ถือเป็นอีกหนึ่งเซกเมนท์ที่น่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับรถอเนกประสงค์เอสยูวีขนาดคอมแพกต์ เพราะมีรถใหม่เปิดตัวมากมายในช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา
ถึงแม้เชฟโรเลต แคปติวาโฉมปัจจุบันจะทำตลาดมายาวนานแล้ว แต่ค่ายรถยักษ์อเมริกันทำการปรับโฉมใหม่พร้อมเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกเข้ามาเพียบ เช่นเดียวกับเอ็มจีที่เปิดตัวจีเอสรุ่นใหม่เอี่ยมต่อจากมาสด้าที่เพิ่งเผยโฉมซีเอ็กซ์-5 รุ่นปรับไมเนอร์เชนจ์
เราไปชมกันเลยว่ารถทั้งสามรุ่นมีความโดดเด่นอะไรบ้าง
แคปติวา รุ่นใหม่ปี 2016 เปิดตัวครั้งแรกที่งานมอเตอร์ เอ็กซ์โปเมื่อปลายปีที่แล้ว เชฟโรเลตพัฒนาแคปติวาใหม่เพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่และครอบครัวสมัยใหม่ที่ต้องการอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะการเชื่อมต่อขณะเดินทาง นั่นทำให้หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของแคปติวาคือ ระบบเชฟโรเลต มายลิงค์รุ่นใหม่ซึ่งให้การเชื่อมต่อที่เหนือชั้นที่สุดและมอบความสะดวกง่ายดายสำหรับผู้ใช้งานสมาร์ทโฟนผ่านการต่อสายและใช้งานแอพฯ แอปเปิล คาร์เพลย์ (Apple CarPlay) และ แอนดรอยท์ ออโต้ (Android Auto)
ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกก็ถูกปรับดีไซน์ใหม่ด้วย โดยเฉพาะกรอบไฟหน้า ซึ่งมีขนาดเล็กลงและมาพร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่กลางวันในตัว การปรับดีไซน์ยังรวมถึงกระจังหน้าซึ่งปรับตำแหน่งโบว์ไทของเชฟโรเลตให้สูงขึ้นบนกระจังหน้าเอกลักษณ์แบบดูอัลพอร์ท ขณะที่ด้านหลังรถได้รับการปรับการออกแบบใหม่ โดยมีปลายท่อไอเสียโครเมียมและไฟท้ายแอลอีดีที่เพิ่มภาพลักษณ์ความสปอร์ตและทันสมัยยิ่งกว่าเดิม
แคปติวายังได้รับการยกระดับภายในห้องโดยสาร มีหน้าจอแสดงผลระบบมายลิงค์ทำให้วิทยุและการควบคุมระบบนำทางเป็นส่วนเดียวกันและสามารถใช้งานผ่านหน้าจอทัชสกรีนสีเต็มรูปแบบบนคอนโซลกลาง ขณะที่การควบคุมระบบปรับอากาศแบบดูอัลโซนของแคปติวาที่แยกส่วนออกมาโดยเฉพาะก็มีการใช้งานที่สะดวกง่ายดายมากขึ้น
ไฮไลท์สำคัญของแคปติวาใหม่ยังอยู่ที่ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มเติมเข้ามาอย่างระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา (Side Blind Zone Alert) ระบบแจ้งเตือนการจราจรและสิ่งกีดขวางด้านหลัง (Rear Cross Traffic Alert) และระบบช่วยเหลือการถอยจอด (Rear Park Assist) ระบบเหล่านี้ใช้เซ็นเซอร์เรดาร์ที่ติดตั้งบนกันชนหลังในการตรวจจับมุมอับสายตาด้านข้าง คอยช่วยเหลือผู้ขับขี่เมื่อกำลังถอยหลังหรือเปลี่ยนช่องจราจร จึงหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุได้
ระบบความปลอดภัยและการรักษาเสถียรภาพของแคปติวาเพียบพร้อมทั้งแบบแอคทีฟและ แพสซีฟ ทั้งระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการพลิกคว่ำ ระบบกระจายแรงเบรกอิเลกทรอนิก และระบบเสริมแรงเบรกแบบไฮดรอลิก
แคปติวา ใหม่ มีจำหน่ายทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาว Summit White สีเงิน Switchblade Silver สีเทา Satin Steel Gray สีดำ Black Sapphire สีน้ำตาล Auburn Brown โดยรุ่น LTZ จะมาพร้อมบันไดข้างสแตนเลสและล้อห้าก้านสีทูโทนรุ่นใหม่เพื่อความสปอร์ตและหรูหรายิ่งขึ้น
แคปติวามาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.4 ลิตร รองรับเชื้อเพลิง E85พละกำลัง 167 แรงม้า (123 กิโลวัตต์) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิด 230 นิวตันเมตร (23.45 กก.-เมตร) ที่ 4,600 รอบ/นาที
ขณะที่เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบ 2.0 ลิตร พละกำลัง 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิด 400 นิวตันเมตร (40.78 กก.-เมตร) ที่ 2,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดครั้งแรกในระดับเดียวกัน พร้อมระบบ Driver Shift Control (DSC)
ราคาจำหน่ายของแคปติวา เริ่มต้นที่ 1.298 ล้านบาท ไปจนถึงรุ่นท็อปไลน์ แคปติวา ดีเซล 2.0 LTZ SVP (Navi) 1.734 ล้านบาท
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 รถเอสยูวีรุ่นยอดนิยมอีกหนึ่งรุ่นของคอรถยนต์ชาวไทยเพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ทั้งภายในและภายนอกสำหรับการต่อกรในตลาดรถอเนกประสงค์ที่มีทีท่าว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซีเอ็กซ์-5 เป็นอีกหนึ่งรุ่นของมาสด้าที่ได้รับการออกแบบภายใต้แนวคิด “โคโดะ ดีไซน์” จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว ถอดแบบมาจากเสือชีต้าห์ในขณะซุ่มรอจังหวะกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อ หรือนักต่อสู้เคนโด้ในจังหวะที่กำลังเงื้อมือเพื่อรวมพละกำลังไว้ที่ปลายดาบ รูปลักษณ์ภายนอกทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยการออกแบบการตกแต่งกระจังหน้าแบบใหม่ที่เน้น เส้นโครเมี่ยมเรียงตัวกันแนวนอน เส้นสายดูปราดเปรียวน่าจะถูกใจคนที่ชื่นชอบความสปอร์ต ชุดโคมไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมเส้นเดย์ไทม์รันนิ่งไลท์ ที่หลายต่อหลายคนเรียกร้องต้องการชุดโคมไฟหน้าแบบนี้ ซึ่งครั้งนี้มาสด้าก็จัดให้เต็มที่
ภายในห้องโดยสารใช้เบาะหนังสีดำเข้ม แต่งตะเข็บด้วยด้ายสีแดง Lining Stitch วัสดุแผงคอนโซลหน้า คอนโซลกลาง และแผงประตู แต่งด้วยสีเงินวาวและสีดำเงา ภายในห้องโดยสารกว้างขวางสะดวกสบายยิ่งขึ้น โดยพนักพิงแถวหลังสามารถแยกพับได้ 3 ส่วน แบบ 40:20:40 อิสระจากกัน เบาะนั่งคู่หน้าปรับไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ 2 ตำแหน่งด้านผู้ขับ และระบบเบรกมือไฟฟ้าที่ถูกจัดวางในตำแหน่งที่สะดวกสบายต่อการใช้งาน พร้อมที่วางแก้วน้ำ และช่องเก็บของหลายจุดภายในรถ
เทคโนโลยีเชื่อมต่อโลกโซเชียล MZD CONNECT ให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมทุกการสื่อสารได้อย่างที่ต้องการ เชื่อมต่อโลกออนไลน์ได้ทุกเวลา และอัพเดทข้อมูลข่าวสารได้แม้ขณะเดินทาง โดยแสดงผลผ่านหน้าจอดิสเพลย์ระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ผู้ขับขี่สามารถเรียกดูข้อมูลผ่านระบบสั่งการด้วยเสียง Voice Recognition หรือผ่าน Center Commander ปุ่มควบคุมที่คอนโซลกลางตรงตำแหน่งใกล้มือผู้ขับขี่
มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ยังมาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัย i-ACTIVSENSE ที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ระบบไฟหน้า LED ระบบ Driver Attention Alert ช่วยเตือนเมื่อเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ระบบ SCBS (Smart City Brake Support) ช่วยเบรกและลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุจากการชนปะทะด้านหน้าเมื่อขับด้วยความเร็วต่ำ ระบบ SCBS-R (Smart City Brake Support-Reverse) ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการชนขณะขับถอยหลังด้วยความเร็วต่ำ
นอกจากนี้ยังมีระบบ LAS (Lane-keep Assist System) ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน ระบบ ABSM (Advanced Blind Spot Monitoring) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน ช่วยให้ผู้ขับปลอดภัยขณะเปลี่ยนเลน ระบบ LDWS (Lane Departure Wrning System) ระบบเตือนเมื่อรถเบี่ยงออกนอกเลน โดยจะส่งสัญญาณเตือนเมื่อรถอาจเบี่ยงออกนอกเลนโดยไม่ได้ตั้งใจ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ และระบบ RCTA (Rear Cross Traffic Alert) ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง
ทางด้านขุมพลังมาพร้อม 2 ตัวเลือก คือเครื่องยนต์ SKYACTIV-D หรือเครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร ที่มีอัตราความประหยัดถึง 17.5 กิโลเมตร/ลิตร และเครื่องยนต์ SKYACTIV-G หรือเครื่องยนต์สกายแอคทีฟเบนซิน 2.0 ลิตร ที่มีอัตราความประหยัดถึง 14.5 กิโลเมตร/ลิตร
เครื่องยนต์สกายแอคทีฟคลีนดีเซล 2.2 ลิตร เทอร์โบชาร์จเจอร์แบบสองขั้น และอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบวาล์วไอเสียแปรผัน VVL (Variable Valve Lift) หัวฉัดแบบ PIEZO ฉีดน้ำมันได้ละเอียด ประสิทธิภาพสูงสุด ให้กำลัง 175 แรงม้า1 แรงบิดสูง 420 นิวตัน-เมตร2 ประหยัดน้ำมันถึง 17.5 กม./ลิตร3 และผ่านมาตรฐานข้อบังคับมลพิษของยุโรปขั้นที่ 6 (Euro Stage 6)4
ในส่วนของราคา สำหรับ มาสด้า ซีเอ็กซ์-5 ได้มีการเปิดตัวเป็นจำนวน 4 รุ่นย่อย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ กับรุ่น SKYACTIV-G 2.0 C ราคา 1.22 ล้านบาท รุ่น SKYACTIV-G 2.0 S ราคา 1.33 ล้านบาท รุ่น SKYACTIV-D 2.2 XD ราคา 1.53 ล้านบาท และรุ่นท็อป SKYACTIV-D 2.2 XDL (AWD) ราคาที่ 1.69 ล้านบาท
เอ็มจี จีเอส
เพิ่งเปิดตัวสดๆ ร้อนๆ ด้วยคอนเซปต์การเป็นรถสปอร์ตเอสยูวีเน้นความปราดเปรียวและหรูหรา “จีเอส” ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิด บริท ไดนามิค (Brit Dynamic) เช่นเดียวกับรถเอ็มจีทุกรุ่น เน้นความโดดเด่นทั้งในด้านการออกแบบ สมรรถนะ การควบคุม และความปลอดภัย
รูปลักษณ์ภายนอกค่อนข้างแปลกตา ตามสโลแกนของเอ็มจี จีเอสที่ว่า “ไม่ตามใคร” หรือ Follow No Others ดีไซน์เน้นความสปอร์ตและปราดเปรียว กระจังหน้าทรงเรียวเชื่อมต่อกรอบไฟ บนฝากระโปรงมีเส้นสันคมที่เน้นย้ำโลโก้ MG ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ล้ำสมัยด้วยกรอบไฟตัดหมอกทรงเหลี่ยมเช่นเดียวกับปลายท่อไอเสียก็เป็นทรงเหลี่ยมด้วย กรอบไฟหน้าโปรเจคเตอร์ เฮชไอดี พร้อมไฟส่องสว่างขณะขับขี่ในเวลากลางวันหรือเดย์ไลท์ ไฟท้ายแอลอีดี บนหลังคามีซันรูฟแบบปรับไฟฟ้า
อ็อปชั่นอำนวยความสะดวกมีทั้งระบบไฟหน้าเปิด-ปิดอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ ระบบหัวฉีดน้ำล้างไฟหน้า ระบบปรับระดับไฟหน้าสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง รวมถึงราวหลังคา ขณะที่ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตสีทูโทนมีขนาด 18 นิ้ว
การออกแบบภายในเน้นความทันสมัย ตกแต่งด้วยวัสดุหนังระดับพรีเมียม สีดำสะท้อนภาพลักษณ์แห่งความสปอร์ตดุดัน เบาะที่นั่งด้านหลังสามารถปรับพับได้แบบแยกส่วนแบบ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บสัมภาระด้านท้าย เบาะที่นั่งผู้ขับขี่และเบาะผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือครูส คอนโทรล (Cruise Control) สะดวกสบายยิ่งขึ้นด้วยกุญแจอัจฉริยะ การสตาร์ทรถแบบ Push Start ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ อีกหนึ่งความโดดเด่นของ NEW MG GS คือเทคโนโลยีการสื่อสารอัจฉริยะ inkaNet (อินคาเน็ต) ที่เป็นการสื่อสารระหว่างตัวรถและผู้ขับขี่ พร้อมระบบนำทางเนวิเกชั่นแสดงผลผ่านหน้าจอทัชสกรีนขนาด 8 นิ้ว และระบบเครื่องเสียงตอบสนองความบันเทิงผ่านลำโพง 8 ตัว
เร้าใจไปกับสมรรถนะที่พร้อมตอบสนองทุกการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว ไดเรคอินเจคชั่น พละกำลังสูงสุด 218 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตรที่ 2,500 – 4,000 รอบต่อนาที พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตโนมัติ (AWD) ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ TST – Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 6 สปีด สามารถรองรับเชื้อเพลิง E85 อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ภายใน 8.2 วินาที
ความปลอดภัยถือว่าครบครันไม่แพ้คู่แข่ง ถุงลมคู่หน้า ถุงลมคู่หน้าและด้านข้างให้ความอุ่นใจในทุกเส้นทาง พร้อมระบบความปลอดภัย 13 ระบบ ซึ่งเราขอยกตัวอย่างระบบสำคัญ อย่าง ระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (TCS - Traction Control System) ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC – Curve Brake Control) ระบบควบคุมการทรงตัว (SCS – Stability Control System) ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง (AVH – Auto Vehicle Hold) ระบบทำความสะอาดจานเบรกอัจฉริยะ (BDC - Intelligent Brake Disc Cleaning) ระบบเพิ่มแรงดันไฮดรอลิคเบรกให้เหมาะสม (OHBV – Optimized Hydraulic Brake Servo) และระบบป้องกันการลื่นไถล เมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน (MSR – Motor Control Slide Retainer)
ราคาจำหน่ายของเอ็มจี จีเอ็ม มีให้เลือก 2 รุ่น คือ MG GS 2.0TD 2WD ราคา 1.21 ล้านบาท และ MG GS 2.0TX AWD ราคา 1.31 บาท
LINE
ความคิดเห็น