ยามาฮ่ายังคงรุกไล่ตลาดชิงส่วนแบ่งยอดขายกลับคืนมาอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่พร้อมจำหน่ายอย่างรวดเร็วจนคู่แข่งตั้งหลักไม่ติดไม่ว่าจะเป็น จีที125 ฟีโน่125 เอ็มที-03 และน้องเล็กจากแม็กซืรีย์ เอ็นแม็กซ์
เราจะคุ้นเคยกับภาพลักษณ์ของเอ็นแม็กซ์ในสไตล์สกู๊ตเตอร์พรีเมี่ยมจากรุปแบบการโปรโมทประชาสัมพันธ์จากฝั่งยุโรปที่ขายมาก่อนหน้าเรา แต่รู้รึเปล่าว่าเจ้านี่มาจากตระกูลสกู๊ตเตอร์สปอร์ตตัวจี๊ดของค่ายส้อมเสียงเขาเลยนะ
หล่อ หรู สปอร์ต สไตล์แม็กซ์ ซีรีย์
ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ น้องเล็กที่สุดจาก แม็กซ์ ซีรีย์ ที่มีขายในบ้านเรา โดดเด่นด้วยดีไซน์ในแบบสปอร์ตด้วยเอกลักษณ์ของช่วงหน้า ที่ถูกย่อลงมาจากสกู๊ตเตอร์สปอร์ตตัวแรงของยามาฮ่าอย่าง ทีแม็กซ์ ทั้งไฟหน้าและไฟเลี้ยวที่โดดเด่น และยังเลือกใช้สีสันที่เพิ่มความหรูหราในแบบพรีเมี่ยม สกู๊ตเตอร์
แม้ ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ จะถูกนำเสนอในภาพลักษณ์ของสกู๊ตเตอร์พรีเมียมสำหรับการใช้งานในเมืองที่คล่องตัวแต่ก็ยังไม่ทิ้งเรื่องความสะดวกสบายด้วยตำแหน่งท่านั่งที่ผ่อนคลายทำให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นใจ และยังมีตำแหน่งการวางเท้าถึงสองระดับ มีพื้นที่ให้คุณขยับได้ไม่อึดอัดแต่อย่างใด
ชิลด์หน้าติดรถยิ่งช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ความเป็นสปอร์ตที่หรูหราได้เป็นอย่างดี และหากคุณเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเดินทางไกล ยามาฮ่ายังได้เตรียมชุดแต่งทั้งชิลด์หน้าทรงสูงและการ์ดแฮนด์เอาไว้ให้เลือกซื้อใส่รถเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการขับขี่ให้มากยิ่งขึ้น
ใต้เบาะใหญ่ เรือนไมล์เก๋
ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ มาพร้อมเรือนไมล์แบบดิจิตอลที่บอกข้อมูลได้ค่อนข้างละเอียดครบถ้วนโดยเฉพาะอัตราสิ้นเปลืองที่เลือกได้ทั้งอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยและอัตราสิ้นเปลือง ณ ปัจจุบัน ที่จะมีการประมวลอยู่ตลอดเวลาที่คุณใช้คันเร่งซึ่งตอบรับกับแทบที่ด้านขวาของจอที่จะคอยบอกระดับความสิ้นเปลืองของตัวรถในขณะนั้น
ช่องใส่ของที่ด้านล่างของแฮนด์บาร์มีแค่ที่ฝั่งซ้ายจำนวนหนึ่งช่องในขณะที่ฝั่งขวาจะปิดทึบ แต่ก็ชดชเยด้วยกล่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ใต้เบาะที่ใส่หมวกกันน็อคครึ่งใบได้โดยยังมีพื้นที่เหลือสำหรับเก็บสัมภาระอื่นๆ ได้อีก จุได้หนำใจ และยังมีขาตั้งให้เลือกใช้ทั้งขาตั้งข้างและขาตั้งคู่ด้วย
พอรวมๆ กันแล้ว แม้จะยังไม่ได้ลองถึงสมรรถนะแต่ทว่าแค่ด้วยรูปลักษณ์หน้าตา และงานออกแบบที่หรูหรา สปอร์ตเท่โดนใจแล้ว จึงไม่แปลกที่ตลอดการทดสอบเราจะถูกถามข้อมูลของตัวรถจากผู้ที่สนใจอยู่เรื่อยๆ ไม่ว่าเวลาติดไฟแดงหรือตอนแวะจอดข้างทางก็ตาม
155ซีซี บลูคอร์ แรงชัด ปลายไหล ประหยัดได้
เทคโนโลยีบลูคอร์ในเครื่องยนต์ยุคใหม่ของยามาฮ่าชูจุดเด่นเรื่องอัตราเร่งที่ทันใจพ่วงกับความประหยัดน้ำมันที่ยอดเยี่ยม และเอ็นแม็กซ์ยังมีจุดเด่นที่ระบบวาล์วแปรผัน ที่จะทำงานในรอบที่สูงขึ้นซึ่งเป็นจุดแข็งของเอ็นแม็กซ์ที่คู่แข่งไม่มี
แล้วเจ้าวาล์วแปรผันนี่เป็นจุดแข็งที่น่าสนใจพอไหม บอกเลยว่าคุณจะไม่ผิดหวัง แม้อัตราเร่งในช่วงต้นจะไม่ได้หวือหวาหรือว่าฉีกเพื่อนร่วมทางตั้งแต่ออกจากไฟแดง แต่พอถึงจุดหนึ่งแล้วเราจะรู้สึกได้ทันทีว่ารอบเครื่องยนต์จัดและส่งได้ดียิ่งขึ้นซึ่งนั่นน่าจะเป็นจุดที่ระบบวาล์วแปรผันของรถคันนี้ทำงาน
แม้เราจะบอกว่าอัตราเร่งช่วงต้นของรถจะไม่หวือหวาแต่ก็เร่งจาก 0-80 กม/ชม ได้ทันใจและยังดันผ่านความเร็วที่ระดับ 120กม/ชม ไปได้ด้วยตัวรถเดิมๆ ลมตีประมาณหนึ่งและการนั่งโต้ลมตามปกติไม่ได้หมอบแต่อย่างใด
หากบอกว่าเครื่องยนต์ของเจ้าเอ็นแม็กซ์มีสองบุคลิคก็คงได้ ในรอบที่วาล์วแปรผันยังไม่ทำงานเครื่องยนต์จะออกแนวนุ่มนวลให้ความรู้สึกของการเป็นพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์ หรูหราไม่เร่งรีบ แต่ที่รอบสูงก็ปรู้ดปร้าด รวดเร็ว ทันใจ ไม่ทิ้งลายแม็กซ์ซีรีย์ สปอร์ตสกู๊ตเตอร์ชื่อชั้นขั้นเทพของยามาฮ่า
โช้คนุ่ม ดิสก์หน้าหลังเด็ด เอบีเอสโดน
เอ็นแม็กซ์มาพร้อมกับเบรกเอบีเอสที่ทำงานได้ค่อนข้างโอเคสำหรับรถระดับนี้ เบรกให้น้ำหนักในการเบรกที่ดีและเอบีเอสเองก็ทำงานได้อย่างเป็นจังหวะเหมาะสม ไม่ได้ทำให้ผู้ใช้ที่ไม่คุ้นเคยกับเอบีเอสต้องเหวอและแน่นอนว่าเอบีเอสของรถคันนี้จะช่วยให้คุณปลอดภัยขึ้นได้จริง
หากคุณอยากได้สมรรถนะในการขับขี่ที่สนุกขึ้น มั่นใจขึ้น ควรรอเปลี่ยนโช้คอัพแบบคู่ที่ด้านหลังเมื่อมีของแต่งเจ๋งๆ ออกจำหน่าย ที่บอกแบบนี้ไม่ใช่ว่าโช้คอัพเดิมๆ ไม่ดี แต่ถ้าอยากขี่ได้สนุกและมั่นใจขึ้น เชื่อเถอะว่าเปลี่ยนแล้วคุณจะสนุกขึ้นจริงๆ
โช้คอัพหลังเดิมของรถให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างยวบสักนิดสำหรับผู้ที่อยากได้ฟีลลิ่งแบบสปอร์ต เข้าโค้งสนุก รูดได้เพลินๆ แต่หากมองในฐานะพรีเมี่ยมสกู๊ตเตอร์แล้วโช้คนุ่มๆ แบบนี้ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว นุ่มๆ ค่อยๆ ไป ให้คนเห็นความเท่ของเอ็นแม็กซ์แบบเต็มๆ ตา แต่ตอนซัดก็ไม่ใช่ธรรมดาเหมือนกัน
เรามีโอกาสได้ลองอัดเทียบกับคู่แข่งต่างค่ายก็พบว่า ช่วงต้นเอ็นแม็กซ์จะตามหลังอยู่หน่อยๆ แต่พอถึงจุดที่รอบสูงขึ้น วาล์วอีกตัวหนึ่งทำงาน เอ็นแม็กซ์ก็จะทำความเร็วตามได้ในไม่ช้าและยังทำความเร็วทิ้งห่างได้เสียด้วยซ้ำ แต่ที่ความเร็วสูง พอบวกเจอถนนแรลลี่บ้านเราก็เล่นเอาร่อนไปร่อนมาเหมือนกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องการเทียบความเร็วอย่าลืมปัจจัยของผู้ขับขี่และอื่นๆ ด้วย
อัตราสิ้นเปลืองของเครื่องยนต์บลูคอร์ 155ซีซี ลูกนี่บนหน้าจอดิจิตอลแสดงผลเฉลี่ยอยู่ราวๆ 26-27 กม./ลิตร จากการใช้งานทั้งในหมู่บ้าน บนถนนใหญ่ชานเมือง และถนนโล่งๆ ที่ทำความเร็วได้ ซึ่งอัตราการสิ้นเปลืองเฉลี่ยจะมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความหนักมือกับคันเร่งของคุณ
หากกำลังมองหารถออโตเมติคไว้ติดบ้านสักคัน ยามาฮ่า เอ็นแม็กซ์ ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอันดับต้นๆ ด้วยความสดใหม่ของตัวรถ เทคโนโลยี เครื่องยนต์ ที่ได้เปรียบคู่แข่ง และในช่วงนี้ยังเป็นที่สนใจของผู้ที่พบเห็นและผ่านไปมาอีกด้วย หากมีโอกาสอยากให้ลองสัมผัสสักครั้งไม่แน่คุณอาจจะหลงรักเจ้านี่ก็ได้
ขอขอบคุณ บริษัท ไทย ยามาฮ่า มอเตอร์ จำกัด
บททดสอบโดย: Ken [Warodom C.]
ชมภาพจากการทดสอบและตัวรถทั้งหมด คลิกที่นี่
อ่านข่าววงการมอเตอร์ไซค์ทั้งหมด คลิกที่นี่
อ่านลองขี่ครั้งแรก ยามาฮ่า เอ็มที-03 และบลูคอร์อีกสามรุ่น คลิกที่นี่
อ่านรีวิว ยามาฮ่า จีที125 คลิกที่นี่
ความคิดเห็น