ในรอบเดือนที่ผ่านมา ซูบารุ ประเทศไทย ได้จัดกิจกรรมมีเดีย โรด ทริป 2015 ขึ้นมา และได้ชักชวนให้เราร่วมเดินทางไปทดสอบรถใหม่อย่างซูบารุ ฟอเรสเตอร์และซูบารุ เอ็กซ์วี ซึ่งเป็นรถที่ทำยอดจำหน่ายค่อนข้างมากในประเทศไทย
ซูบารุ เอ็กซ์วี นั้นถือเป็นสินค้าหลักในการทำตลาดด้วยการเปิดสายการผลิตในมาเลเซีย ทำให้ทำราคาจำหน่ายได้ดี ขณะที่ ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ เตรียมที่จะขึ้นไลน์การผลิตในปีหน้า ซึ่งเชื่อว่าน่าจะทำยอดจำหน่ายเป็นกอบเป็นกำให้กับซูบารุในอนาคต
รถยนต์ที่แปะโลโก้ตราดาวลูกไก่นั้น ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของระบบเครื่องยนต์บอกเซอร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งเชื่อว่ามีกลุ่มลูกค้าหลักในประเทศไทยอยู่จำนวนหนึ่ง เห็นได้จากซูบารุ เอ็กซ์วี ที่วิ่งกันไปมาเกลื่อนถนน เพียงแค่ทำราคาจำหน่ายลดลงมาได้
อย่างไรก็ตาม ในทริปที่ไปทดสอบครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสเป็นผู้โดยสารบนฟอเรสเตอร์ขาไป และควบเอ็กซ์วีเดี่ยวขากลับ ซึ่งก็พอจะจับสัมผัสที่ดีของซูบารุทั้ง 2 คันที่นำมาให้ทดสอบกันได้มากพอสมควร
ฟอเรสเตอร์นั้น เป็นเอสยูวีพันธุ์แท้ที่มาพร้อมความโดดเด่นหลายประการที่สามารถใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน ห้องโดยสารขนาดใหญ่นั่งสบาย มาพร้อมช่วงล่างที่ไว้ใจได้ในทุกสภาพถนน แถมด้วยความสามารถในการลุยด้วยพื้นรถสูง 220 มม.
เครื่องยนต์บอกเซอร์ในรุ่นท๊อปอย่างเอ็กซ์ที มาพร้อมเครื่องเบนซิน 4 สูบ ขนาด 1,998 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 240 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,400-3,600 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติลิเนียร์ทรอนิก
ผมนั่งเป็นผู้โดยสารด้านข้างไปตลอดเส้นทางจากกทม. ผ่านเส้นทางคดโค้งบนไหล่เขาของเขาใหญ่ รู้สึกได้ถึงการตอบสนองของช่วงล่างที่ให้ความรู้สึกแน่นหนึบ เอาอยู่ ขณะที่เครื่องยนต์นั้นก็ให้พละกำลังที่เพียงพอต่อการใช้งานทั้งบนพื้นราบและทางลาดชัน
ในรุ่นท๊อปมาพร้อมอุปกรณ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นฝาท้ายแบบเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า และเครื่องเสียงของฮาร์มันคาร์ดอน รวมไปถึงปลายท่อไอเสียคู่ที่ดูเท่กว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด แต่ทั้งหมดนี้แลกมาด้วยค่าตัว 2.420 ล้านบาท เพิ่มจากรุ่นมาตรฐานเอาเรื่องอยู่
แต่หากต้องการรถยนต์เพื่อการใช้งานในเมืองเป็นหลัก เน้นสมรรถนะและความแตกต่างอย่างโดดเด่น ซูบารุ เอ็กซ์วี เอสทีไอ ที่มาพร้อมค่าตัว 1.198 ล้านบาท ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ เมื่อเทียบกับกลุ่มครอสโอเวอร์และเอสยูวีเล็กที่ทำตลาดกันอยู่
ด้วยข้อดีที่ราคาจำหน่ายลดลงมาท้าชิงกับรุ่นท๊อปของคู่แข่งได้มากขึ้น แต่เหนือกว่าด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ทำให้รถคันนี้มีความพร้อมในการลุยไปไหนมาไหน หรือแม้แต่วิ่งลงหลุมบ่อของถนนในกทม.และเมืองใหญ๋ได้มากขึ้น
เครื่องยนต์ยังคงเป็นบล็อกมาตรฐานแบบ 4 สูบนอน ขนาด 2.0 ลิตร ที่ให้พละกำลัง 150 แรงม้าที่ 6,200 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตรที่ 4,200 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง
นอกเหนือไปจากบรรดาชุดแต่งภายนอกที่เพิ่มเข้ามาหลายรายการ ซูบารุยังได้ทำการปรับแต่งภายในตัวรถด้วยการเพิ่มโครเมียมในตำแหน่งต่าง ๆ เพื่อให้สัมผัสที่หรูหราและสปอร์ตมากขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้มาในราคาที่สวยงามและสมเหตุสมผล
การตอบสนองของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างกระชับฉับไว ช่วงล่างให้การตอบสนองที่โดดเด่น การส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติอาจจะไม่หวือหวาทันใจ แต่ก็ไม่ได้อืดอาดขนาดต้องร้องเพลงรอ
โดยสรุปรวมแล้ว ซูบารุทั้ง 2 รุ่นนี้ให้การตอบสนองต่อการใช้งานที่ดีเยี่ยมและโดดเด่น ทำให้เชื่อว่ามีกลุ่มลูกค้าที่เน้นการใช้งานจริงต้องการที่จะสัมผัสและเป็นเจ้าของอยู่มาก ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของซูบารุในการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้ากลุ่มเหล่านี้
พยายามชักชวนพวกเขาเหล่านี้มาทดลองขับให้ได้ ที่เหลือก็รอให้ลูกค้าตัดสินใจ...
ขอขอบคุณ บริษัท ทีซี ซูบารุ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับรถยนต์ทดสอบ
ผู้เขียน golfautospinn พูดคุยกันได้ที่ pisan.i@icarasia.com เฟซบุ๊ค Autospinn.Fans และทวิตเตอร์ @autospinn
ติดตามข่าวรถยนต์ ราคารถยนต์ รีวิวรถยนต์ และจักรยานยนต์ทุกยี่ห้อ กับเรา Autospinn
แชร์ความคิดเห็นบนเว็บบอร์ด Autospinn คลิกเลย webboard.autospinn.com
เช็คโปรโมชั่นรถใหม่ เช็คราคารถใหม่ ได้ที่นี่
ราคารถมือสอง ซื้อรถมือสอง ขายรถมือสอง เชิญได้เลยที่ one2car
ความคิดเห็น