มิตซูบิชิ ประกาศแผนการลงทุนครั้งสำคัญในภูมิภาคอาเซียน ด้วยการเปิดโรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่ในประเทศอินโดนีเซีย ด้วยกำลังการผลิต 1.6 แสนคันต่อปี โดยคาดว่าจะเริ่มต้นเปิดสายการผลิตได้ในอีก 2 ปีข้างหน้า
อาเซียนดูเหมือนจะเป็นตลาดที่มิตซูบิชิให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก นอกเหนือไปจากการลงทุนในประเทศไทยแล้ว ยังได้ประกาศปรับโครงสร้างการผลิตรถยนต์ในอาเซียน ด้วยการร่วมทุนกับผู้ประกอบการในประเทศเปิดโรงงานแห่งใหม่อย่างเป็นทางการ เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
ด้วยงบประมาณในการลงทุนทั้งเรื่องการก่อสร้างโรงงานและการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ไปกว่า 6 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 1.6 หมื่นล้านบาท) โรงงานแห่งใหม่นี้ จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดลำดับที่ 2 รองจากโรงงานมิตซูบิชิ แหลมฉบังในประเทศไทยเลยทีเดียว
โรงงานแห่งใหม่ของมิตซูบิชิในอินโดนีเซีย จะเป็นการร่วมทุนระหว่างมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น (51%) และมิตซูบิชิ คอร์ปอเรชั่น (40%) กับพันธมิตรท้องถิ่นอย่างพีที ครามะ ยูดา (9%) เพื่อเปิดบริษัทเพื่อผลิตรถยนต์แห่งใหม่ที่ชื่อว่ามิตซูบิชิ มอเตอร์ ครามะ ยูดา อินโดนีเซีย ในนิคมอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ทางตะวันออก 37 กิโลเมตรจากกรุงจากาต้า
โอซามุ มาซูโกะ นายใหญ่ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ระบุว่าพันธมิตรดังกล่าวเริ่มทำตลาดรถมิตซูบิชิทั้งการผลิตและจำหน่ายมายาวนานกว่า 45 ปี โดยมียอดจำหน่ายสะสมรวมกว่า 1.3 ล้านคัน โดยรถยนต์ที่จำหน่ายจะเป็นกลุ่มปิกอัพเล็กและรถยนต์นั่ง ซึ่งการเปิดโรงงานแห่งใหม่จะตอบสนองประเทศที่มีจำนวนประชากรเป็นอันดับ 4 ของโลกได้เป็นอย่างดี
"เราพัฒนาการเติบโตของธุรกิจในอินโดนีเซียควบคู่ไปกับการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา และเพื่อเป็นการเดินหน้าไปสู่อีก 45 ปีในอนาคต เราได้ตัดสินใจเปิดโรงงานแห่งใหม่ ที่จะช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินโดนีเซีย ผ่านการจ้างงาน 3,000 ตำแหน่ง รวมถึงการพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนและการถ่ายทอดเทคโนโลยีมากมาย"
โรงงานผลิตรถยนต์แห่งใหม่นี้จะมีกำลังการผลิตปีละ 1.6 แสนคันต่อปี โดยจะเริ่มเปิดสายการผลิตอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายน 2560 ซึ่งนอกเหนือไปจากการผลิตรถปิกอัพเล็กอย่างโคลท์ แอล300 ในปัจจุบัน โรงงานแห่งใหม่จะเป็นฐานการผลิตรถยนต์เอ็มพีวีรุ่นใหม่ รวมไปถึงปาเจโร่ สปอร์ตรุ่นใหม่ เพื่อรองรับตลาดทั้งในประเทศและอาเซียนในอนาคต
ความคิดเห็น