เมอร์เซเดส-เบนซ์ส่งภาพชุดใหญ่ของเอส-คลาส คาบริโอเลตออกมาแล้ว ถือเป็นรถสี่ที่นั่งเปิดประทุนระดับแฟล็กชิพรุ่นแรกของค่ายดาวสามแฉกนับตั้งแต่ปี 1971 เป็นต้นมา
เอส-คลาส คาบริโอเลตพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับรุ่นคูเป้ซึ่งเน้นความหรูหราและสง่างามหัวจรดท้าย แต่แน่นอนว่าสิ่งที่แตกต่างกันคือแผงหลังคาที่เป็นแบบผ้าใบหรือซอฟท์ท็อป ตอบสนองคนรักสายลมแสงแดด
ขณะที่สัดส่วนตัวถังของรุ่นคูเป้และเปิดประทุนเหมือนกันทุกประการ ความยาวอยู่ที่ 5,027 มม. กว้าง 1,899 มม. และมีความสูงเพียง 1,413 มม. เท่านั้น โดยรุ่นเปิดประทุนสูงกว่ารุ่นคูเป้ราว 4 มม. เนื่องจากดีไซน์ของหลังคาที่พับเก็บได้ในเวลาเพียง 20 วินาทีที่ความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม. โดยทำจากวัสดุบิวทิลและมีการเสริมวัสดุป้องกันเสียงรบกวนเพิ่มเติม
เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังติดตั้งระบบ AIRSCARF และ AIRCAP เป็นอุปกรณ์มาตรฐานซึ่งจะช่วยสร้างความอบอุ่นให้ลำคอผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมกับลดลมหมุนวนในห้องโดยสารเพื่อความสะดวกสบายทุกการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมอากาศ THERMOTRONIC ซึ่งทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบทำให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องปรับเลือกโหมดเครื่องปรับอากาศใดๆ ไม่ว่าจะเปิดหรือปิดหลังคา
เครื่องยนต์ยกมาจากรุ่นคูเป้ โดยมี 2 รุ่นให้เลือกสรรในช่วงเปิดตัว เริ่มจากเอส500 ใช้ขุมพลัง V8 ความจุระบอกสูบ 4.7 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 455 แรงม้า แรงบิด 700 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9G Tronic ขับเคลื่อนล้อหลัง
ขณะที่รุ่นสมรรถนะสูง เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เอส63 ใช้เครื่องยนต์ V8 ความจุ 5.5 ลิตร ไบเทอร์โบ รีดพลัง 577 แรงม้า แรงบิด 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ AMG Speedshift MCT 7 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบ 4MATIC อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 3.9 วินาที อัตราบริโภคน้ำมัน 9.6 กม./ลิตร
“หลังจากเวลาผ่านไปนาน 44 ปี เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส เปิดประทุนกลับมาทำตลาดอีกครั้ง” โอลา คัลเลนเนียส สมาชิกคณะกรรมการบริหารของเดมเลอร์ เอจีกล่าว “เอส-คลาส คาบริโอเลตโฉมใหม่สะท้อนถึงความหลงใหลและเอกลักษณ์ที่เหนือกาลเวลาที่เราต้องการแบ่งปันให้ลูกค้าได้สัมผัส”
เมอร์เซเดส-เบนซ์จะเปิดให้ลูกค้าสั่งจองได้ตั้งแต่เดือนธันวาคมนี้เป็นต้นไป กำหนดการส่งมอบจะเริ่มในช่วงไตรมาสที่สองปีหน้า
LINE
ความคิดเห็น