014 ที่ผ่านมา ทางค่าย Kawasaki ได้ทำเซอร์ไพร์ส ด้วยการให้ดีลเลอร์ เปิดตัว Kawasaki Versys โฉมใหม่ ทั้งรุ่นเครื่องยนต์ 650cc และ 1,000cc ตามหลังการเปิดตัวภายในงาน Intermot 2014 ที่ โคโลญ เยอรมันนี เพียง 1 วันเท่านั้น ซึ่งเรียกได้ว่า เป็นการเปิดตัวครั้งแรกในภูมิภาค Asean เลยก็ว่าได้
ในครั้งนี้ ทางเราก็ได้มีโอกาสทดสอบเจ้า Versys 650 ใหม่ หน้านินจา คันนี้ ซึ่งต้องขอขอบคุณ Motoaholic สำหรับ Versys 650 สีเขียว คันนี้
ด้วยหน้าตารูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างมาก Versys ใหม่ นั้นเปลี่ยนจากแฟริ่งเดิม และไฟหน้าอันเป็นเอกลักษณ์ ปรับลุคเน้นความสปอร์ตมากขึ้น ด้วยการยกรูปแบบไฟหน้ามาจาก Ninja 300 ซึ่งจุดนี้ อาจจะมีทั้งผู้ชื่นชอบ และไม่ชอบ ในด้านของไฟท้ายได้ใช้ไฟรูปแบบเดียวกับ Ninja 1000 ซึ่งเป็นไฟ LED โคมใส
ขณะที่ถังน้ำมันจากเดิมที่มีความจุ 19 ลิตร ได้ขยายเพิ่มเป็น 20.8 ลิตร (21 ลิตร), Windshield หน้า จากที่ต้องใช้การขันน๊อตเพื่อปรับระดับ ในโฉมนี้สามารถปรับระดับได้ง่าย เพียงใช้มือบิดหมุน ก็สามารถเลื่อนขึ้นลงได้ทันที, ที่มือจับด้านท้ายนั้นออกแบบใหม่เพิ่มจุดสำหรับติดตั้งกระเป๋าข้างเอาใจสายเดินทาง Touring โดยเฉพาะ (เป็นออปชั่นเสริม ผู้สนใจต้องรอราคาประกาศจำหน่ายอีกครั้ง) นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมที่บริเวณด้านหน้าข้างแผงหน้าปัด จะมีช่องวงกลมทางฝั่งซ้ายและขวา เอาไว้ติดตั้งช่องจ่ายไฟ และไฟบอกเกียร์เพิ่มเติมได้
Versys ใหม่ ไม่ได้มีการปรับปรุงด้านแฟริ่ง เพียงอย่างเดียว เพราะยังปรับปรุงซับเฟรม ใหม่ ให้มีความแข็งแรงขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย ด้านน้ำหนักตัวก็ไม่มากเกินไปอยู่ที่ 216 กก. และ มีความสูงเบาะที่ 840 มม.
แผงเรือนไมล์ ก็ได้เปลี่ยนมาใช้แบบเดียวกับ ER ตัวล่าสุด เช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีบอกวัดรอบเครื่องยนต์ทางด้านบนเป็นเข็ม และหน้าจอดิจิตัล แสดงผล Multifunction ระยะทางคงเหลือที่วิ่งได้จากการคำนวณน้ำมันคงเหลือ ปรับเซ็ตทริป 1,2 ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย และ Realtime ไปจนถึงนาฬิกา บอกเวลาที่ช่วยให้เราสามารถกะ ความเร็วในการเดินทางเพื่อไปถึงจุดมุ่งหมายได้อย่างทันท่วงที
ทางประกับไฟด้านซ้าย ก็มีสวิทช์ไฟมาให้ครบ ทั้งไฟ Pass และไฟ Hazard พร้อมก้านเบรก ก้านคลัช ที่สามารถหมุนปรับระยะได้ 5 ระดับ
ขุมพลังเครื่องยนต์ 2 สูบเรียง 649cc ซึ่งได้เปลี่ยนมาใช้หัวใจบล๊อกเดียวกับ ER6n และ ER6f ปี 2012 ถือเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้บุคลิก ของ Versys ใหม่นี้ ได้ปรับปรุงในทางที่ดีขึ้น ในแบบเดียวกันกับ การเปลี่ยนแปลงของ ER จากโมเดลเก่ามาสู่ โมเดลใหม่
ทำให้มีพละกำลังอยู่ที่ 69 แรงม้า@8,500rpm แรงบิด 64Nm@7,000rpm สไตล์การขับขี่ แบบดิบๆ กระชากๆ อาการสั่นที่สัมผัสได้แบบชัดเจนนั้น ลดลงไป แต่ต้องยอมรับว่ามันยังคงมีอาการสั่นเหลืออยู่ตามสไตล์รถ 2 สูบเรียง ซึ่งหากลดความเร็วลงแล้วไม่ได้ลดเกียร์ลงตาม เมื่อเปิดคันเร่งต่อเลย (รอบเครื่องต่ำกว่า 2,500rpm) จะมีอาการสำลักของเครื่องยนต์ กระตุกออกมาให้เห็น แต่ก็ สามารถพอแก้ไขได้ ด้วยการกำคลัช และเติมคันเร่งเพิ่มรอบเครื่องเข้าไป
ในด้านของการขับขี่ ไม่ว่าจะอยู่ในตัวเมือง หรือ การเดินทาง แน่นอนว่าขุมพลังระดับ 650cc 2 สูบ ของ Kawasaki นั้น ให้แรงบิดตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ต่ำ และมีพละกำลังเพียงพอต่อการใช้งาน ในทุกสภาพถนน การเร่งแซง สามารถทำได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่เปิดคันเร่งเพิ่มเข้าไปโดยไม่ต้อง ลดเกียร์ลง ซึ่งหากลากเกียร์เพื่อต้องการพละกำลังที่รอบ พบว่าไม่ควรลากรอบเกิน 9,000rpm ขึ้นไป เพราะว่ากำลังในช่วงรอบเครื่องสูงกว่านี้ จะเริ่มลดลงมีอาการตื้อของเครื่องยนต์ให้พบ ซึ่งขอแนะนำว่า ด้วยเครื่องยนต์ตัวนี้ การเปลี่ยนเกียร์ที่รอบ 7,000rpm นั้น ก็ถือว่ามากเพียงพอแล้ว
แต่ถ้าการเดินทางไกล และใช้ความเร็วในการขับขี่ที่สูงขึ้น ในช่วงการเร่งแซงรถที่ช้ากว่า ด้วยความเร็วตั้งแต่ 120-130 กม./ชม. เป็นต้นไป ควรที่จะลดเกียร์ลงมาสัก 1 ตำแหน่ง เพื่อให้การเร่งแซงนั้น เป็นไปได้อย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น
สำหรับการเดินทางไกลนั้น Versys 650 สามารถที่จะทำความเร็วยืนพื้นได้โดยไม่เครียดเกินไป ที่ระดับความเร็ว 140 กม./ชม. ซึ่งหากต้องการทำความเร็วมากกว่านี้ และไม่อย่าโต้ลมปะทะมากนัก ก็ควรที่จะปรับเลื่อนระดับ Windshield หน้าให้ยกขึ้นสูงสุด ซึ่งจะช่วยให้การเดินทางด้วยความเร็วสูงนั้น ไม่น่ากลัวจากลมที่มาปะทะ อีกต่อไป สามารถนั่งยืดตัวตรงได้โดยไม่ต้องก้มตัวลงเพื่อหลบ ลมปะทะ
แม้ว่าขุมพลัง 650cc นี้ดูจะแรงและน่าประทับใจมากในระดับรถญี่ปุ่นด้วยกัน แต่เราก็ยังรู้สึกถึงไอร้อน ของเครื่องยนต์ ที่แผ่ออกมาทางฝั่งหน้าแข้งด้านขวาค่อนข้างมาก จากการที่ผู้เขียนขี่ด้วยความเร็วเฉลี่ย 140 กม./ชม. และมีลมโกรกเข้ามาอยู่ตลอด ประกอบกับสภาพอากาศในการเดินทางที่ไม่ร้อนมากนัก แต่ยังสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่เกิดขึ้น
จากการทดสอบแบบลองขี่ออกทริปกันแบบยาวๆ เราได้คำนวณค่าอัตราสิ้นเปลืองที่ใช้ขี่ออกทริปครั้งนี้ด้วย จากการเติมน้ำมันเต็มถังจากน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 91 (E10)
ครั้งแรกระยะทาง 333.5 กม. เติมน้ำมันเข้าไปเต็มถัง 15.57 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลือง 21.42 กม./ลิตร
ครั้งที่สองระยะทาง 303.4 กม. เติมน้ำมันเข้าไปเต็มถัง 14.58 ลิตร ได้อัตราสิ้นเปลือง 20.8 กม./ลิตร
หมายเหตุ ในการเดินทางครั้งนี้ได้ติดตั้งกระเป๋าด้านข้าง ซึ่งอาจส่งผลให้ต้านลมมากกว่าปกติ และในการเดินทางนั้นใช้ความเร็วโดยเฉลี่ย 140 กม./ชม. มีบางช่วงอาจใช้ความเร็วสูงกว่านี้ และบางช่วงใช้ความเร็วต่ำกว่านี้
ด้านการควบคุมรถ ด้วยแฮนด์บาร์ทรงกว้างและวางในตำแหน่งที่พอเหมาะพอดี ช่วยให้ท่านั่งการขี่นั้น เป็นไปตามสรีระศาสตร์ ทั้งตำแหน่งวางเท้า และแฟริ่งด้านข้าง ซึ่งดูรับกับหน้าขาทำให้สามารถใช้ขาหนีบแนบ ติดตัวถังได้กระชับ ซึ่งทำให้การขับขี่โดยรวมนั้นสบายมากทีเดียว แม้ว่าจะต้องขี่ระยะทางไกล ถึงเกือบ 400 กม. ใน 1 วัน ก็ไม่มีอาการปวดเมื่อยหลัง แต่ก็พบอาการเมื่อยไหล่บ้าง เนื่องจากผู้เขียนมีส่วนสูง 174 ซม. ยังรู้สึกว่าตำแหน่งของแฮนด์บาร์นั้น สูงไปเล็กน้อย
สำหรับการขับขี่ในเมืองนั้น อาจต้องทำใจหาก เจอสภาพการจราจรที่ติดขัด เนื่องจากตำแหน่งของแฮนด์บาร์ที่ดูสูง รวมไปถึงกระจกมองข้างของ Versys ซึ่งจะอยู่ในระนาบเดียวกับรถยนต์เป็นส่วนใหญ่
ระบบเบรก ถือเป็นอีกส่วนหนึ่งที่สำคัญ เพราะมันได้เปลี่ยนให้ดียิ่งขึ้น จานดิสก์คู่หน้าขนาด 300 มม. จากเดิมใช้คาลิปเปอร์เบรกของ Tokico ได้เปลี่ยนมาใช้เป็นของ Nissin ซึ่งเป็นแบรนด์ผูกขาดกับรถ Kawasaki ในหลากหลายรุ่น และจานเบรกหลังก็ขยายขนาดเพิ่มขึ้นจาก 220 มม. เป็น 250 มม. และยัง เปลี่ยนใช้ผ้าเบรกใหม่อีกด้วย สำหรับ Versys เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในบ้านเรานี้ได้มาพร้อมกับระบบ ABS ติดตั้งมาให้ด้วย
ในด้านของการเบรกนั้น แม้จะปรับปรุงสมรรถนะ ให้ดีขึ้น แต่ก็อย่าลืม ด้วยความที่เป็นรถยกสูง และมีน้ำหนักตัวที่อาจจะมากสักหน่อย จึงอาจทำให้มีแรงเฉื่อยทำให้การชะลอความเร็วนั้นอาจต้องเผื่อระยะอีกสักนิด ซึ่งนั่น ก็ไม่สามารถที่จะเปรียบเทียบน้ำหนักการเบรกหยุดรถที่หนักแน่น กับรถพวกตระกูลสปอร์ต ทั้งหลาย
ซึ่งต้องเรียนว่า เมื่อเทียบกับรถในระดับ Adventure Touring ที่เป็นรถขี่ได้แบบอเนกประสงค์แล้ว มันถือว่าทำได้น่าประทับใจทีเดียว
ระบบกันสะเทือน ช่วงล่าง โช๊คอัพหน้าเป็นแบบ Up Side Down ขนาดแกน 41 มม. ซึ่งเปลี่ยนมาเป็นของ Showa สามารถแยกขันปรับ Rebound และ Preload ได้ที่หัวแกนโช้ค ขณะที่โช้คอัพหลังเดี่ยววางนอน ได้มีกระปุกรีโมท ให้ปรับ Preload ได้ง่ายๆ โดยใช้มือหมุนบิด H-S ได้เลย
แม้ว่า Versys จะใช้โช้คอัพวางเฉียงในแนวนอน ซึ่งรถที่วางโช้คอัพด้วยตำแหน่งแบบนี้ ส่วนใหญ่มักจะมีอาการแข็ง เช่น ตระกูลรถ ER เป็นต้น แ ต่ทว่าโช้คอัพของ Versys นั้น ได้อัพเกรด ขึ้นมา โดยมีกระปุกรีโมท แยกซึ่งสามารถบิดปรับ Preload ได้โดยง่าย
ผู้เขียนมีน้ำหนักตัวประมาณ 60 กก. พบว่า เมื่อขี่คนเดียว ทั้งตัวเบาะที่หนานุ่มนั่งสบายแล้ว โช้คอัพหลังเดี่ยวตัวนี้ ยังให้การซับแรงที่ดี หากไม่บิดปรับมาทาง H จะพบว่า มันนิ่มเกินไป จนอาจยวบไปบ้าง เมื่อขี่ผ่านทางเนินขรุขระ หรือการขี่ทำความเร็วเดินทางไกล อาจจะต้องบิดเพิ่มมาทาง H จนเกือบจะสุด เพื่อได้สมรรถนะในการขี่ ทางไกล ที่ดียิ่งขึ้น โช้คอัพหน้า Up Side Down ที่ดูสูงโด่ง และให้ความยืดหยุ่นที่ดี ช่วยดูดซับแรงดี และรองรับน้ำหนักแรงกดได้มาก แต่ถ้าว่ากันตามจริง การขับขี่บนท้องถนน ทั่วไป ที่ถนนไม่ได้ดูแย่มาก หรือเอารถเข้าไปลุยทางฝุ่นขรุขระมากนัก ก็อาจไม่ถือว่าแตกต่าง อย่างมีนัยมากนัก
เอาเป็นว่าโดยรวมแล้วระบบกันสะเทือนทั้งหน้า-หลัง ใหม่ มันได้พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นกว่าโมเดลเดิม
สรุป 2015 Kawasaki Versys 650 ใหม่ แม้รูปลักษณ์ อาจจะ มี 2 เสียง คือทั้งถูกใจสำหรับคนชอบความสปอร์ต และบางกลุ่มอาจมองว่าไม่โดนใจนัก เพราะดูเหมือนการยกแฟริ่งหน้าของ Ninja300 มาใส่ แต่ต้อง บอกเลยว่า ในด้านออปชั่นอื่นๆ นั้น พัฒนาไปในทางเดียว คือ มันดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอัพเกรด เครื่องยนต์, เบรก, โช้คอัพ นั่นทำให้ ภาพรวมการขับขี่มันดียิ่งขึ้น ในแบบเดียวกับ การปรับโฉม ER6n, 6f ใหม่
ต้องบอกได้คำเดียวเลยว่า ค่าตัวที่แพงขึ้น 1 หมื่นบาท จากรุ่นเดิม ถือว่าคุ้มค่าทีเดียว กับสิ่งที่ได้รับเพิ่มเข้ามา
ขอขอบคุณ บริษัท โมโตฮอลิค จำกัด สำหรับรถทดสอบ Kawasaki Versys 650 ใหม่ สีเขียว คันนี้ 3.23 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver
ความคิดเห็น