กลายเป็นเรื่องร้อนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ประกาศสนับสนุนการปลดล๊อคการถือครองรถยนต์คันแรก และการแก้กฎหมายการกำหนดสเปกรถแท็กซี่ในประเทศไทย
เรื่องหลังถือเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่มีการพูดคุยกันมานานแล้ว ขณะที่เรื่องแรกถือเป็นเผือกร้อนที่แม้แต่ค่ายรถขนาดใหญ่หลายรายยังปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น บอกว่าให้เป็นเรื่องการพิจารณาของรัฐบาลไป
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้เขาลุกขึ้นมาเดินนำกระแสที่หลาย ๆ คนยังไม่กล้าเรียกร้อง ออโต้สปินน์ มีโอกาสจับเข่าคุยกับผู้บริหารสูงสุดชาวไทยจากค่ายรถน้องใหม่ที่มีอายุไม่กี่ปี และพบว่าข้อเสนอที่เขาพูดมาถือว่าไม่เลวร้าย
"ถ้าจะถามว่าทำไมเราอยากเสนอเรื่องนี้ อย่าลืมว่าโครงการรถคันแรกนั้น กว่าจะจบโครงการอย่างเป็นทางการก็คือปลายปี 2016 ซึ่งหากดูจากภาพรวมเศรษฐกิจแล้ว หากไม่มีการกระตุ้นอะไร ตลาดซึมยาวถึงสิ้นปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่ายรถคงไม่อยากเห็น"
อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าข้อเสนอการลดการถือครองรถยนต์คันแรกจาก 5 ปีหรือ 3 ปี จะต้องไม่ต้องก่อให้เกิดการใช้งบประมาณภาครัฐเพิ่มเติม และเห็นด้วยหากจะมีการปรับผู้ที่ต้องการลดการถือครองเป็นสัดส่วนลงมา เช่น หากถือครอง 3 ปี จะต้องคืนเงินภาครัฐเท่าไร เป็นต้น
ทั้งนี้ เชื่อว่าค่ายรถหลายรายพร้อมที่จะเข้ามาดูแลผู้บริโภคที่ต้องการใช้สิทธิ์ดังกล่าว เนื่องจากในปัจจุบัน การทำตลาดเพื่อจำหน่ายรถก็ใช้เงินอยู่ในระดับหนึ่ง ซึ่งเชื่อว่าหากรัฐบาลเปิดโครงการออกมาก็จะทำให้เกิดการใช้เงินของผู้บริโภคในท้องตลาดบ้างไม่มากก็น้อย
"ตอนนี้ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่ผู้บริโภคไม่มีเงิน เห็นได้จากอัตราเงินเฟ้อที่ติดลบต่อเนื่องมาแล้ว 7 ปี จนแทบจะกลายเป็นเงินฝืดอยู่แล้ว หากไม่มีโครงการที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคใช้เงิน เศรษฐกิจก็จะซึมยาวไปอย่างแน่นอน เราจึงอยากเห็นรัฐบาลช่วยกระตุ้นตรงนี้"
ออโต้สปินน์ถามถึงการที่วัลลภออกมาพูดถึงการเปลี่ยนกฎการใช้งานแท็กซี่ เขาระบุว่ากฎหมายเกี่ยวกับรถแท็กซี่ที่บังคับใช้รถเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี.นั้น เป็นกฎหมายเก่าที่ควรเปลี่ยนแปลง เนื่องจากมีการใช้งานมาแล้วกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ ในปัจจุบันตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็กได้มีการพัฒนาขึ้นมาอย่างมาก ทั้งเรื่องของการออกแบบห้องโดยสารภายนอกและภายใน สมรถถนะของเครื่องยนต์ที่สามารถรองรับความต้องการในการใช้งานได้ไม่น้อยกว่ารถยนต์นั่งเครื่องยนต์ 1,600 ซีซี. ในอดีต
"เราเชื่อว่ารถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ได้รับการพัฒนาไปอย่างมากแล้ว รถยนต์อย่างซูซูกิ เซียสนั้น สามารถตอบสนองความต้องการได้ทั้งหมด แถมมีราคาจำหน่ายเพียง 5 แสนบาท หากมองในเรื่องของการคืนทุน ถือว่ามีความคุ้มค่าเหนือรถรุ่นอื่น"
เราปิดท้ายด้วยการถามผู้บริหารคนนี้เกี่ยวกับกระแสการผ่อนปรนการผลิตอีโคคาร์ 1 แสนคันในปีที่ 5 เขาตอบกลับมาเพียงว่าโครงการรถยนต์คันแรกไม่ได้ส่งผลดีต่อรถยนต์อีโคคาร์ ทำให้หลายค่ายอาจจะกระทบ แต่ในส่วนของซูซูกินั้น เซเลริโอขายดีมากในยุโรป และเขาเชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย
แต่ถ้ารัฐบาลจะเห็นดีงามด้วย ก็ขอไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ก็แล้วกัน!!!
ความคิดเห็น