รถคันนี้ต้องขี่ยากมากแน่ๆ จะต้องมุดรถติดไม่ได้แน่นอน จะเป็นยังไงถ้าต้องขี่ลุยการจราจร โอ้ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว นี่คือแวบแรกที่โผล่เข้ามาในหัวก่อนไปรับรถ แต่ทุกอย่างกลับต่างไปจากที่คิดไว้แบบสุดขั้วเลยทีเดียว
ฮอนด้า เอ็นเอ็ม4 เรียกเสียงฮือได้เป็นอย่างมากตั้งแต่มีภาพเปิดตัวออกมา ว่ากันว่าเจ้านี่คือใบเบิกทางสู่ยุคใหม่ของฮอนด้า โดยฝีมือของบรรดาเด็กรุ่นใหม่ที่ถูกส่งไปลุยงานดีไซน์ถึงรังแม่ที่คุมาโมโต้ บนพื้นฐานเดิมของคลาส 750
หล่อ ทันสมัย มีเอกลักษณ์ หน้าตาล้ำอนาคต
คลาส 750 ของฮอนด้าทั้งเอ็นซี750เอ็กซ์และอินเทกร้าจะใช้เครื่องยนต์แบบสองสูบเรียงและระบบส่งกำลังแบบดูอัลคลัทช์ทรานส์มิชชั่นที่พัฒนามาจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้าที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด700ซีซี ซึ่งเป็นแบบเดียวกันกับที่ใช้ในเอ็นเอ็ม4 เพียงแต่มาในรูปลักษณ์ที่ล้ำสมัยกว่า แปลกตากว่า และท่านั่งในแบบครูเซอร์
เบาะคนซ้อนของเอ็นเอ็ม4 นั้นปรับมาเป็นพนักสำหรับพิงได้ ที่ช่วงหน้าของตัวยาน เอ้ย! ต้องเป็นของตัวรถสิ ก็มีช่องสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกทั้งสองข้าง เพียงแต่ด้านซ้ายจะต้องใช้กุญแจเพื่อไขและเปิดส่วนด้านขวาจะเปิดได้ตามอัธยาศัย แม้โคมไฟหน้าจะดูไม่ใหญ่มากแต่กลับสว่างเหลือเชื่อ โดยเฉพาะไฟสูงที่ยิงได้กว้างไกลสุดพลังและไฟท้ายงามๆ ไม่ซ้ำใคร
หากเรียกรถคันนี้ว่าสกู๊ตเตอร์ก็คงไม่ถูกนักเพราะยังคงใช้แพลตฟอร์มของรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่แบบที่คุ้นๆ กัน ทั้งระบบขับเคลื่อนที่ใช้โซ่-สเตอร์ไม่ใช่สายพาน ระบบเกียร์ที่ถูกควบคุมด้วยสมองกลอัจฉริยะและดูอัลคลัทช์ทรานส์มิชชั่น ที่ส่งกำลังได้อย่างทันใจ
นั่งสบาย พลิ้วไหวแม้ในเมือง
ท่านั่งแบบเอนหลังสไตล์ครูเซอร์ให้ความรู้สึกที่สบายไม่เกร็งและให้ทัศนวิสัยที่ดีที่ในการมองทางข้างหน้าและกระจกมองหลัง ในทีแรกเราแอบคิดไปเองว่า เอ็นเอ็ม4 จะต้องเป็นรถที่หนัก เทอะทะ และจะต้องมุดในเมืองได้อย่างยากลำบากแน่นอน แต่หลังจากออกจากโชว์รูม บิ๊กวิง บางกอกมา เจ้านี่ก็ทำให้เราเซอร์ไพรส์
เอ็นเอ็ม4มีแรงต้นที่ยอดเยี่ยมและขนาดที่ไม่ใหญ่มากอย่างที่คิด พร้อมที่จะพาตัวเองผ่านการจราจรไปได้อย่างรวดเร็วและคล่องแคล่วสุดๆ ระบบส่งกำลังตอบสนองได้เป็นอย่างดี และเมื่อไม่ต้องมาค่อยเข้าเกียร์เอ็นเอ็ม4เลยมีความคล่องตัวและพริ้วพอตัว แม้บางครั้งรถจะเปลี่ยนเกียร์ให้อัตโนมัติในจังหวะที่เรารู้สึกว่าไม่ควรก็ตาม แต่คุณก็ควบคุมได้ด้วยปุ่มชิฟท์เตอร์ที่แฮนด์ด้านซ้าย
สิ่งเดียวที่จะหยุดเอ็นเอ็ม4ในการจราจรของเมืองหลวงได้คือ รถเก๋งสองคันที่จอดชิดกันมากเกินไปจนทำให้กระจกมองหลังทรงเท่ผ่านไปไม่ได้ ยางหลังขนาดใหญ่ถึง 200 เองก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการพลิกรถซ้ายขวาอย่างรวดเร็วในเมืองเมื่อคุณคุ้นเคย
โหมดขับขี่ตอบสนองเกือบทันใจ แต่สั่งได้ที่ปลายนิ้ว
ขยับออกต่างจังหวัดกันสักนิด นี่ล่ะคือพื้นที่ที่เอ็นเอ็ม4จะวาดลวดลายได้อย่างเต็มที่ เอ็นเอ็ม4 มีรูปแบบการขับขี่สองแบบหลักๆ คือแบบออโตเมติค ที่แบ่งย่อยออกเป็นโหมด "D" และ "S" ซึ่งหมายถึงไดรว์และสปีด ส่วนอีกหนึ่งแบบหลักคือแมนนวลที่คุณต้องเป็นคนคุมการเปลี่ยนเกียร์เองทั้งหมดผ่านชิฟเตอร์ที่แฮนด์ฝั่งซ้าย
เราแทบไม่ได้ใช้ระบบแมนนวลเท่าไรนักเว้นบางช่วงที่เป็นทางลงเขาที่เราไม่อยากให้ระบบเปลี่ยนเกียร์พรวดพราดเอง เพราะที่โหมดการขับขี่แบบออโตเมติคนั่นคุณก็ยังใช้ชิฟเตอร์เพื่อเปลี่ยนเกียร์ขึ้นลงได้เองอย่างอิสระโดยมีระบบช่วยประมวลความเหมาะสมออกมาให้ เพื่อความนุ่มนวลในการส่งกำลังและการขับขี่
โหมด "D" จะให้ความรู้สึกที่หย่อนไปสักนิดสำหรับการขับขี่ทางไกลโดยเฉพาะในเวลาที่ต้องการเร่งเเซงที่ต้องคอยกดชิฟเตอร์ลดเกียร์ลงเองอยู่ตลอด ส่วนที่โหมด "S" เครื่องยนต์จะมีรอบที่สูงขึ้นมาอีกราวๆ ห้าร้อยรอบ ให้ความรู้สึกที่พร้อมใช้งานมากยิ่งขึ้น ตึงมือยิ่งขึ้น และให้พละกำลังในการเร่งที่ดียิ่งขึ้น
การคิกดาวน์ของเกียร์แบบออโตเมติคในจังหวะที่เรายัดคันเร่งจนหมดหรือจังหวะที่ต้องการการเร่งแซงอย่างรวดเร็วมีการหน่วงเวลาอยู่บ้างพอให้คนใจร้อนหงุดหงิดนิดๆ ระบบออโตเมติคของรถฉลาดพอที่จะตอบสนองได้หลากหลายทั้งขี่ประหยัดแบบรอบต่ำเกียร์สูง หรือจะเปลี่ยนไปยัดคันเร่งให้เกียร์คิกดาวน์ลงมาสองเกียร์แล้วเร่งแซงก็ทำได้สบาย
สำหรับคนใจร้อนเราขอย้ำอีกทีว่าที่แฮนด์ฝั่งซ้ายมีชิฟเตอร์ไว้ให้ใช้งานให้คุณเร่งแซงได้อย่างทันทีและขอรับประกันเลยว่าไม่นานคุณก็จะคุมชิฟเตอร์ได้อย่างเซียนและพอคุ้นมือเมื่อไรเจ้านี้จะกลายเป็นยานอวกาศติดล้อดีๆ เลยทีเดียว
ของเล่นรอบคัน ยืนยันว่าใช้งานได้จริง
อีกหนึ่งไฮไลท์ของเอ็นเอ็ม4ที่มีคนบางพวกมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไร้สาระไม่มีประโยชน์เพียงเพราะพวกเขามโนเอาเองโดยที่ยังไม่ได้ใช้จริงก็คือหน้าจอแสดงผลที่เปลี่ยนสีได้ ตอนเเรกเราเองก็คิดว่าแค่เปลี่ยนสีได้ก็เท่แล้วแต่พอใช้งานจริง สีบนจอแสดงผลนั้นมีประโยชน์จริงๆ
บางครั้งเมื่อเรากดเปลี่ยนระบบการขับขี่หรือเปลี่ยนโหมดแต่ยังไม่มั่นใจว่ากดโดนไหม เราจะเช็คได้จากสีบนหน้าจอที่สว่างชัดเจนแม้ในตอนกลางวัน ด้วยความที่ตัวรถเหมือนรูปแบบการขับขี่ได้ตลอดแม้ในขณะที่ขับอยู่เราจึงชอบที่จะเล่นนู่นเล่นนี่เพื่อให้รถตอบสนองในแต่ละจังหวะของการขับขี่ให้ดีที่สุด สีบนจอแสดงผลจึงช่วยจุดนี้ได้มาก และที่สำคัญเวลาขี่ตอนกลางคืนยังทำให้รถดูเท่ขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว
เบาะนั่งตอนหลังยังพับขึ้นมาเพื่อเป็นพนักพิงได้หากต้องการ ซึ่งส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเวลาที่ขี่จริงจังพับเก็บลงไว้อย่างเดิมนั่นดีแล้ว คงเพราะไม่ค่อยชอบความรู้สึกเหมือนมีอะไรมาดันหลัง แต่เวลาที่ขี่ชิลล์ กินลมชมวิวก็ถือว่าสบายใช้ได้
ถังน้ำมันขนาด 11.6 ลิตรอาจดูเล็กสำหรับรถคันนี้ และเราก็ยอมรับโดยดีว่าเราขับขี่โดไม่ยคำนึงถึงความประหยัดเท่าไร ที่สำคัญการขับขี่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในโหมด "S" แต่เอ็นเอ็ม4 ได้ก็พิสูจน์ว่าเจ้าตัวมีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยที่ยอดเยี่ยมถึง 26.1กม./ลิตร เลยทีเดียว
เรื่องตลกอย่างหนึ่งเวลาที่ขี่เอ็นเอ็ม4ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนทักตลอดว่าอย่างกับรถแบทแมน นั่นยิ่งทำให้การขี่เอ็นเอ็ม4ตอนกลางคืนที่ดูเท่ มีเสน่ห์แบบแปลกๆ แล้วเมื่อเรื่องหน้าตามารวมกับสมรรถนะและระบบต่างๆ ที่ยอดเยี่ยม จึงทำให้เอ็นเอ็ม4 สร้างความประทับใจให้กับผู้ขับขี่ได้ไม่ยาก และต้องยอมรับว่ารถคันนี้มีดีกว่าแค่หน้าตาจริงๆ
รายละเอียดทางเทคนิค 2015 ฮอนด้า เอ็นเอ็ม4
ราคาจำหน่าย | ราคาช่วงแนะนำ 5.29 แสนบาท |
เครื่องยนต์ | สองสูบเรียง 745 ซีซี |
ขนาดกระบอกสูบ | 77 มม. x 80 มม. |
กำลังสูงสุด | 54 แรงม้าที่ 6,250 รตน. |
แรงบิดสูงสุด | 67.7 นิวตันเมตร 4,750 รตน. |
ขอขอบคุณ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด | ฮอนด้า บิ๊กวิง บางกอก
บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.]
อ่านข่าววงการมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด คลิกที่นี่
ความคิดเห็น