หลังจากงานเปิดตัวและการแถลงนโยบายรวมถึงกลยุทธของทางยามาฮ่าในช่วงเช้า พร้อมเปิดให้สัมผัสและเห็นตัวเป็นๆ ของรถสี่รุ่นใหม่จากยามาฮ่าไปแล้ว ช่วงบ่ายยามาฮ่าได้จัดพื้นที่สำหรับการทดสอบรถทั้งสี่รุ่นเอาไว้รองรับบรรดาสื่อมวลชนให้ได้สัมผัสกัรอย่างใกล้ชิดด้วย
เราไม่ค่อยตื่นเต้นกับ จีที125 สักเท่าไรนักเพราะได้นำมาทดสอบกันแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยกันไปแล้ว แต่ทุกคนจะได้วนขี่รถทุกรุ่นกันอย่างทั่วถึง ดังนั้นเราจึงขอเริ่มที่รถรุ่นฮิตที่ปรับโฉมมาทำตลาดอย่าง ยามาฮ่า ฟีโน่ก่อนเลยแล้วกัน ส่วนท่านใดที่อยากอ่าน รีวิว จีที125 แบบเต็ม คลิกที่นี่
ฟีโน่ใหม่ ยังคงเอกลักษณ์แบบฟีโน่เอาไว้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะไฟหน้าที่โดดเด่นขึ้นด้วยไฟแบบแอลอีดี เพิ่มสีสันลวดลายและลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ เข้าไป พร้อมกับเปลี่ยนเครื่องยนต์เป็น 125 ซีซี บลูคอร์ ที่จะมาเป็นเครื่องยนต์เรือธ.ของยามาฮ่าในยุคนี้
เครื่องยนต์ 125 ซีซี บลูคอร์ ให้การตอบสนองที่ค่อนข้างดี และมีอัตราเร่งที่ดี แม้ในจังหวะออกตัวจะทำได้ไม่ดีเท่าจีที125 และหากเทียบกับจีที125 แล้ว ฟีโน่จะมีแรงสั่นสะเทือนของเครื่องยนต์ที่มากกว่า ในขณะที่ จีที125 จะมาแนวเดินเรียบ นุ่มนวล ออกตัวได้รวดเร็ว ซึ่งตรงนี้คงแล้วแต่คนชอบ
ช่วงล่างของฟีโน่ถือว่าค่อนข้างโอเค แต่หากเทียบกับจีที125 แล้ว ยังรู้สึกว่าช่วงล่างของ จีที125 ให้ความมั่นใจในการขับขี่มากกว่า อาจด้วยปัจจัยอย่างลมยางและลักษณะของระบบกันสะเทือนที่ต่างกันด้วย
เอ็นแม็กซ์เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่หลายคนเฝ้ารอ ยามาฮ่าเคยเครมไว้ว่าเอ็นแม็กนั้นใช้งานได้เกือบ 60 กม/ลิตร ด้วยความประหยัดระดับเทพของเครื่องยนต์บลูคอร์ ที่ใช้สมรรถนะของเครื่องยนต์ 155 ซีซีได้อย่างเต็มที่บวกกับวาล์วแปรผันซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของเอ็นแม็กซ์
อัตราเร่งของเอ็นแม็กซ์ในจังหวะออกตัวน่าประทับใจ ตอบสนองต่อคันเร่งได้อย่างรวดเร็ว ตำแหน่งการวางเท้าก็มีให้ขยับตำแหน่งได้แบบสกู๊ตเตอร์ทั่วไป แม้ดูมีขนาดเล็กแต่พอลองคร่อมแล้วจะรู้สึกว่าแน่น ลงตัวกว่าที่คิด ที่สำคัญเอ็นแม็กซ์ยังมีความคล่องตัวสูง และสมรรถนะที่ดีเยี่ยม
ช่วงล่างสำหรับการใช้งานทั่วไปถือว่าโอเคเลยทีเดียว นุ่มนวลให้ความมั่นใจในการใช้งานได้เป็นอย่างดี เราไม่ถึงกับได้กำเบรกจนระบบเบรกเอบีเอสทำงาน แต่เท่าที่ลองดูดิสก์เบรกหน้าหลังนั้นเอาอยู่และนี่ก็เป็นอีกจุดเด่นของรถคันนี้ด้วย
สุดท้ายกับ เอ็มที-03 เน็กเก็ตคลาส 300 ที่หลายคนรอคอย เสียงท่อไอเสียยังคงดุดันไม่แพ้เพื่อนร่วมรุ่นอย่าง วายแซดเอฟ-อาร์3 เท่าที่สัมผัสได้คือ เอ็มที-03 มีแรงบิดที่ดีขึ้นกว่า อาร์3 พอสมควร ท่านั่งเองก็สบายไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ยิ่งพอเปลี่ยนเป็นแฮนด์บาร์ เอ็มที-03 เลยนั่งง่ายเข้าไปใหญ่
อีกสิ่งคือพอเปลี่ยนเป็นแฮนด์บาร์ เอ็มที-03 จึงควบคุมได้ดีกว่า หลบสิ่งกีดขวางได้คล่องตัวยิ่งขึ้น เครื่องยนต์เองก็ยังคงส่งกำลังได้ดีนุ่มนวลและค่อนข้างไหล แต่การได้ขี่วนๆ ไม่กี่รอบกับเกียร์ไม่กี่เกียร์ก็คงบอกอะไรไม่ได้มากนัก หวังว่าทางยามาฮ่าปล่อยรถทดสอบมาให้ได้สัมผัสกันในเร็ววันนี้
เรื่องสมรรถนะขอรถทั้ง 4 คัน สำหรับคนที่ต้องการซื้อไปใช้งานแล้วถือว่าสบายใจได้ ทุกคันทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดี ที่นี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณกำลังเล็งคันไหน ชอบสไตล์ไหน ตอนนี้จีที125 เริ่มวางขายในบ้านเราแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะตามมาช่วงเดือนกันยายน แฟนๆ ยามาฮ่าที่กำลังรอดูเตรียมเงินไว้ให้พร้อมได้เลย
สำหรับราคาของรถทั้ง 4 รุ่น ติดตามอ่านได้เพียงคลิกที่นี่
ขอขอบคุณ บริษัท ไทย ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.] ภาพโดย: OverRide Magazine
อ่านรีวิว ยามาฮ่า วายแซดเอฟ อาร์-3 คลิกที่นี่
อ่านข่าววงการมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด คลิกที่นี่
ความคิดเห็น