เมอร์เซเดส-เบนซ์เผยโฉมจีแอลซี (2016 Mercedes-Benz GLC) อย่างเป็นทางการแล้ว เจาะตลาดรถเอสยูวีขนาดเล็กทั่วโลก
จีแอลซีจะออกจัดจำหน่ายแทนที่จีแอลเค โดยมีการออกแบบเน้นความโค้งมนที่เดินตามความสำเร็จของรถรุ่นเล็กอย่างจีแอลเอ ถึงแม้รูปร่างหน้าตาอาจไม่ถูกใจใครหลายคน แต่ลูกค้าก็สามารถเลือกแพ็คเกจ AMG หรือ Off-Road เพิ่มความโดดเด่นได้
ภายในห้องโดยสารแทบจะยกมาจากรุ่นซี-คลาส ดูทันสมัยและตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพสูง แผงแดชบอร์ดและคอนโซลกลางดูโดดเด่น มีระบบอินโฟเทนเมนท์แสดงผลผ่านหน้าจอขนาด 7 นิ้วหรือ 8.4 นิ้ว ลูกค้ายังสามารถเลือกวัสดุตกแต่งหลายรูปแบบ อย่างผ้า หนัง nappa หนังธรรมดา คาร์บอนไฟเบอร์ ลายไม้และอลูมิเนียม ตลอดจนแผงหลังคาพาโนรามิก
เนื่องจากจีแอลซีมีระยะฐานล้อยาวกว่าจีแอลเค 118 มม. พื้นที่ช่วงขาบริเวณเบาะหลังจึงมีความกว้างขวางมากขึ้น และสามารถเปิดประตูได้กว้างกว่าเดิมเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าหรือออกห้องโดยสาร สำหรับพื้นที่บรรทุกสัมภาระจุได้สูงสุด 1,600 ลิตร
สำหรับรุ่นย่อยของเมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซีที่จะออกจำหน่ายทั่วโลก ประกอบด้วย
จีแอลซี 220 d 4MATIC พละกำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
จีแอลซี 250 d 4MATIC พละกำลัง 204 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร
จีแอลซี 250 4MATIC พละกำลัง 211 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร
นอกจากนี้ยังมีรุ่นจีแอลซี 350 e 4MATIC ปลั๊กอินไฮบริดที่ใช้เครื่องยนต์ 211 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 116 แรงม้า อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 235 กม./ชม. สามารถโลดแล่นด้วยพลังไฟฟ้าได้ไกล 34 กม.
สำหรับลูกค้าอเมริกันจะได้ใช้รุ่นจีแอลซี 300 และจีแอลซี 300 4MATIC เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พลัง 241 แรงม้า แรงบิด 369 นิวตันเมตร
เมอร์เซเดส-เบนซ์ จีแอลซีมีน้ำหนักน้อยกว่าจีแอลเคราว 80 กก. เนื่องจากใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมและโลหะความทนทานสูง
ความคิดเห็น