การเปิดตัวของฮอนด้า บีอาร์-วี รถเอสยูวีขนาดเล็กทำให้ตลาดรถอเนกประสงค์มีความคึกคักตั้งแต่ต้นปี เพิ่มทางเลือกให้ลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่มองหารถขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่รองรับการใช้งานครบครัน
ถึงแม้ฮอนด้าจะยืนยันว่าบีอาร์-วีเป็นการเปิดตลาดใหม่ที่ยังไม่มีคู่แข่งโดยตรง แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ลูกค้าจะนำไปเปรียบเทียบกับรถอเนกประสงค์แบบเอ็มพีวีขนาดเล็ก 7 ที่นั่งที่มีราคาใกล้เคียงกัน เราจึงขอเปรียบเทียบความโดดเด่นของแต่ละรุ่นเพื่อเป็นทางเลือกเพิ่มเติม
โตโยต้า เปิดตัว นิว อแวนซา รถยนต์มินิแวนรุ่นยอดนิยมโฉมใหม่ภายในงาน มอเตอร์เอ็กซ์โปเมื่อปลายปีทีแล้ว พร้อมออพชั่นที่เพิ่มเติมเข้ามาในรุ่นใหม่ เน้นยกระดับความสะดวกสบายเพื่อแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
หลังจากได้เสียงวิจารณ์ที่หลากหลาย ทั้งชื่นชมและตำหนิโดยเฉพาะการออกแบบอแวนซาโฉมที่แล้ว ทำให้โตโยต้าทำการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของนิว อแวนซาใหม่ให้มีความสปอร์ตและทันสมัยมากขึ้นอย่างชัดเจน
เริ่มจากกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ที่เน้นสีดำเติมความดุดันแบบเล็กๆ และมีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น มาพร้อมไฟหน้าโปรเจกเตอร์รมดำที่มีดีไซน์ปราดเปรียวตามสมัยนิยม ไฟท้ายมัลติรีเฟลตเตอร์รมดำ สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกแบบแอลอีดี
ภายในมีการปรับปรุงแผงคอนโซลใหม่ ช่วยเพิ่มความง่ายดายในการใช้งาน มาพร้อมจอทัชสกรีนขนาด 7 นิ้ว รองรับแอพพลิเคชัน ที-คอนเน็กซ์ สามารถเชื่อมต่อทั้ง ยูเอสบี และ บลูทูธ การตกแต่งสีเงินเมทัลลิก หากมองในภาพรวม การออกแบบภายในของอแวนซ่าเน้นความเรียบง่าย ไม่มีสิ่งใดหวือหวา แต่รองรับการใช้งานด้วยเบาะ 3 แถว 7 ที่นั่งที่สามารถพับแยกส่วน เบาะแถวสองสามารถปรับเลื่อนหน้า-หลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ได้
เครื่องยนต์เป็นบล็อกเบนซิน 4 สูบใหม่ ขนาด 1.5 ลิตร 16 วาล์ว Dual VVT-i ให้กำลังแรงม้าสูงสุด 102 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 134 นิวตันเมตร ที่ 4,200 รอบต่อนาที และยังคงมาตรฐานการปล่อยก๊าซระดับยูโร 4
โตโยต้าระบุว่า อแวนซ่าใหม่เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองด้วยความคล่องตัวสูง มีรัศมีวงเลี้ยวอยู่ที่ 4.7 เมตร ช่วงล่างหน้าเป็นแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ช่วงล่างหลังไฟว์ลิงค์ พร้อมคานควบคุมการบิดตัวแนวขวาง
ความปลอดภัยถือว่ามีพอตัว ถุงลมนิรภัยคู่หน้า แกนพวงมาลัยแบบยุบตัวได้ กล้องมองหลัง เบรกเอบีเอส และเซ็นเซอร์ถอยหลัง แต่อุปกรณ์ข้างต้นจะลดหลั่นลงไปตามรุ่นย่อย
ราคาจำหน่ายของโตโยต้า นิว อแวนซ่า มีดังนี้
1.5S A/T 7.29 แสนบาท
1.5G A/T 6.79 แสนบาท
1.5E A/T 6.40 แสนบาท
1.5E M/T 6.05 แสนบาท
ด้วยการพัฒนาบนพื้นฐานของซูซูกิ สวิฟต์ รถมินิเอ็มพีวีอย่างเออร์ติกาจึงมีรูปลักษณ์แบบเดียวกับรถแฮทช์แบ็กร่วมค่าย โดยเฉพาะด้านหน้า มองในภาพรวมไม่ถือว่าโดดเด่นมากนัก ดีไซน์เน้นความเรียบง่ายแต่แฝงด้วยความทันสมัย
ไฟหน้ามัลติเฟลกเตอร์แบบฮาโลเจน กระจังหน้าโครเมี่ยมให้กลิ่นอายความหรูหรา ด้านท้ายมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กบนหลังคาพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว
เข้ามาดูภายในห้องโดยสาร เออร์ติกาให้บรรยากาศที่คุ้นเคยเพราะยกโครงสร้างมาจากสวิฟต์เช่นกัน มีช่องแอร์ตอนหลังติดตั้งที่เพดานให้ความเย็นสบายสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง คอนโซลสีทูโทนจัดวางอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครันพอตัว
แน่นอนว่ารถที่ออกแบบสำหรับคนรุ่นใหม่จะต้องมีระบบความบันเทิงมากพอสมควร ซูซูกิให้อุปกรณ์เชื่อมต่อยูเอสบี สามารถฟังเพลงในรูปแบบ MP3/ WMA รวมถึงปุ่มควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย เพิ่มความสะดวกอีกระดับ
จุดเด่นของเออร์ติกายังอยู่ที่การปรับเบาะได้อย่างหลากหลาย โดยเบาะตอนสองสามารถปรับระยะเลื่อนเข้า-ออกได้ ถึง 240 มม. ถ้าต้องการเข้าไปนั่งเบาะแถวสาม เพียงดันคันโยกขึ้น พนักเก้าอี้จะล้มตัวลงและเลื่อนมาด้านหน้าโดยอัตโนมัติ จึงสามารถเข้าถึงที่นั่งแถวที่ 3 ได้ง่ายดาย
หัวใจขับเคลื่อนของเออร์ติกาใช้เครื่องยนต์ 1.4 ลิตร วีวีทีให้กำลัง 95 แรงม้า และแรงบิด 130 นิวตันเมตร รองรับเชื้อเพลิง E20 มาตรฐานไอเสียยูโร 4 เครื่องยนต์บล็อกนี้พัฒนาต่อมาจากสวิฟต์ อีโค แต่ขยายความจุเพิ่ม ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด
ในส่วนของระบบความปลอดภัย เออร์ติกามาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่ ระบบเบรกป้องกันล้อล็อกเอบีเอส ระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์อีบีดี ตัวถังมีความแข็งแกร่งปลอดภัยด้วยโครงสร้าง TECT
ราคาจำหน่ายของซูซูกิ เออร์ติกา มีดังนี้
GX/AT 6.89 แสน
GL/AT 6.39 แสน
GA/MT 5.54 แสน
เปิดตัวมาพร้อมกับแนวคิด How BRAVE are we? หรือ ให้ความกล้าพาชีวิตไปให้สุด ตอกย้ำการบุกเบิกตลาดใหม่ เจาะกลุ่มลูกค้านิวเจนเนอเรชั่นที่ต้องการฉีกกรอบแบบเดิมๆ เพื่อสัมผัสกับรถเอสยูวีขนาดเล็กที่ถือว่ายังไม่มีคู่แข่งในตลาดโดยตรง
ดีไซน์ภายนอกสไตล์สปอร์ตแฝงความแข็งแกร่ง ช่วงล่างยกสูงสไตล์รถเอสยูวี ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ พร้อมไฟหรี่แบบ LED และไฟท้ายแบบ LED ดีไซน์รูปตัว C พร้อมราวหลังคาสไตล์สปอร์ตที่ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในทุกรุ่น
ภายในห้องโดยสารของบีอาร์-วีมี 2 รุ่น 2 รูปแบบให้เลือกใช้ เริ่มจากรุ่น V มาพร้อมเบาะนั่ง 2 แถว 5 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับพับแยกแบบ 60:40 พร้อมพับตลบจังหวะเดียวเพื่อเพิ่มพื้นที่ ขณะที่รุ่น SV มาพร้อมเบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง โดยเบาะนั่งแถวที่ 2 พนักพิงปรับเอนได้ 2 ระดับ สามารถปรับเลื่อนหน้า-หลัง เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารแถวที่ 3 เข้า-ออกได้สะดวกยิ่งขึ้น
อ็อปชั่นภายในประกอบด้วย มาตรวัดเรืองแสงสีขาว พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID ไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์อัจฉริยะ และระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ มอบความสะดวกสบายในการเข้า-ออก ตัวรถ พร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 6.1 นิ้ว ที่รองรับระบบไอโอเอสและแอนดรอยด์ เชื่อมต่อภาพและเสียงได้อย่างง่ายดายผ่านช่องเชื่อมต่อ HDMI, USB และ AUX อีกทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สายบลูทูธ
เครื่องยนต์ของบีอาร์-วี เป็นเทคโนโลยีเอิร์ธดรีม SOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว 117 แรงม้า ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่องหรือซีวีที รองรับเชื้อเพลิง E85
ระบบความปลอดภัยครบครัน ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก พร้อมระบบกระจายแรงเบรก ระบบควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ถุงลมคู่หน้า พร้อมกล้องส่องภาพด้านหลัง (Rearview Camera)
ปัจจุบัน ฮอนด้าถือเป็นหนึ่งในผู้นำที่รุกตลาดรถยนต์อเนกประสงค์อย่างเต็มที่ นอกเหนือจากบีอาร์-วีแล้วลูกค้ายังมีทางเลือกที่สูงขึ้นอย่างเอชอาร์-วีและซีอาร์-วี รวมถึงรถอเนกประสงค์ที่มีค่าตัวย่อมเยากว่าอย่างโมบิลิโอ
ราคาจำหน่ายของฮอนด้า บีอาร์-วี แบ่งออกเป็นสองรุ่นคือ
SV 8.2 แสนบาท
V 7.5 แสนบาท
ความคิดเห็น