โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทยประกาศเปิดตัวโตโยต้า คัมรี่ (Toyota Camry) โฉมบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ที่ได้รับการอัพเกรดหน้าตาและเทคโนโลยีเพิ่มความสดใหม่ออกลุยตลาดรถซีดานขนาดกลาง
คัมรี่ใหม่แบ่งออกเป็น 6 รุ่นย่อย คือ
2.5L Hybrid Premium 1,899,000 บาท
2.5L Hybrid Navigator 1,729,000 บาท
2.5L Hybrid CD 1,679,000 บาท
2.5G 1,569,000 บาท
2.0G Extremo 1,429,000 บาท
และรุ่นเริ่มต้น 2.0G 1,319,000 บาท
รูปร่างหน้าตาภายนอกของคัมรี่ใหม่ได้รับการปรับปรุงกันชนหน้าพร้อมไฟตัดหมอกหน้าดีไซน์ใหม่ กระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบ HID ใหม่ พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED ส่องสว่างกว้างไกลยิ่งขึ้น พร้อมระบบปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ
บั้นท้ายมีขอบคิ้วโครเมี่ยม พร้อมไฟท้ายแบบ LED ส่องสว่างสะดุดตา ฟตัดหมอกหน้า–หลังเพิ่มทัศนวิสัยในขณะฝนตกหนักหรือหมอกลงจัด กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ย ติดตั้งแอร์โรไดนามิกฟิน (Aerodynamic Fin) ช่วยปรับการไหลของอากาศตามหลักอากาศพลศาสตร์
ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่ พร้อมยางขนาด 215/60 R16 (เฉพาะในรุ่น 2.0G) และล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/55 R17 (เฉพาะในรุ่น 2.5G)
ในส่วนของภายในโดยสารใช้สีเบจพร้อมลายไม้สีน้ำตาลดำ มาตรวัดเรืองแสง Optitron พร้อมจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ TFT ขนาด 4.2 นิ้ว กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ (EC Mirror)...ช่วยให้มองเห็นทัศนวิสัยด้านหลังได้ชัดเจน สบายตายิ่งขึ้น
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ควบคุมการทำงานของเครื่องเสียง – จอแสดงข้อมูลรวม – ระบบเชื่อมต่อ Hands-free แบบไร้สาย Bluetooth เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้า ปรับระดับ 8 ทิศทาง...รองรับสรีระได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมปุ่มปรับดันหลังไฟฟ้าด้านคนขับ ให้ความรู้สึกสบาย และผ่อนคลายขณะขับขี่ มีช่องต่อ USB / VTR / AUX
อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ที่ชาร์จแบบไร้สายบริเวณกล่องคอนโซลกลางรองรับระบบการชาร์จไฟแบบ QI ชาร์จไฟง่ายดายเพียงวางสมาร์ทโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนถาดชาร์จ (ระบบชาร์จไฟต้องใช้คู่กับอุปกรณ์เสริมของโทรศัพท์มือถือแต่ละรุ่น)
เครื่องเล่น DVD พร้อมลำโพง JBL Green Edge Touch 10 ตำแหน่ง...รื่นรมย์ตลอดการเดินทาง ด้วยความบันเทิงเต็มรูปแบบ พร้อมระบบนำทาง (In-car Navigator) ที่รองรับบริการ Smart G-Book (เฉพาะในรุ่น 2.5G) แผงควบคุมเครื่องปรับอากาศ ดีไซน์ใหม่ พร้อมระบบปรับอากาศแบบ Dual Auto ระบบปรับอากาศแบบแยกควบคุมระดับอุณหภูมิอิสระซ้าย-ขวา
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) รักษาระดับความเร็วรถให้คงที่ ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย ลดความเมื่อยล้าจากการขับขี่ทางไกลเป็นเวลานาน ระบบเชื่อมต่อ Hands-free แบบไร้สาย Bluetooth เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ด้วยระบบเชื่อมต่อ ไร้สาย ที่เชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือเข้ากับระบบ Hand free ในรถ จับคู่กับโทรศัพท์มือถือได้ 5 เครื่อง บันทึกเลขหมายได้ถึง 1,000 เลขหมาย พร้อมระบบควบคุมโทรศัพท์ ผ่านจอ LCD ระบบสัมผัส หรือปุ่มควบคุมที่พวงมาลัย (เฉพาะในรุ่น 2.5G)
สำหรับคนที่ชื่นชอบความสปอร์ตสามารถเลือกรุ่นคัมรี่ 2.0G Extremo มีสีภายนอกให้เลือก 2 สี สีขาวมุกและสีดำ ไฟท้ายรมดำ เสริมชุดสเกิร์ตสปอร์ตรอบคัน ท่อไอเสียคู่ สปอยเลอร์หลัง เหล็กค้ำช็อกอัพ ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วนในห้องโดยสารใช้สีดำเดินด้านสีแดง
มาดูกันที่ระบบความปลอดภัย เริ่มจากระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Monitor ระบบเตือนวัตถุเคลื่อนไหวด้านหลังรถ Rear Cross Traffic Alert คอยตรวจจับวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ด้านหลังรถ โดยแสดงการเตือนผ่านไฟกระพริบที่กระจกข้างพร้อมเสียงสัญญาณเตือน
ไฟฉุกเฉิน Emergency Stop Signal เมื่อเบรกกระทันหัน ไฟเลี้ยวทุกดวงจะกระพริบโดยอัตโนมัติในทันที ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC หรือ Hill-start Assist Control ป้องกันรถไหลขณะออกตัวบนทางลาดชัน ระบบความปลอดภัยก่อนการชน Pre-crash System เรดาห์บริเวณหน้ารถจะตรวจจับวัตถุที่อยู่ด้านหน้า และทำการส่งสัญญาณเตือน เพื่อลดโอกาสและความรุนแรงเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
นอกจากนี้ในรุ่น HV Premium ยังมีระบบช่วยเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกช่องทาง Lane Departure Warning อีกขั้นของความล้ำหน้า เมื่อคุณขับรถออกนอกช่องทางโดยไม่เปิดไฟเลี้ยว หรือเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ตั้งใจ ระบบจะส่งสัญญาณเตือนที่หน้าจอ MID เฉพาะในรุ่น HV Premium
ขณะเดียวกัน ยังมีระบบความปลอดภัยแบบป้องกัน ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ช่วยลดแรงกระแทกด้านข้างลำตัวของผู้ขับและผู้โดยสารตอนหน้า
เริ่มดูกันที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซิน โดยรุ่น 2.5G ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.5 ลิตร 2A R-FE DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i พละกำลัง 181 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 231 นิวตันเมตรที่ 4,100 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E20
ด้านรุ่น 2.0G และ 2.0 Extremo ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรรหัส 6A R-FSE DOHC 16 วาล์ว VVT-iW และ D-4S พละกำลัง 167 แรงม้า (PS) ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิด 199 นิวตันเมตรที่ 4,600 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รองรับเชื้อเพลิง E20 เช่นกัน
โตโยต้าระบุว่า “ระบบการฉีดน้ำมันแบบ D-4S เป็นเทคโนโลยีสุดล้ำของระบบการฉีดที่เที่ยงตรงแม่นยำ ทุกจังหวะการขับเคลื่อน ช่วยให้เครื่องยนต์เดินเรียบ สม่ำเสมอและนุ่มนวล เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงได้อย่างเหนือชั้น”
สำหรับระบบขับเคลื่อนของรุ่นไฮบริดใช้เครื่องยนต์ 2.5 ลิตร พละกำลัง 160 แรงม้า (PS) แรงบิด 213 นิวตันเมตรประกบกับมอเตอร์ไฟฟ้า 105 กิโลวัตต์ แรงบิด 270 นิวตันเมตร ใช้พลังไฟฟ้าจากแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดรายแรงดันไฟฟ้า 245 โวลต์และมีความจุ 6.5 แอมป์
คัมรี่ ไฮบริดใช้ระบบส่งกำลัง E-CVT (Electrically-controlled Continuously Variable Transmission) มีสองโหมดการขับขี่คือ โหมดการขับขี่ประหยัดน้ำมัน (ECO Mode) ระบบจะเลือกใช้กำลังในการขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ให้เหมาะสม พร้อมโหมดโหมดการขับขี่เงียบสนิท (EV Mode) ระบบจะใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว
วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส กล่าวว่า “กลยุทธ์ด้านการสื่อสารของคัมรีใหม่ ภายใต้แนวคิด The New Icon of Elegance นิยามใหม่แห่งความภาคภูมิ ซึ่งในครั้งนี้ เราได้ค้นพบบุคคลที่สะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสำเร็จ และเปี่ยมด้วยพลังในการใช้ชีวิต ที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของคัมรี่ใหม่ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ฮิวจ์ แจ็คแมน (Hugh Jackman) นักแสดงฮอลลีวู้ด ที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับในระดับสากล
โดยเราได้เลือกใช้สื่อโฆษณาที่หลากหลายและครอบคลุม ทั้งสื่อโทรทัศน์ สิ่งพิมพ์ อินเตอร์เน็ต และสื่อโฆษณากลางแจ้ง ให้ลูกค้าได้รับทราบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป นอกจากนี้ เรายังให้ความสำคัญกับการใช้ชีวิตที่มีระดับเหนือใครของลูกค้าคัมรี ด้วยการสร้างความพึงพอใจสูงสุด โดยการต่อยอดความสำเร็จของกิจกรรม The Ultimate Experience ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และในวันที่ 13 - 15 มีนาคมนี้ เราได้เตรียมจัดงานเปิดตัวคัมรี่ใหม่อย่างยิ่งใหญ่สู่สาธารณชน โดยจะเปิดตัวพร้อมกันที่เซ็นทรัลลาดพร้าว และโชว์รูมโตโยต้าทั่วประเทศ”
ความคิดเห็น