อัพเดทล่าสุด! ฮอนด้า ซีวิค (2016 Honda Civic) เจนเนอเรชั่นที่ 10 ทั้งเครื่อง 1.5 Turbo และ 1.8 ลิตร
หลังจากเป็นข่าวมานานพอสมควร ฮอนด้า ก็เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัว 2016 ฮอนด้า ซีวิค (2016 Honda Civic) เจนเนอเรชั่นที่ 10 อย่างเป็นทางการในประเทศไทยในช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้
ความพิเศษนอกเหนือนอกจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นกว่ารุ่นที่ผ่านมา ก็คือทางเลือกของเครื่องยนต์ที่ปรับเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและ 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม มาเป็นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรและ 1.5 ลิตร เทอร์โบ เป็นครั้งแรกของฮอนด้าในประเทศไทย
แน่นอนว่าเมื่อมาเป็นรุ่นท๊อปที่สุด ฮอนด้า ก็ต้องขยับทางเลือกให้หลากหลายสมกับที่เป็นตัวท๊อป ทำให้มีการเพิ่มไลน์ออกเป็น 2 รุ่นย่อย โดยในรุ่นท๊อปอย่างซีวิค อาร์เอส มาพร้อมออพชั่นและสมรรถนะที่โดดเด่นเหนือใครในตลาด
ก่อนเปิดตัวอย่างเป็นทางการ 1 เดือน ฮอนด้า ประเทศไทย ได้จัดทริปเชื้อเชิญสื่อมวลชนราว ๆ 20 ชีวิตมาร่วมทดสอบฮอนด้า ซิวิค อาร์เอส รุ่นท๊อปของค่ายกันที่สนามแข่งรถบุรีรัมย์ โดยให้วิ่งกันคนละ 2 รอบ
ถึงแม้ว่าจะวิ่งกันที่สนามนี้บ่อยครั้ง แต่ก็เป็นการยากมากที่จะจับความรู้สึกและบรรยากาศของรถได้ทั้งหมดในคราวเดียว เอาเป็นว่าก็จะค่อย ๆ จับความรู้สึกเท่าที่ทำได้กับการอยู่บนรถประมาณ 7 นาที มาเล่าสู่กันฟัง ก่อนการขับอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นอีกครั้งช่วงกลางเดือนมีนาคม
ฮิโรชิ อิโตะ หัวหน้าวิศวกร ดูแลโครงการฮอนด้า ซีวิค ใหม่ บริษัท ฮอนด้า อาร์แอนด์ดี จำกัด บอกว่าซีวิคคือรถยนต์รุ่นสำคัญของฮอนด้า โดนมียอดเฉลี่ยปีละ 7.1 แสนคัน ครอบคลุมพื้นที่การขายกว่า 170 ประเทศทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายรวมกัน 9 เจนเนอเรชั่น 43 ปีกว่า 23 ล้านคัน
ในเจนเนอเรชั่นที่ 10 นั้น จะใช้ฐานการผลิตทั่วโลก 9 แห่งในการผลิตรถยนต์ที่มีความหลากหลายตั้งแต่คูเป้, ซีดาน, แฮชท์แบ็ค และไทป์-อาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างสรรค์รถยนต์ระดับซี เซกเมนต์ที่ดีที่สุดในโลก ให้เทียบเท่ากับสปอร์ต คอมแพคท์ จากค่ายยุโรป
“ทีมงานของฮอนด้ามีความมั่นใจที่จะพัฒนาไปสู่มาตรฐานใหม่ โดยมุ่งหมายไปที่กลุ่มลูกค้าที่ใช้ชีวิตที่เต็มเปี่ยม ด้วยปลักษณ์ สมรรถนะและความสะดวกสบายที่เป็นเยี่ยม สร้างสรรค์ยานยนต์ที่ก้าวล้ำที่สุด ด้วยการใช้เทคโนโลยีในการออกแบบมาผสานกับเทคโนโลยี”
การออกแบบรถยนต์โดยภาพรวมนั้นถือว่าให้บรรยากาศสปอร์ต ด้วยขนาดรถที่กว้างขึ้น ยาวขึ้นและมีขนาดที่เตี้ยลง ทำให้รถดูมีบรรยากาศที่ลู่ลมกว่าเดิม แถมการออกแบบที่เน้นมิติของตัวถังและลายเส้นที่มีความชัดเจนมากขึ้น ทำให้ตัวรถดูคม คล่องแคล่วและปราดเปรียวแม้จอดอยู่เฉย ๆ
ด้านหน้าของรถนั้นมีลักษณะเหมือนปากฉลามที่ยื่นยาวออกมา ฝากระโปรงและกันชมหุ้มกรอบโคมไฟหน้าไว้ ไฟหรี่ขนาดใหญ่ติดตั้งที่ด้านข้างตัวรถตรงตำแหน่งท้ายกันชนหน้า เส้นสายของตัวรถไล่ไปถึงด้านหลัง ที่ออกแบบได้ดุดันและดูบึกบึนแข็งแกร่ง
ไฟหน้าพร้อมเดย์ไลท์และไฟท้ายบางส่วนแบบแอลอีดี น่าจะเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นอาร์เอส ให้ความรู้สึกเฉียบคม โดยสรุปแล้วการออกแบบภายนอกถือว่าสอบผ่าน และน่าจะเป็นรถที่แต่งสนุก แต่งสวย มีคนเอาไปตกแต่งตามใจชอบตามมาอีกมากมายอย่างแน่นอนในอนาคต
โครงสร้างตัวถังโดยรวมของรถนั้นให้ความรู้สึกสปอร์ตมากขึ้นด้วยตัวถังที่กว้างและเตี้ยกว่าเดิม ให้ความรู้สึกที่สปอร์ตมากขึ้น โดยตัวรถมีความกว้างมากขึ้น 50 มม. สูงลดลง 20 มม. และมีความยาวเพิ่มขึ้น 25 มม. แต่ฐานล้อยาวขึ้น 30 มม. ทำให้ได้ห้องโดยสารที่กว้างขึ้นกว่าเดิม
ฮอนด้าระบุว่าผู้โดยสารตอนหลังจะมีระยะวางเข่ามากขึ้นอีก 70 มม. ขณะที่ห้องเก็บสัมภาระตอนหลังนั้นมีขนาดกว้างใหญ่ถึง 530 ลิตร เพิ่มขึ้นจากรุ่นเดิม 20% ซึ่งจากการกระโดดเข้าไปลองนั่งดูแล้ว ที่นั่งตอนหลังมีความกว้างขวางดีงามตามที่ฮอนด้ากล่าวไว้
เฮดรูปมีขนาดใหญ่โต โอ่อ่า การก้าวเข้าไปให้ห้องโดยสารตอนหลังต้องก้าวลงเล็กน้อยเนื่องจากตัวรถมีขนาดเตี้ยลงอย่างเห็นได้ชัด เบาะที่นั่งนั้นกว้างใหญ่แต่ไม่โอบกระชับกับตัว ทำให้ยังมีคำถามว่าถ้านั่งไปนานนานแล้ว จะเกิดอาการเมื่อยหรือเปล่า ต้องรอพิสูจน์กันต่ออีกที
จุดที่รู้สึกได้อีกอย่างก็คือการเข้าไปในตัวรถนั้นน่าจะยากสำหรับผู้สูงวัยพอสมควร เนื่องจากขอบประตูหลังด้านล่างที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ และพื้นที่วางขาที่เว้าเข้าไปด้านใน ประกอบด้วยตัวรถที่ค่อนข้างเตี้ย ทั้งหมดนี้น่าจะทำให้อากงอาม่าเข้าประตูกันลำบากสักนิด
เครื่องยนต์รุ่น 1.8 ลิตร จะทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติเอ็น-ซีวีที ซึ่งยังไม่ได้เอามาให้ลองกัน แต่เครื่องยนต์ที่เป็นไฮไลท์อย่างเครื่องยนต์เอิร์ธดรีม วีเทค 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตรที่ 1,700-5,500 รอบต่อนาที
ตัวเครื่องยนต์แม้จะมีสมรรถนะที่สูง แต่ก็ให้การประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยการปล่อยไอเสียเพียง 132 กรัมต่อกิโลเมตร ผ่านมาตรฐานไอเสียแบบยูโร 4 ส่งกำลังผ่านเกียร์ซีวีทีน้ำหนักเบาที่ทำงานร่วมกับทอร์ค คอนเวิร์ตเตอร์ ให้การตอบสนองที่ดีเมื่อเทียบกับเกียร์แบบคลัชแห้ง
สิ่งที่น่าเสียดายก็คือฮอนด้าพัฒนาเครื่องยนต์รุ่นนี้ออกมาให้รองรับเชื้อเพลิงเพียงแค่อี20 เท่านั้น ซึ่งวิศวกรของฮอนด้าอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงใช้ได้แค่นี้ แต่บอกว่าในรุ่นเครื่องยนต์ 1.8 ลิตรนั้น ยังจะรองรับการใช้งานเชื้อเพลิงระดับอี85 ได้เหมือนเดิม อันนี้ก็ถือเป็นเรื่องแปลกเรื่องหนึ่งเหมือนกัน
พอไปขับจริง ๆ แล้ว 2 รอบสนามบุรีรัมย์ แอดมินใช้เวลาไปประมาณ 6 นาที ซึ่งถือว่าปกติไม่ได้เร็วไม่ได้ช้าไปกว่าคนอื่น จับอาการคร่าว ๆ ของรถได้มาว่าดีขึ้นกว่าซีวิครุ่นเดิม ๆ ทุกรุ่นอย่างเห็นได้ชัด เครื่องยนต์ให้การตอบสนองที่ดี การทำงานของเกียร์ซีวีทีก็ถือว่าโอเค แม้จะไม่แมตช์กับสนามสักเท่าไร
ตำแหน่งการนั่งที่เตี้ยลงไปทำให้บรรยากาศการขับขี่ดูสปอร์ตมากขึ้น พวงมาลัยขนาดกำลังดี ให้น้ำหนักการควบคุมและการตอบสนองที่แม่นยำ มาพร้อมช่วงล่างที่ฮอนด้าพยายามทำให้มันสปอร์ตมากขึ้น โดยพยายามรักษาฐานรถครอบครัวเอาไว้ ก็เลยออกมากลาง ๆ ไม่สุดไปทางใดทางหนึ่ง
การควบคุมรถในแทร็กสนามแข่งเป็นไปได้อย่างง่ายดายด้วยการทำงานที่สัมพันธ์กันระหว่างเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ระบบส่งกำลังและระบบควบคุม ต้องบอกว่า ซีวิครุ่นนี้นั้นก้าวมาไกลกว่ารถรุ่นเก่า ๆ อย่างเห็นได้ชัด และทำให้ซีวิคเข้าไปใกล้เคียงกับคำว่าสปอร์ต ซีดานมากขึ้น
การออกตัวจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ต่ำกว่า 10 วินาทีอย่างแน่นอน จากการนับในใจคร่าว ๆ น่าจะประมาณ 9 วินาทีนิด ๆ อันนี้ต้องกะเอา เพราะทีมงานฮอนด้ายึดโทรศัพท์มือถือไปก่อนลงแทร็ก ขณะที่ความเร็วในสนาม 150-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทำได้สบาย ๆ แบบไม่เหนื่อย ไม่เค้น
เกียร์ซีวีทีนั้นให้การตอบสนองที่เนียนนวลมาก การเปลี่ยนเกียร์แทบไม่มีจังหวะสับให้สัมผัสได้ การเปลี่ยนเกียร์เพื่อดึงกำลังของเครื่องยนต์นั้นก็พาลไม่รู้สึกไปด้วย เรียกว่าต้องกะจังหวะสับรอกันสักเล็กน้อย แต่อันนี้เป็นธรรมชาติของเกียร์นะครับ ไม่ได้เป็นข้อเสียต่อการขับขี่แต่อย่างใด
ช่วงล่างแบบนิ่มนวลเนียนของซีวิค ได้รับการปรับแต่งให้บึกบึนขึ้นตามรูปลักษณ์ของรถไปด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นความกระด้างแบบรถสปอร์ต แต่เหมือนเป็นรถครอบครัวที่ผ่านการจูนให้นิ่งกว่าเดิม ซึ่งแค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำให้รถคันนี้ขับสนุกยิ่งขึ้น แต่หากเป็นขาโหดก็ต้องไปปรับจูนกันเองอีกนิด
ภายในห้องโดยสารให้อุปกรณ์มาแบบค่อนข้างจะเรียบงานในสไตล์มินิมอลลิสต์ ไม่มีเวลาเล่นวิทยุ เครื่องเสียงอะไรทั้งสิ้น เห็นจากสายตาว่าวัสดุที่ใช้นั้นไม่หรูหรา และไม่สปอร์ตมากมาย เป็นพลาสติกแบบไม่ได้เนี๊ยบกริบอะไร พวงมาลัยมัลติฟังชั่น ซ้ายคุมวิทยุ ขวาครูซคอนโทรล แต่ปรับฟังชั่นส์ไปจากรุ่นเดิม ๆ
เอาล่ะ ขับ 6 นาทีรู้แค่นี้ก็เยอะแล้ว ไว้ต้องรอมาขับละเอียด ๆ ลองการใช้งานทั้งหมดกันอีกรอบ โดยส่วนตัว ฮอนด้าประสบความสำเร็จในการทำรถให้ละทิ้งกลิ่นอายของญี่ปุ่น และไปเน้นโซนตะวันตกมากขึ้น ทำให้ได้รถที่มีกลิ่นอายแปลกประหลาดไม่เหมือนรถรุ่นเก่า ๆ ที่ผ่านมา
ฮอนด้ามีแผนที่จะเปิดตัวฮอนด้า ซีวิค รุ่นใหม่ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ พร้อมการจำหน่ายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ก่อนที่จะจัดทดสอบอย่างเป็นทางการก่อนเริ่มงานมอเตอร์โชว์ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นรถที่ได้รับความสนใจจากประชาชนชาวไทยไม่น้อย
สำหรับสนนราคานั้น ฮอนด้ายังไม่สามารถประกาศอะไรได้อย่างชัดเจน แต่ก็เชื่อว่าฮอนด้าน่าจะมุ่งมั่นกับรถยนต์ที่ทำการผลิตที่โรงงานในประเทศไทยมากพอสมควร แม้ฐานภาษีจะถูกปรับขึ้นมาพอสมควรก็ตามที
ทั้งหมดนี้ สามารถติดตามกันได้อย่างชัดเจนเร็ว ๆ นี้ หลังงานเปิดตัว ติดตาม ออโต้สปินน์ กันให้ดี!!!
ป.ล.รูปบางรูปขอยืมมาจากในอินเตอร์เนตนะครับ เพราะฮอนด้าให้ภาพจากงานทดสอบมา 4 รูปถ้วน ๆ ไม่มีภายในมาให้ ภายในเลยขอยืมคนอื่นมา แล้วก็หาพวงมาลัยขวาไม่มี แต่อารมณ์แบบนี้ล่ะ ใช่เลย!!!
ติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวของแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์ได้ ที่นี่
ต้องการซื้อรถมือสอง ตรวจสอบราคารถยนต์มือสอง เชิญที่นี่
ความคิดเห็น