เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ฤกษ์เผยโฉมซีดานหรู อี-คลาส เจนเนอเรชั่นใหม่บนเวทีดีทรอยท์ ออโต้โชว์อย่างเป็นทางการแล้ว
อี-คลาสรุ่นใหม่ถ่ายทอดแรงบันดาลใจมาจากซี-คลาสและเอส-คลาส นักเลงรถหลายคนจึงน่าจะคุ้นเคยเป็นอย่างดี แต่มีการปรับรายละเอียดภายนอกกันเล็กน้อยตามรุ่นย่อย โดยเฉพาะกระจังหน้าที่จะแตกต่างกันทั้งรุ่น Exclusive, Avantgarde และ AMG Line นอกจากนี้ยังมีกรอบไฟหน้า Multibeam LED เป็นอ็อปชั่นเสริม
ภายในห้องโดยสารดูหรูหรายิ่งขึ้นด้วยการใช้วัสดุที่มีคุณภาพพรีเมียมกว่าเดิม เติมความทันสมัยด้วยดีไซน์คล้ายซี-คลาส มีวัสดุไม้เพิมความคลาสสิกและสีสันการตกแต่งหลาหลายรูปแบบ มีพวงมาลัยวงใหม่และสวิทช์แบบระบบสัมผัสที่รองรับการสั่งงานแนวตั้งและแนวนอน
อุปกรณ์เสริมมีทั้งระบบเครื่องเสียง Burmester 3D แสงไฟในห้องโดยสารปรับได้ 64 รูปแบบ แพ็คเกจ Heat Comfort มาตรวัดดิจิตอลที่ใช้หน้าจอขนาดใหญ่ถึง 12.3 นิ้วสองตัว
อี-คลาส สเปกยุโรปจะมีเครื่องยนต์ 2 รุ่น เริ่มจาก อี200 ขุมพลังเบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร 184 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตรและอี220 ดี เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร พลัง 195 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร
หลังจากนี้ ค่ายรถตราดาวสามแฉกยังจะเปิดตัวอี350 ดี ขุมพลังดีเซลตามออกมาด้วย มีพลังอยู่ที่ 258 แรงม้า แรงบิดมหาศาล 620 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีรุ่นอี400 4เมติค เครื่องยนต์เบนซิ 6 สูบ พลัง 333 แรงม้า แรงบิด 480 นิวตันเมตร
อี-คลาสรุ่นใหม่ยังจะมีเวอร์ชั่น อี350อี ปลั๊กอินไฮบริด เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าและชุดแบตเตอรี่ มีพลัง 279 แรงม้า แรงบิด 600 นิวตันเมตร สามารถโลดแล่นด้วยพลังไฟฟ้าได้ระยะทาง 30 กม.
สำหรับในสหรัฐอเมริกาจะเพิ่มรุ่น 2.0 ลิตร 241 แรงม้า แรงบิด 273 ฟุตปอนด์ ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด
แน่นอนว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาสใหม่จะอัดแน่นอุปกรณ์ความปลอดภัยครบครัน แต่ระบบที่น่าจับตามองมากที่สุดก็คือ Drive Pilot ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติที่ทำให้ตัวรถเคลื่อนที่บนทางหลวงไฮเวย์ได้เร็วสูงสุด 210 กม./ชม. โดยที่คนขับไม่ต้องควบคุม ขณะเดียวกัน ยังสามารถเลือกติดตั้งระบบช่วยจอดด้วยรีโมทอีกด้วย
ความคิดเห็น