เอ็มเอ็มเอสเปิดแผนธุรกิจปี 2558 เดินหน้าขยายสาขา-เพิ่มแบรนด์ชุดแต่งเจาะญี่ปุ่น พร้อมขยายตลาดค้าส่งประเทศเพื่อนบ้าน เล็งเพิ่มยอดขาย 20% จากปีก่อนหน้า
สุเมธ ใจโต กรรมการผู้จัดการ บริษัท มาสเตอร์ มอเตอร์ เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการศูนย์รถยนต์ครบวงจร เอ็มเอ็มเอส บ๊อชคาร์เซอร์วิส เปิดเผยว่าแผนงานหลักในปีนี้จะอยู่ที่การทุ่มงบประมาณกว่า 150 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาเป็น 18 แห่ง จากที่มีอยู่ 8 แห่งในปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการขยายที่บางแสน พัทยาและอุบลราชธานีในช่วงไตรมาสแรกของปี
นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจตกแต่งรถยนต์ได้เพิ่มไลน์สินค้าอีก 5 ยี่ห้อ ซึ่งสามารถรองรับความต้องการของลูกค้ารถยนต์ญี่ปุ่นอย่างฮอนด้าและโตโยต้าได้ จากเดิมที่ทำตลาดแต่กลุ่มรถยนต์ยุโรปเพียงอย่างเดียวมาตลอด และอยู่ระหว่างการพิจารณาการปรับโฉมของโชว์รูมพระราม 4 ให้เป็นศูนย์กลางการทำตลาดชุดแต่งอย่างเต็มรูปแบบ
ขณะที่กลุ่มธุรกิจค้าส่งก็จะเดินหน้าทำตลาดในประเทศไทยเพื่อนบ้านอย่างเป็นทางการ โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับสปป.ลาวเพื่อหาตัวแทนจำหน่ายและคาดว่าน่าจะเริ่มดำเนินการได้ในปีนี้ โดยสินค้าหลักที่ส่งไปจะเน้นกลุ่มสินค้าของบ๊อช ซึ่งนอกจากสปป.ลาวแล้ว บริษัทยังเดินหน้าหาโอกาสทางธุรกิจในกัมพูชาและเมียนมาร์อีกด้วย
"เราพยายามที่จะเพิ่มเป้าหมายการจำหน่ายไปอีก 20% หรือคิดเป็นรายได้ 480-500 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมาที่ทำได้กว่า 400 ล้านบาท โดยเรามองว่าตลาดซ่อมบำรุงรถยนต์น่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 20% จากมูลค่าตลาดรวม 1 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว และการลดราคาน้ำมันที่ทำให้ลูกค้านำรถออกมาใช้งานกันมากขึ้น"
ทั้งนี้ รายได้หลักของบริษัทยังมาจากศูนย์บำรุงรักษารถยนต์คิดเป็นสัดส่วนที่ 45% รายได้จากการจำหน่ายอะไหล่รถยนต์แบบขายส่ง 40% โดยในปีนี้ คาดว่าจะมีรายได้จากการทำตลาดต่างประเทศ 5-10% และที่เหลือจะเป็นรายได้จากกลุ่มธุรกิจตกแต่งรถยนต์และกลุ่มธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์ในการซ่อมบำรุงรถยนต์
สุเมธกล่าวว่าการเติบโตหลักส่วนหนึ่งจะมาจากการเดินหน้าทำตลาดสินค้าที่บริษัทเจรจากับพันธมิตรอย่างเข้มข้น อาทิ แบตเตอรี่ยี่ห้อบ๊อชที่สามารถทำราคาได้ดีที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง หรือยางรันแฟลต ที่มีการเจรจากับพันธมิตรหลายรายและเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยตั้งเป้าหมายการเติบโตที่ 30% ในปีนี้
"แม้ภาพรวมของเศรษฐกิจจะยังไม่เติบโตอย่างเต็มที่ อีกทั้งยังมีปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมเช่นเรื่องของอัตราแลกเปลี่ยนหรือราคาน้ำมัน แต่หากมองในภาพรวมแล้ว น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภค รวมถึงความต้องการในการใช้รถให้มากขึ้น และจะทำให้ตลาดนี้เติบโตในท้ายที่สุด"
ความคิดเห็น