เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้ส่งเทียบเชิญให้ทางออโต้สปินน์เข้าร่วมกิจกรรมทดสอบรถยนต์กึ่ง ๆ ซีเอสอาร์ ด้วยการนำรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีจำหน่ายในประเทศไทยทั้งหมด 19 รุ่นมาทดสอบบนเส้นทางภูเก็ต-พังงา พร้อมเดินทางไปเยี่ยมชมโรงเรียนเยาววิทย์ ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้การช่วยเหลือมาอย่างยาวนาน
แน่นอนว่าไฮไลท์ในการทดสอบคงหนีไม่พ้นบรรดารถยนต์รุ่นใหม่ทั้ง 5 รุ่นที่เปิดตัวไปในงานมอเตอร์โชว์ที่ผ่านมา ที่จัดเต็มมาให้ทดสอบกันเป็นครั้งแรกหลังการเปิดตัว และไฮไลท์ก็คือเจ้า 2015 เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอเอ็มจี จีที เอส เจ้าของค่าตัว 14.9 ล้านบาทที่มาอยู่ในฟลีตการทดสอบด้วย
เพื่อให้แฟร์กับสื่อมวลชนทุกคนที่ได้รับเชิญมาและเพื่อไม่ให้แย่งกันทดสอบ เมอร์เซเดส-เบนซ์ในระบบการเสี่ยงดวงด้วยการจับสลากว่าแต่ละคนจะได้ขับรถรุ่นใด ซึ่งระยะทางที่จะได้ขับก็จะแตกต่างกันไปตั้งแต่ 30 กิโลเมตรไปจนถึง 100 กว่ากิโลเมตรกันเลยทีเดียว
ในช่วงแรกที่เป็นการขับระยะสั้นนั้น ผมจับสลากได้รถใหม่อีกคันอย่าง 2015 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ250 ชูตติ้ง เบรก เจ้าของค่าตัว 2.89 ล้านบาท ที่เปิดตัวในประเทศไทยก่อนงานมอเตอร์โชว์ไม่นาน แต่ก็เป็นการขับระยะสั้น ๆ ทำให้ยังไม่ได้สัมผัสอะไรอย่างเต็มที่มากนัก
เมื่อแวะพักทานข้าวกลางวันและจับสลากรถคันใหม่ที่จะพากันวิ่งไปอีกเกือบ 120 กิโลเมตร แม่นเหมือนจับวางเพราะผมจับได้เจ้าจีที เอส คันสีเหลืองสดคันนี้ ซึ่งหลังจากเปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ ก็ได้เฝ้าถามทางเมอร์เซเดส-เบนซ์มาโดยตลอดว่าจะได้ทดสอบเมื่อไหร่กันนะ
แม้จะเป็นการขับทดสอบบนเส้นทางกว่า 120 กิโลเมตร แต่ก็ยังเป็นการแบ่งกันขับ 2 คนระหว่าผมกับผู้สื่อข่าวอีกท่านที่มาด้วยกัน ไปด้วยกันตลอดเส้นทาง ซึ่งก็ถือเป็นการทดสอบความรู้สึกเบื้องต้นก่อนที่จะมีโอกาสนำมาทำการทดสอบแบบเต็ม ๆ อีกครั้งในอนาคต หากโอกาสเอื้ออำนวย
เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี จีที เอส มีความสำคัญมากต่อการทำตลาดของเดมเลอร์ เอจี ไม่ว่าจะการเป็นรถยนต์รุ่นที่ 2 ที่แตกแบรนด์เอเอ็มจีออกมา พร้อมทั้งยังเป็นรถสปอร์ตสมรรถนะสููงของค่าย ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาท้าชนกับเจ้าตลาดที่ทำตลาดมานาน
รูปทรงการออกแบบสวยสดงดงามตั้งแต่ด้านหน้าจรดปลาย แถมยังได้รับการติดตั้งเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุดทุกอย่างเท่าที่เมอร์เซเดส-เบนซ์และเอเอ็มจีมีอยู่ในปัจจุบัน ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าไดมอนด์ กริลล์พร้อมหมุดสีดำและโลโก้ขนาดใหญ่ตรงกลาง
ไฟหน้าแบบแอลอีดีทั้งโคม ติดตั้งล้ออัลลายขนาด 19 นิ้วด้านหน้าและ 20 นิ้วด้านหลัง โดยล้ออัลลอยเป็นของเอเอ็มจีแบบ 10 ก้านสีเทาไทเทเนียม ขณะที่ภายในตกแต่งมาแนวยานอวกาศที่การควบคุมคำสั่งเกือบทั้งหมดทำผ่านการกดปุ่มที่ต้องการเท่านั้น
โครงสร้างน้ำหนักเบาที่เกิดจากการผสานอะลูมิเนียมน้ำหนักเบาเข้ากับเหล็กและแมกนีเซียม ทำให้รถที่มีน้ำหนักเบาเพียง 1,890 กิโลกรัมคันนี้ให้ความแข็งแกร่ง โดยมาพร้อมกับโหมดการขับขี่มากมายตั้งแต่คอมฟอร์ทไปยันโหมดเรซ และติดตั้งระบบช่วยเหลือมามากมายหลายสิ่ง
เครื่องยนต์เบนซิน วี8 เทอร์โบคู่ ขนาด 3,982 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 510 แรงม้าที่ 6,250 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 650 นิวตันเมตรที่รอบ 1,750-4,750 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ 7 สปีด
ตามสเปกระบุว่าสามารถวิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาแค่ 3.8 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่น่าสนใจสำหรับรถยนต์ที่จำหน่ายอยู่ในประเทศไทย
สิ่งที่ผมสนใจมากเป็นพิเศษสำหรับรถคันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของการตอบสนองที่คิดว่ามันจะต้องยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องของความยากในการใช้งานมากกว่า เพราะคุยหนักหนาว่านี่คือรถสปอร์ตที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน
ไล่กันไปทีละเรื่อง ตำแหน่งการนั่งขับและการควบคุมรถนั้นทำได้อย่างง่ายดายแทบไม่แตกต่างกับรถยนต์นั่งทั่วไป หากตัดความกังวลเรื่องความหรูหราไฮโซของตัวรถออกไป ก็ต้องยอมรับว่านี่คือรถสปอร์ตที่นั่งได้สบายและไม่เมื่อยล้าเมื่อต้องเดินทางไกล
ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังมีขนาดที่ไม่เล็กจนวางสัมภาระไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดจะขนกระเป๋าเดินทางไปไหนมาไหนยาว ๆ แถมยังไม่ต้องหวังกับพื้นที่เก็บของภายในตัวรถที่มีอยู่อย่างค่อนข้างจะจำกัดเสียอีก บรรยากาศห้องโดยสารภายในลงตัวระหว่างความสปอร์ตและความหรูหรา
กระจกด้านข้างที่ติดตั้งในตำแหน่งแปลกตา ทำให้การปรับตำแหน่งการขับขี่อาจจะยากไปสักนิด ซึ่งก็คงต้องอาศัยความคุ้นเคยในการใช้งานกันไป ขณะที่การขับขี่นั้นสามารถเลือกปรับได้ตามความเหมาะสม ในส่วนของช่วงล่างและการตอบสนองของเครื่องยนต์ภายใต้โหมดต่าง ๆ
การตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างยอดเยี่ยมและทำได้ตามแรงเหยียบของขาที่แป้นคันเร่ง ซึ่งหากกดคันเร่งลงไป การตอบสนองของรถจะออกแรงแบบหลังติดเบาะทันที พร้อมรถที่พุ่งทะยานออกไปอย่างรวดเร็วแบบแทบไม่ต้องคิด
แม้จะเป็นหนึ่งในรถที่บ้าพลังแบบไม่เหลียวหลัง แต่การพัฒนาช่วงล่างให้แน่น คมและกระชับก็เป็นจุดเด่นที่น่าสนใจ และทำให้การขับขี่ผ่านเส้นทางคดโค้งทำได้อย่างสนุกสนาน โดยที่ระบบเบรกแบบสั่งได้ของจีที เอส ก็ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้อย่างเต็มพิกัด
นอกจากนี้ รถคันนี้ยังมีของเล่นที่น่าสนใจหลายหลาก ไม่ว่าจะหลังคาพาโนรามิกซันรูฟ หรือแม้แต่ระบบที่สามารถดึงเสียงท่อเข้ามากระหึ่มในตัวรถ เพื่อเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ให้เพิ่มขึ้น เสียแต่ว่าอุปกรณ์หลาย ๆ อย่างถูกซ่อนเอาไว้อย่างมิดชิดจนหายากไปหน่อยในการเลือกใช้งาน
สรุปโดยรวมคร่าว ๆ จากการนั่งควบอยู่หลังพวงมาลัยสั้น ๆ ก็เป็นรถสปอร์ตที่ให้อรรถรสในการขับขี่รอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนาน ความมั่นใจ ความสะดวกสบายในระดับที่พอรับได้ ติดอยู่ที่ราคาจำหน่ายที่แม้จะสมตัว แต่ก็คงเกินเอื้อมสำหรับฐานะอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ
แต่ถ้าในอนาคตจะเห็นรถคันนี้วิ่งกันเกลื่อนถนนก็ไม่ต้องแปลกใจ เพราะทำมาเอาใจเศรษฐีกันเน้น ๆ แบบนี้ ควักกระเป๋ากันไม่ยากแน่นอน!!!
อัปเดตข่าวรถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ กับเรา Autospinn
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ ราคารถ ตารางผ่อน ได้ที่นี่
ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เช็คราคารถมือสอง ได้ที่ one2car
ความคิดเห็น