ตลาดรถขนาดคอมแพ็กต์ร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหนึ่งในเจ้าตลาดอย่างฮอนด้า เผยโฉมซีวิค เจนเนอเรชั่นที่ 10 รุ่นใหม่ออกทำตลาด พร้อมกับขุมพลังเทอร์โบชาร์จที่กำลังเป็นเทรนด์มาแรงในโลกยานยนต์เวลานี้
กลยุทธ์การลดขนาดเครื่องยนต์และพ่วงระอัดอากาศเทอร์โบชาร์จยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควรในตลาดเมืองไทย แต่ด้วยการขยับตัวของยักษ์ใหญ่อย่างฮอนด้า ตามมาด้วยการทำตลาดฟอร์ด โฟกัส อีโคบูสต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ น่าจะทำให้ลูกค้าชาวไทยหันมาให้ความนิยม “หอย” มากขึ้น
เทคโนโลยีอันล้ำสมัยที่ใส่กันเข้ามาแบบไม่ยั้ง ยังถือเป็นจุดขายของรถเซกเมนท์นี้ เราไปลองชมรถคอมแพ็กต์ 3 รุ่น 3 สไตล์ที่เรานำมาฝากกันได้เลย
ถือเป็นการปรับโฉมครั้งสำคัญและอยู่ในช่วงเวลาเดียวกับคู่แข่งในเซกเมนท์อย่างฮอนด้า ซีวิค โดยโฟกัสใหม่มาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่ทันสมัยมากขึ้น ฟอร์ดระบุว่าดีไซน์ภายนอกถูกเน้นให้ดูทรงพลังยิ่งขึ้นด้วยดีไซน์ด้านหน้าแบบใหม่ โดยเฉพาะกระจังบนแผงกันชนขนาดใหญ่อันเป็นเอกลักษณ์ล่าสุดของค่ายรถยักษ์อเมริกันรายนี้
กรอบไฟหน้าเป็นแบบฮาโลเจน พร้อมเดย์ไลท์ LED ไฟท้ายเป็นแบบ LED ที่ออกแบบมาเพื่อให้เชื่อมต่อเข้ากับเส้นสายของตัวรถ ด้านข้างมีสเกิร์ตเสริมความโฉบเฉี่ยว ส่วนบั้นท้ายยังมีสปอยเลอร์ขนาดเล็กบนหลังคาเพิ่มภาพลักษณ์ปราดเปรียว ฟอร์ดชูสีน้ำเงินเป็นสีฮีโร่ของโฟกัส ไฟตัดหมอกหน้า-หลังเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ไฟหน้ามีระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ
ภายในห้องโดยสารของโฟกัสใหม่ ถูกพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่าเดิม พร้อมเพิ่มวัสดุดูดซับเสียงที่ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก คอนโซลหน้ารถมีระบบทำความร้อนเพื่อไล่ฝ้าบนกระจกหน้า ระบบความร้อนที่กระจกด้านข้างจะทำงานเพื่อช่วยไล่ฝ้าจากกระจกด้านข้างด้วย ผู้ขับขี่ยังสามารถเลือกแสงไฟในห้องโดยสารได้ถึง 7 สี
เทคโนโลยีภายในห้องโดยสารครบครัน ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกส่วน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ปุ่มสตาร์ท เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะด้านหลังพับได้ 60:40 ระบบสั่งการด้วยเสียง SYNC 3 รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth และสามารถใช้งานกับ Apple CarPlay และ Android Auto บนแดชบอร์ดมีหน้าจอระบบสัมผัสขนาดใหญ่ 8 นิ้ว เครื่องเสียงพร้อมลำโพง 9 ตัว และพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
ระบบความปลอดภัยมาตรฐานอัดแน่นตามมาตรฐานฟอร์ด อาทิ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง ถุงลมนิรภัยด้านคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย นอกจากนี้ยังมี สัญญาณเตือนระยะถอยหลัง สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า ระบบช่วยจอดอัจฉริยะแบบเทียบข้างและถอยเข้าซอง ระบบช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำและกล้องมองหลังขณะถอยจอด
ไฮไลท์อยู่ที่เครื่องยนต์ 4 สูบ 1.5 ลิตร GTDi อีโคบูสต์ เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 180 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 240 นิวตัน-เมตร ที่ 1600-5000 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมันแบบไดเรคอินเจคชั่น ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
ราคาของฟอร์ด โฟกัสใหม่ยังไม่เปิดเผย แต่คาดว่าเราจะรับทราบกันภายในงานบางกอก มอเตอร์โชว์ปลายเดือนมีนาคมนี้
ถึงแม้จะเปิดตัวออกมาได้สักพักแล้ว แต่มาสด้า 3 ยังคงโดดเด่นสะดุดตาด้วยเอกลักษณ์การออกแบบ “โคโดะ ดีไซน์” KODO: SOUL of MOTION จิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว เน้นความสปอร์ต ปราดเปรียวเป็นหลัก แฝงด้วยภาพลักษณ์ความหรูหราโครงสร้างถูกออกแบบให้มีน้ำหนักเบาและลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ ล้ออัลลอยมีขนาด 16 นิ้วและ 18 นิ้ว
ภายในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตเช่นกัน เบาะที่นั่งกึ่งบั๊กเก็ตซีทสีเข้มสไตล์ All Black สีดำ เสริมความโฉบเฉี่ยวด้วยด้ายสีแดงเดินเส้นแต่งรอบเบาะ แผงอุปกรณ์และประตู ประดับด้วยวัสดุสีเงินซาตินสลับกับสีดำวาว Piano Black
อุปกรณ์สำคัญในห้องโดยสารคือเทคโนโลยีเชื่อมต่อ MZD CONNECT รองรับกิจกรรมดิจิตอลของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นอินเทอร์เน็ตบราวเซอร์ โซเชียลมีเดีย หรือรับ-ส่งข้อความ SMS จากสมาร์ทโฟนผ่านสัญญาณ Bluetooth พร้อมข้อมูลข่าวสารและความบันเทิงที่มีให้เลือกมากมายจากแอพพลิเคชัน “อะฮ่า” Aha by HARMAN รวมถึงระบบนําทาง ไฮไลท์ของการออกแบบภายในยังอยู่ที่คอนเซปต์ HMI เน้นการใช้งานง่ายโดยไม่ต้องละสายตา หรือหันหน้าไปจากถนน เช่น จอ Center Display สั่งงานผ่านปุ่ม Center Commander ข้างลําตัวผู้ขับขี่
ด้านหน้าผู้ขับขี่มีหน้าจอเฮดอัพดิสเพลย์แสดงแสดงข้อมูลสำคัญบนกระจกเล็กๆ ทั้งระดับความเร็ว ข้อมูลระบบนำทางเนวิเกเตอร์ และสัญลักษณ์เตือนจากระบบความปลอดภัยอัตโนมัติ
มาสด้า 3 มาพร้อมเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร SKYACTIV-G 2.0 DOHC แถวเรียง 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันคู่อัจฉริยะ Dual S-VT พละกำลัง 165 แรงม้าที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด 210 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบ/นาที รองรับ E85 ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติสกายแอคทีฟ มีระบบที่สั่งให้เครื่องยนต์หยุดการทำงานชั่วคราวเมื่อรถจอดนิ่ง ขณะที่อุปกรณ์ต่างๆ ภายในรถยังคงทำงานตามปกติ ทำให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเครื่องยนต์จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อรถพร้อมออกตัว
ความปลอดภัยครบเครื่องเช่นกัน มีระบบ SCBS: Smart City Brake Support เพิ่มวิสัยทัศน์ในเวลากลางคืน และขับขี่ในเมืองด้วยความปลอดภัยยิ่งขึ้น เซ็นเซอร์จะสั่งหยุดรถอัตโนมัติเมื่อพบสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถที่ผู้ขับมองไม่เห็น ถุงลมนิรภัยคู่ Dual Airbag และม่านถุงลมนิรภัย Curtain Airbag รวม 6 ตำแหน่ง กล้องมองหลังพร้อมเส้นกะระยะขณะถอยหลัง ระบบ RVM: Rear Vehicle Monitoring
นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจจับมุมอับสายตา โดยเรดาร์จะทำหน้าที่ตรวจจับรถที่แล่นมาด้านหลัง พร้อมส่งสัญญาณเตือนผู้ขับให้ใช้ความระมัดระวังในการเปลี่ยนเลนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะบนไฮเวย์ หรือถนนที่มีหลายเลน
ราคาจำหน่ายของมาสด้า 3 แบ่งเป็นสี่รุ่น โดยตัวถังแฮทช์แบ็กมีรุ่นท็อป 2.0SP Sports เปิดราคา 1.099 ล้านบาท ส่วนรุ่นรองลงไปมีทั้งแฮทช์แบ็กและซีดาน รุ่น 2.0S อยู่ที่ 9.88 แสนบาท รุ่น 2.0C เคาะ 9.28 แสนบาท และรุ่นเริ่มต้น 2.0E ตั้งไว้ที่ 8.38 แสนบาท
สร้างกระแสครึกโครมก่อนเปิดตัวด้วยการเชิญสื่อมวลชนไปสัมผัสขุมพลังเทอร์โบรุ่นใหม่เอี่ยมกันถึงสนามแข่งในบุรีรัมย์ ฮอนด้า ซีวิคใหม่ มาพร้อมกับการออกแบบตัวรถที่ดูสปอร์ต และล้ำสมัยด้วยตัวถังที่กว้าง และมีความสูงของตัวรถที่ลดลง เพื่อสร้างอารมณ์การขับขี่ที่สปอร์ต
เส้นสายด้านข้างตัวรถที่คมชัดให้ความดุดันยิ่งขึ้นด้วยกระจังหน้าโครเมียมรูปร่างคล้ายปีกที่วางตัวเป็นแนวยาวเต็มกรอบกระจังหน้าเอกลักษณ์ล่าสุดของฮอนด้า เชื่อมต่อกับไฟหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ทั้งยังโดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยไฟท้ายรูปทรงตัว C แบบ LED โดยมีตัวถังให้เลือกทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีขาวออร์คิด (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) และ 2 สีใหม่ ได้แก่ สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีน้ำเงินคอสมิก (เมทัลลิก)
การออกแบบภายใน เน้นการเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูง และเส้นสายการออกแบบที่ให้ความรู้สึกสปอร์ตและพรีเมียม รวมถึงพื้นที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางสะดวกสบายใกล้เคียงกับรถยนต์ในระดับมิดไซส์
แน่นอนว่าฮอนด้าจัดเต็มเทคโนโลยีล้ำสมัย เริ่มจากระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch ควบคุมฟังก์ชั่นความบันเทิง พร้อมระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย (Bluetooth) และช่องเชื่อมต่อ USB ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay ระบบสตาร์ทเครื่องยนต์ พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท (Engine Remote Start) ที่สามารถสั่งการได้จากระยะไกล จึงสามารถอุ่นเครื่อง พร้อมปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้เย็นสบายล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง โดยขณะที่ประตูรถยังคงล็อกอยู่เช่นเดิม และรถจะไม่สามารถออกตัวได้ จนกว่าผู้ขับจะเข้าไปสตาร์ทรถตามปกติ
หัวใจสำคัญของฮอนด้า ซีวิค คือเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร DOHC VTEC TURBO ใหม่ พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ลูกใหม่ภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีม ให้กำลังสูงสุด 173 แรงม้า ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 220 นิวตัน-เมตร ที่ 1,700 - 5,500 รอบ/นาที ฮอนด้าเคลมว่าขุมพลังบล็อกนี้ให้กำลังเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 2.4 ลิตร แต่มีอัตราการประหยัดน้ำมันเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร
นอกจากนี้ยังมีขุมพลังขนาด 1.8 ลิตร SOHC i-VTEC พร้อมด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ CVT ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้เทคโนโลยีเอิร์ธดรีมเช่นกัน ให้กำลังสูงสุด 141 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที ด้วยแรงบิดสูงสุดที่ 174 นิวตัน-เมตร ที่ 4,300 รอบ/นาที รองรับพลังงานทางเลือก E85
ความปลอดภัยที่อัดแน่น อาทิ ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) ระบบ Auto Brake Hold และระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ฮอนด้า ซีวิค ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่น ได้แก่ รุ่น TURBO RS 1.199 ล้านบาท รุ่น TURBO 1.099 ล้านบาท รุ่น 1.8 EL 9.59 แสนบาท และรุ่น 1.8 E 8.69 แสนบาท
LINE
ความคิดเห็น