ปัญหาการถูกทุบกระจกรถขโมยทรัพย์สินเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบาดแพร่สะพัดทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด สร้างความเดือดร้อนทั้งต่อทรัพย์สินและการเสียเวลาต้องนำรถไปซ่อมกระจกที่เสียหาย
เมื่อสภาพเศรษฐกิจอยู่ในภาวะไม่สู้ดีนัก ปัญหาอาชญากรรมย่อมเพิ่มขึ้นสวนทางกับความฝืดเคือง เรามักได้ยินข่าวการลักทรัพย์ด้วยการทุบกระจกรถมากมายหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเหตุที่เกิดกับดาราหรือคนดังและที่เกิดกับคนธรรมดาอย่างเราๆ อีกมากมายนับไม่ถ้วน
วันนี้ ออโต้สปินน์ขอแบ่งปันไอเดียการหลีกเลี่ยงไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของโจรเหล่านี้กัน
1. ไม่จอดรถในที่เปลี่ยว
การจอดรถในบริเวณที่ไม่มีผู้คนผ่านไปมาหรือตามตรอกซอกซอยลึกแม้กระทั่งในช่วงเวลากลางวันเหมือนเป็นการเชิญชวนให้โจรใจบาปเลือกรถของคุณในการก่อเหตุ ไม่ว่าจะจอดทำธุระครู่เดียวหรือจอดไว้เป็นเวลานาน ความเสี่ยงในการถูกลักทรัพย์ถือว่าไม่แตกต่างกันเลย เพราะโจรเหล่านี้ใช้เวลาในการก่อเหตุไม่ถึงนาที บางรายลงมือเพียงแค่ 10 วินาทีก็เรียบร้อยแล้ว
2. เลี่ยงการจอดรถริมถนนยามค่ำคืน
อาชญากรรมกว่า 70% เกิดขึ้นในยามค่ำคืน การจอดรถริมถนนหรือในซอยที่ไม่มีแสงสว่างเพียงพอเพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกลักทรัพย์เช่นกัน ควรเลือกสถานที่จอดรถที่มีการป้องกันความปลอดภัยพอสมควร อย่างห้างสรรพสินค้าหรือบริเวณที่รับฝากรถ แต่ถ้ามีความจำเป็นต้องจอดริมถนน ควรเลือกบริเวณที่มีแสงสว่างมากที่สุดและมีผู้คนสัญจรไปมา
3. ไม่ทิ้งของมีค่าไว้ในรถ
ถ้าคุณไม่สามารถเลือกที่จอดได้ และต้องรถในที่เปลี่ยวและมืด ไม่ควรทิ้งของมีค่าไว้ในรถ ทั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อป กล้องถ่ายรูป กระเป๋าราคาแพง และอื่นๆ เพราะจะล่อตาล่อใจโจรที่ตระเวนออกล่าเหยื่อ ทางที่ดีควรหยิบของมีค่าติดมือลงจากรถไปด้วย (บางคนอาจคิดว่า “คงไม่เป็นไรหรอก” แต่เมื่อกลับมาที่รถก็อาจสูญเสียของมีค่านับแสนบาท) แต่ถ้าคุณมีสิ่งของราคาแพงอยู่ในรถจำนวนมากจนไม่สามารถหยิบลงไปได้หมด ก็ควรมองหาที่จอดที่ปลอดภัยกว่า
4. ติดสัญญาณกันขโมย
สัญญาณกันขโมยบางประเภทจะส่งเสียงร้องเตือนเมื่อมีการสัมผัสกับตัวรถโดยที่ไม่ได้กดรีโมทเปิดประตู ถึงแม้สัญญาณอาจจะไม่สามารถป้องกันการถูกลักทรัพย์ได้เต็ม 100% แต่ก็ยังช่วยชะลอการก่อเหตุหรืออาจทำให้เจ้าโจรเตลิดหนีไปได้
ความคิดเห็น