แยกกันทำงานอย่างต่อเนื่องสำหรับกรณีการบุกรุกป่าไม้ของสนามแข่งรถโบนันซ่า ซึ่งล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ถือสิทธิ์น.ส.3ก.เข้าสอบปากคำแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อ ขณะที่ป่าไม้โคราชเตรียมฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหาย พร้อมเปิดทางแสดงเอกสารใน 30 วัน
พ.ต.อ.บุญเลิศ ว่องวัจนะ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา หัวหน้าทีมสอบสวนคดีการบุกรุกป่าของโบนันซ่า เปิดเผยว่า ล่าสุด พนักงานสอบสวนได้เรียกบุคคลที่มีชื่อในเอกสารสิทธิ น.ส. 3 ก. ทั้ง 6 แปลง มาสอบสวนเพื่อประกอบสำนวนคดี โดยประกอบไปด้วย ไพวงษ์ เตชะณรงค์ ผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง น.ส. 3 ก. แปลงเลขที่ 926 จำนวน 9-1-63 ไร่, แปลงเลขที่ 927 จำนวน 16-1-90 ไร่
รวมทั้ง พรรณี สุจิรภิญโญกุล หรือ ภัสสรา เตชะณรงค์ ลูกสาวผู้ถือสิทธิ์ครอบครอง น.ส. 3 ก. แปลงเลขที่ 928 จำนวน 16-1-50ไร่, แปลงเลขที่ 930 จำนวน 7-1-20 ไร่ อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คนยังไม่ติดต่อเพื่อเข้ามาให้ปากคำแต่อย่างใด ซึ่งต้องมีการสอบสวนให้หมดทุกคนที่เกี่ยวข้อง โดยจะให้น้ำหนักไปที่ 5 แปลงแรกเป็นหลัก
"ขณะนี้ข้อมูลพยานหลักฐานต่าง ๆ ที่ใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนได้มาเกือบครบสมบูรณ์แล้ว และผู้ต้องหาในคดีนี้ทั้ง 3 คน ซึ่งเป็นกรรมการบริหารก็ได้มารับทราบข้อกล่าวหาแล้ว เหลือเอกสารอื่น ๆ จากทางภาคเอกชนก็จะสามารถสรุปสำนวนได้ และมั่นใจว่าจะสรุปส่งอัยการพิจารณาฟ้องศาลได้ภายในเดือนพ.ค.นี้"
ด้าน สุนทร กัณหาจันทร์ หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่านครราชสีมา 1 (ปากช่อง) เปิดเผยว่าได้ส่งข้อมูลและหลักฐานในคดีดังกล่าวให้กับพนักงานสอบสวนไปเป็นที่เรียบร้อย แต่ในส่วนของคดีแพ่งนั้น ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลและประเมินค่าเสียหาย ซึ่งต้องใช้เวลาในการดำเนินการฟ้องร้องค่าเสียหายต่อไป
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา 25 พ.ร.บ.ป่าไม้นั้น เจ้าหน้าที่ได้นำประกาศให้เจ้าของพื้นที่สนามแข่งรถโบนันซ่าได้นำหลักฐานต่าง ๆ มาแสดงต่อเจ้าพนักงานป่าไม้ภายใน 30 วัน โดยได้ติดประกาศตั้งแต่วันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งหากไม่นำหลักฐานมาแสดงก็จะต้องประกาศให้ทำการรื้อถอนต่อไป
ความคิดเห็น