ยูโร เอ็นแคป ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องการทดสอบความปลอดภัยของรถยนต์ที่เข้มงวดที่สุดในโลก ประกาศแนะนำระบบการทดสอบตรวจจับคนเดินถนนอัตโนมัติหรือ Autonomous Pedestrian Detection รูปแบบใหม่ล่าสุด
การทดสอบดังกล่าวมีเป้าหมายประเมินการทำงานของรถยนต์ที่มีระบบเบรกอัตโนมัติว่ามีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด โดยจะจำลองสถานการณ์ทดสอบ 3 รูปแบบ คือ ป้องกันการชนผู้ใหญ่ที่เดินบนถนน ป้องกันการชนผู้ใหญ่ที่วิ่งบนถนน และป้องกันการชนเด็กที่วิ่งลงมาบนถนนจากรถที่จอดอยู่ข้างทาง ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
รถที่จะได้คะแนนทดสอบที่ดีนั้นจะต้องมีระบบเบรกอัตโนมัติที่ช่วยป้องกันการชนหุ่นดัมมีที่ความเร็วไม่เกิน 40 กม./ชม. โดยตัวรถจะโลดแล่นที่ความเร็ว 40 – 60 กม./ชม. แต่จะต้องลดความเร็วให้ต่ำกว่า 40 กม./ชม. โดยอัตโนมัติเพื่อให้คนเดินถนนได้รับบาดเจ็บน้อยที่สุด
ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา อุบัติเหตุบนท้องถนนถึงแก่ชีวิตในยุโรปลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่ในปี 2014 คนเดินถนน นักปั่นจักรยานและคนขี่มอเตอร์ไซค์ยังมีอัตราเสียชีวิตมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน 47% จากอุบัติเหตุทั้งหมด 26,000 ครั้ง นอกจากการเสียชีวิตแล้ว หลายรายยังพิการเนื่องจากได้รับบาดเจ็บที่สมองและกระดูกสันหลัง
อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดขึ้นเมื่อผู้ขับขี่ขาดสมาธิ รวมถึงการเบรกที่ช้าเกินไปหรือเบาเกินไป จึงมีการติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติที่ใช้เลเซอร์ เรดารและกล้องทำงานร่วมกันในการช่วยเหลือผู้ขับขี่
ยูโร เอ็นแคปพยายามปรับปรุงการปกป้องคนเดินถนนมาตั้งแต่ปี 1997 โดยการทดสอบจะเน้นความเป็นมิตรกับคนเดินถนนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยการทดสอบระบบเบรกอัตโนมัติเริ่มตั้งแต่ปี 2013 แต่ให้ความสำคัญกับการชนระหว่าง “รถกับรถ” มากกว่า กระทั่งมาเริ่มทดสอบ “รถกับคน” ล่าสุดนี้
ความคิดเห็น