ผลสำรวจเผยสภาพเศรษฐกิจที่สดใสและราคาน้ำมันที่ปรับลดลงกระตุ้นให้ผู้คนออกมาใช้รถใช้ถนนกันมากขึ้น นำไปสู่อุบัติเหตุบนท้องถนนที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน
สภาความปลอดภัยแห่งชาติของสหรัฐอเมริกาเปิดเผยว่า ในช่วงหกเดือนแรกของปีนี้ ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตถีบตัวสูงขึ้น 14% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว และถือเป็นตัวเลขการเสียชีวิตที่มากที่สุดในรอบเกือบสิบปี
มีชาวอเมริกันเสียชีวิตบนท้องถนนมากถึง 18,630 คนในช่วงครึ่งแรกของปี 2015 และถ้าตัวเลขยังคงดำเนินไปเช่นนี้ คาดว่าภายในปีนี้จะมีผู้เสียชีวิตมากถึง 40,000 คนซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 และเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นปีต่อปีสูงที่สุดในรอบ 69 ปีเลยทีเดียว
“เราแปลกใจอย่างมากที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว” เดบอราห์ เฮอร์แมน ประธานสภาความปลอดภัยแห่งชาติกล่าว “ผู้คนส่วนใหญ่ยังไม่ตระหนักถึงแนวโน้มที่น่าวิตกนี้”
ไม่เพียงเท่านั้น ตัวเลขคนเดินถนนที่ถูกรถชนยังเพิ่มสูงขึ้น 15% เมื่อเทียบกับห้าปีที่แล้ว สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการใช้สมาร์ทโฟนที่ทำให้ขาดสมาธิ
โจนาธาน แอดกินส์ ผู้อำนวยการสมาคมความปลอดภัยบนถนนหลวงของสหรัฐฯ กล่าวว่า “อัตราว่างงานต่ำ ราคาน้ำมันลดลง ผู้คนนิยมสัญจรไปมาด้วยการขับขี่รถมากขึ้น หลายคนมีเงินมากพอที่จะแสวงหาความสุขและเดินทางท่องเที่ยวซึ่งมักนำไปสู่อุบัติเหตุ พวกเขามีเงินทำกิจกรรมที่อาจทำให้พวกเขาจบชีวิตบนท้องถนน”
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าอุบัติเหตุถึงแก่ชีวิตที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มีสาเหตุมาจากสภาพเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการไม่สวมเข็มขัดนิรภัยและการใช้สมาร์ทโฟนขณะขับขี่รถยนต์ซึ่งมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ความคิดเห็น